เข้าสู่ระบบผ่าน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน นิยาย บท 4

ตอนที่ 4 ไม่มีเงินก็ทำอะไรไม่ได้

คาบเรียนช่วงบ่าย อาจารย์ประจำชั้นก็เอ่ยถึงเรื่องสมัครสอบวรยุทธ์ขึ้นมาอีกครั้ง

สถานการณ์ในเมืองหยางเฉิงไม่ถือว่าแย่มากนัก หลายปีที่ผ่านมาก็มีคนสอบสายวรยุทธ์ได้ทุกปี ปีก่อนเรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮา สอบครั้งเดียวได้ถึงห้าคน

ชั้นมัธยมปลายปีสามห้องสี่ แม้ว่าจะเป็นห้องเรียนธรรมดา แต่ปีก่อนผู้ที่สอบวรยุทธ์ผ่านทั้งห้าคน ก็มีสองคนมาจากห้องเรียนธรรมดา!

ฝ่ายบริหารของโรงเรียนที่เมื่อก่อนไม่คาดหวังกับห้องเรียนธรรมดา ปีนี้จึงให้ความสำคัญกับการสมัครสอบวรยุทธ์เป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าจะสอบได้หรือไม่ ขอให้สมัครก่อนก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็มีโอกาสกว่าการไม่สมัครเลย

แต่ค่าสมัครสอบที่สูงลิ่ว กลับเป็นด่านแรกที่ขัดขวางโอกาสคนกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์

ค่าสมัครสอบหนึ่งหมื่นหยวน เว้นเสียแต่ว่าตัวเองจะมีความมั่นใจ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่มีคนยอมจับปลาในน้ำขุ่น ส่วนพวกครอบครัวมีฐานะก็อีกเรื่อง

ดังนั้นตอนที่อาจารย์พูดถึงเรื่องนี้ จึงมีเสียงตอบรับบางตา มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สนใจ

พูดเรื่องสมัครสอบแล้ว อาจารย์ประจำชั้นก็เอ่ยอีกหนึ่งประโยคปิดท้าย “นักเรียนที่สอบวรยุทธ์ วันพุธหน้าตอนบ่าย โรงเรียนจะจัดกิจกรรมคลายข้อสงสัยก่อนสอบอีกหนึ่งครั้ง”

“ครั้งนี้โรงเรียนลงทุนไม่น้อย เชิญหวังจินหยาง นักศึกษามหาวิทยาลัยวรยุทธ์หนานเจียง กลับมาโรงเรียนเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ให้กับทุกคน ทุกคนควรจะรักษาโอกาสครั้งนี้เอาไว้ นักเรียนที่สมัครสอบ เมื่อถึงเวลานั้นโรงเรียนจะแจ้งให้ทุกคนทราบ อย่าลืมแต่งกายให้เหมาะสม…”

อาจารย์ประจำชั้นกำชับยกใหญ่ ใจความคร่าวๆ ก็คืออยากเน้นหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้

ทั้งหวังจินหยาง นักศึกษามหาวิทยาลัยวรยุทธ์หนานเจียงคนนี้ ความจริงเพิ่งเป็นนักศึกษาปีหนึ่งสายวรยุทธ์ของเมืองหยางเฉิงที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยวรยุทธ์หนานเจียงได้เมื่อปีที่แล้ว

และแม้ว่าจะเป็นนักศึกษาปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยวรยุทธ์ พวกอาจารย์ในเมืองหยางเฉิงก็ยังให้ความสำคัญ

ช่วงเวลานี้ ฟางผิงจึงตระหนักถึงความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับผู้ฝึกยุทธ์อีกครั้ง

แต่เฉินฝานที่อยู่ด้านข้าง กลับไม่ได้สนใจจุดนี้เหมือนฟางผิง เอ่ยพึมพำออกมา

“ครั้งนี้โรงเรียนใจป้ำจริงๆ ค่าใช้จ่ายในการจัดงานอย่างน้อยก็ต้องใช้ห้าหกหมื่นแล้ว…”

ฟางผิงใจเต้นตึกตัก อดเอ่ยไม่ได้ “ศิษย์เก่ากลับมาเล่าประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ ให้รุ่นน้องฟัง ต้องเก็บเงินด้วยเหรอ?”

เฉินฝานเอ่ยอย่างขบขัน “แน่นอนสิ นายคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์เชิญตัวง่ายหรือไง? นักศึกษาสายวรยุทธ์ยุ่งตัวเป็นเกลียว พวกเรายังมีปิดเทอมฤดูร้อนฤดูหนาว ส่วนพวกเขาปิดเทอมยังต้องหาเงิน ทั้งต้องฝึกวรยุทธ์ไปด้วย ถ้าไม่ให้เงิน ใครจะยอมเสียเวลามาให้ความรู้คนอื่นกัน? ต่อให้รุ่นพี่หวังไม่เอาเงิน โรงเรียนก็คงเป็นฝ่ายรบเร้าให้อยู่ดี ”

เฉินฝานพูดเช่นนี้ ทำให้ฟางผิงเข้าใจอย่างถ่องแท้

จากนั้นก็มองเฉินฝานอย่างแปลกใจอยู่บ้าง “คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนอย่างนายจะละเอียดลึกซึ้งไม่เบาเลยนะเนี่ย”

เฉินฝานเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายคนหนึ่ง เพราะความแตกต่างในชาติก่อน ทำให้ฟางผิงนึกไม่ถึงในบางเรื่อง เจ้าหนุ่มคนนี้เข้าใจโลกไม่น้อย

“อะไรของนาย…”เฉินฝานขบขันกับตัวเองเล็กน้อย สั่นศีรษะไม่ได้พูดอะไรอีก

ทางด้านฟางผิงก็ไม่เอ่ยอะไรต่อ กลับจมดิ่งในความคิด โอกาสหาเงินของผู้ฝึกยุทธ์มีมากกว่าคนธรรมดาเหมือนที่คิดจริงๆ ด้วย

นักศึกษาคนหนึ่ง มาตอบคำถามคลายข้อสงสัยให้รุ่นน้องฟัง เสียเวลาสองสามชั่วโมงเท่านั้น กลับได้ค่าตัวห้าหกหมื่นหยวนแล้ว

แม้ว่าจะไม่อาจเอาความเห็นของคนธรรมดามาเปรียบเทียบ แต่เงินห้าหกหมื่น พ่อแม่ของตัวเองต้องลำบากตรากตรําทั้งปีก็ยังหาไม่ได้เยอะถึงขนาดนั้น

เมื่อคาบของอาจารย์ประจำชั้นจบลง ฟางผิงทนเรียนต่ออีกไม่กี่คาบ เสียงกริ่งเลิกเรียนช่วงบ่ายก็ดังขึ้น

วันนี้เป็นวันเสาร์ โรงเรียนจึงไม่มีการเรียนด้วยตัวเองภาคค่ำ

ความจริงตอนนี้การสอบเกาเข่าใกล้เข้ามาแล้ว นักเรียนบางคนที่เตรียมสอบสายวรยุทธ์ ปกติก็ไม่ค่อยมาเรียนภาคค่ำด้วยตัวเองที่โรงเรียน

มักจะเตร่เตร็ดเรียนเองอยู่ข้างนอก ทั้งโรงเรียนก็ให้ความสำคัญกับนักเรียนสายวรยุทธ์มากกว่านักเรียนธรรมดา แม้ว่าทุกปีจะมีคนสอบได้ไม่กี่คนก็ตาม

ฟางผิงเดินออกจากโรงเรียนพร้อมกับเฉินฝานและเพื่อนนักเรียนที่คุ้นเคยบางส่วน เมื่อถึงหน้าประตูโรงเรียน ทุกคนค่อยแยกย้ายไปตามทางตัวเอง

ฟางผิงอาศัยเศษเสี้ยวความทรงจำที่คุ้นเคย เดินตามทางเพื่อกลับบ้าน

ขณะที่เดิน เขาก็ลังเลขึ้นมาอยู่บ้าง แม้ว่าชาตินี้จะมีความคล้ายคลึงกับโลกในความทรงจำของตัวเอง แต่ก็มีหลายสิ่งที่แตกต่างเช่นกัน

แล้วบ้านของตัวเองในชาตินี้ยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า?

และหากบ้านยังอยู่ พ่อแม่ของตัวเองจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นหรือไม่?

ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ใหญ่ที่อายุจิตใจเข้าใกล้วัยสามสิบ หากจู่ๆ พ่อแม่กลับเปลี่ยนเป็นอีกคน ฟางผิงคงกระดากปากจะเรียกอย่างแน่นอน

“คงไม่เปลี่ยนหรอกน่า?” ฟางผิงปลอบใจตัวเองอย่างไม่มั่นใจนัก

เพื่อนร่วมชั้นเหมือนเดิม อาจารย์คนเดิม ไม่มีเหตุผลที่พ่อแม่ตัวเองต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่นเสียหน่อย

แน่นอนว่า เป็นเหมือนเดิมย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แม้ว่าจะเปลี่ยนไป คนเป็นคนเดิม แต่ฐานะครอบครัวเปลี่ยนไปก็ไม่ได้แย่อะไร

ตัวอย่างเช่น หากฟางผิงกลับบ้านไป พบว่าเดิมทีครอบครัวของตัวเองก็เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองหยางเฉิง นั่นคงจะเยี่ยมไปเลย!

หรือไม่ก็พ่อแม่ของตัวเองกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง ยิ่งดีขึ้นไปใหญ่!

แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงความคิดเล่นๆ เท่านั้น

หลังจากฟางผิงรับรู้ถึงความโหดร้ายของโลกที่ตัวเองจากมา ก็ไม่ได้คาดหวังกับเรื่องนี้มากมายแล้ว

ฟางผิงใช้เวลาเดินมาถึงย่านที่พักของตัวเองเกือบยี่สิบนาที

ย่านจิ่งหูหยวน

ชื่อฟังดูไม่แย่ ความจริงกลับเป็นเพียงย่านเล็กๆ ที่รวมบ้านอายุกว่าสามสิบปีไม่กี่หลังไว้ในเมืองหยางเฉิง

มองแวบเดียวก็เห็นย่านที่คุ้นตา ตึกบางส่วนเก่าซอมซ่อ ฟางผิงยิ่งสลัดความคิดที่ว่าบ้านของตัวเองจะสวยหรูออกจากสมองจนหมดสิ้น

ในความทรงจำหลายปีมานี้ ฟางผิงมีความไม่พอใจสิ่งหนึ่งมาโดยตลอด

นั่นก็คือการที่เขาไม่ได้เป็นไชเอ้อร์ไต้[1]!

ตั้งแต่เข้าสู่ศตวรรษที่ 21 ชุมชนจิ่งหูหยวนก็มีข่าวแพร่ออกมาว่าจะมีการรื้อถอน

ผลปรากฏว่ามีข่าวลือทุกปี แต่จนเข้าสู่ปี 2018 แล้ว ชุมชนจิ่งหูหยวนก็ยังคงอยู่เช่นเดิม

เขาไม่ได้มีความคิดถึงบ้านมากมาย ความจริงก่อนหน้านี้ หรือก็คือชาติที่แล้ว ฟางผิงเพิ่งจะกลับบ้านมาเยี่ยมพ่อแม่ที่จิ่งหูหยวนเช่นกัน

ยามนี้พ่อแม่อายุน้อยลงกว่าเดิม นี่ถือเป็นเรื่องดี ไม่มีความจำเป็นต้องคิดซับซ้อน

ตึกแถวที่ 6 ห้อง 101

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน