ตอนที่ 221 เพื่อมวลมนุษยชาติ (2)
ฟางผิงทำหน้าสงสัย รีบเดินเข้ามา มองทะลุกระจกที่กั้นกลางเข้าไปด้านใน
ตอนนี้ในห้องทดลองมีนักวิจัยสวมชุดสีขาวหลายคนกำลังพูดคุยกันเสียงเบา
ด้านหน้าของพวกเขา กลับเป็น…คนคนหนึ่ง คนที่มีชีวิตอยู่!
อย่าถามเลยทำไมฟางผิงถึงรู้ว่าคือคนเป็นๆ แขนขาของอีกฝ่ายกำลังดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตาย…
ฟางผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ กระซิบว่า “อาจารย์ นี่คือ…”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยว่า “ร่างกายของมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนที่สุด เป็นระบบที่ยากจะวิจัยที่สุด ทั้งยังเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุด มนุษย์ที่อ่อนแอทำไมถึงสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ กลายเป็นปรมาจารย์ที่ร่างอยู่ยงคงกระพัน เปลี่ยนเลือดเนื้อเป็นร่างกายที่ไม่บุบสลายก็เพิ่มความลึกลับมากพอแล้ว ดังนั้นหลายปีนี้มนุษยชาติจึงไม่เคยหยุดวิจัยมาโดยตลอด ที่นี่เป็นสถาบันวิจัยที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ทั้งสิ่งที่วิจัยหลักๆ คือบุคคลที่พิเศษ อย่างเช่นคนที่มีการกลายพันธุ์ของไขกระดูก การกลายพันธุ์ของพลังจิตใจ รวมทั้งมนุษย์กลายพันธุ์ต่างๆ ใช่สิ จะว่าไปแล้ว อันที่จริงคนอย่างเธอน่าจะรวมอยู่ในนี้เหมือนกัน…”
ฟางผิงกลืนน้ำลายอีกครั้ง “เอาคนเป็นๆ มาวิจัย?”
“ใช่แล้ว ตัวอย่างมีน้อยเกินไป เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้”
“งั้น…งั้นพวกเขาเต็มใจหรือเปล่า?”
“ไม่อยู่แล้ว…แค่กๆ อาจจะล่ะมั้ง หลักๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ตาเฒ่าหลี่หาวอีกครั้ง ก่อนจู่ๆ จะตื่นตัวขึ้นมา “เอ๋ ครั้งนี้เป็นการชำแหละสมองสินะ? เข้าไปดูใกล้อีกหน่อยได้หรือเปล่า?”
ชายชุดขาวที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมจะไปถามก่อน น่าจะได้ อันที่จริงนี่เป็นการชำแหละสมองครั้งที่สี่ของเดือนนี้แล้ว ช่วงนี้ศาสตราจารย์หวังวิจัยหัวข้อใหม่ที่ถูกละทิ้งไว้มานาน ตกลงพลังจิตใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมองหรือเปล่า? ทั้งภายในสมองนั้นมีตัวพาหะที่ส่งผลต่อพลังจิตใจหรือเปล่า…ก่อนหน้านี้การวิจัยไม่ราบรื่นมาโดยตลอด หลักๆ เพราะขาดแคลนผู้แข็งแกร่งระดับสูงที่ใช้เพื่อวิจัย ตอนนี้เจ้าของร่างกาย แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับสูง แต่พลังจิตใจของเขาแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอยู่มาก สามารถรับรู้…”
ฟางผิงหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ก็ถูก ต่ำกว่าขั้นเจ็ด ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถรับรู้ถึงพลังจิตใจได้มีน้อยอย่างมาก การทดลองประเภทนี้พบเจอได้น้อยจริงๆ ช่างเถอะ พวกเราไม่เข้าไปแล้ว หากรบกวนศาสตราจารย์หวังเข้า ทำให้คนทดลองตายจะเป็นความผิดเสียเปล่าๆ”
ระหว่างที่พูด ตาเฒ่าหลี่หันไปมองฟางผิง กระซิบว่า “เธอสามารถสัมผัสพลังจิตใจได้หรือเปล่า?”
“ไม่ครับ!”
ฟางผิงปฏิเสธออกมาเป็นอันดับแรก ก่อนจะเอ่ยว่า “คือว่า…อาจจะ…อาจารย์ นี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ ชำแหละสมองเพื่อวิจัย? นี่…นี่จะมีชีวิตรอดอีกเหรอครับ?”
“เฮ้อ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว พลังจิตใจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ ไม่อาจเอาปรมาจารย์มาชำแหละวิจัยได้หรอก? ผู้ฝึกยุทธ์ที่สัมผัสได้ถึงพลังจิตใจล่วงหน้าพวกนี้พลังไม่ได้แข็งแกร่งมาก ไม่ได้มีฝีมือเกินกำลังพวกเรา ทั้งยังสัมผัสพลังจิตใจได้พอดี ใช้พวกเขามาทดลองเหมาะสมที่สุดแล้ว ตายก็เป็นการอุทิศตัวให้แก่การวิจัย! หากค้นพบความลับจริงๆ ทำให้คนสัมผัสถึงพลังจิตใจล่วงหน้าได้ บางทีมนุษยชาติอาจจะมีปรมาจารย์มากกว่านี้ก็ได้ งั้นผู้เสียสละทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่คุ้มค่า เพื่อมวลมนุษยชาติ!”
ตาเฒ่าหลี่ทำหน้าจริงจัง ชายชุดขาวเอ่ยอย่างเคร่งขรึมเช่นกัน “ทั้งหมดเพื่อมนุษยชาติ ยิ่งไปกว่านั้นในสายตาของพวกเราไม่นับว่า…”
“แค่กๆ เสี่ยวเฉิน อย่าพูดจาเลือดเย็นจนเกินไป พวกเขานับว่าใช้สำหรับการศึกษา อุทิศตัวเพื่อมนุษยชาติยังคงเป็นเรื่องคุ้มค่า”
“คุณพูดไม่ผิด”
ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างใบหน้าซีดเผือด ‘เพื่อมวลมนุษยชาติ’ ประโยคนี้จะสูงส่งเกินไปแล้ว
ไม่อาจชำแหละปรมาจารย์ได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคงไม่ได้มีค่าขนาดนั้นสินะ?
สามารถชำแหละได้!
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ “เพื่ออนาคตของมวลมนุษยชาติทำให้นักวิจัยอย่างพวกนายต้องมือเปื้อนเลือด ถือเป็นความรับผิดชอบของพวกเราเหมือนกัน”
ชายชุดขาวใบหน้าแดงขึ้นมา “คุณอย่าเอาแต่พูดแบบนี้ แม้จะถูกคนมองว่าเป็นเพชฌฆาต นั่นแล้วยังไง? ขอแค่เพิ่มโอกาสอันน้อยนิดให้มีผู้ฝึกยุทธ์ยอดฝีมืออย่างคุณขึ้นมาอีก แม้พวกเราต้องตายไปทั้งหมดก็นับเป็นเรื่องคุ้มค่า!”
“เสี่ยวเฉิน อย่ามาซาบซึ้งอะไรขนาดนั้น ถ้าพวกนายตายแล้ว นั่นถึงเป็นความสูญเสียของมนุษยชาติ…”
ทั้งสองคนคุยกันอย่างออกรส ฟางผิงกลับเอาแต่จับจ้องห้องทดลอง
มีดกรีดลงอย่างชำนาญ กำลังชำแหละสมองของอีกฝ่าย…โดยที่ไม่ได้ฉีดยาชา!
เพราะฟางผิงเห็นอีกฝ่ายกำลังดิ้นรนอยู่!
“โหดเหี้ยมขนาดนี้เลย…”
ตาเฒ่าหลี่ปรายสายตามองเขา ได้ยินเขาพึมพำกับตัวเองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “วางยาชาไม่ได้ ต้องมีสติ พลังจิตใจถึงจะพลุกพล่าน อยู่ในสภาวะไร้สติ พลังจิตใจจะทำงานน้อยลง”
ฟางผิง “…”
“ฟางผิง ออกมาจากถ้ำ เธอมาตรวจสอบที่นี่ก็ได้ สภาพแวดล้อมถือว่าใช้ได้เลย…”
“อาจารย์…”
“วางใจเถอะ มีพวกเราอยู่ ถึงเวลานั้นเรียกคณบดีของพวกเรามา หรือหน่วยทหารจะกล้าชำแหละเธอเพื่อวิจัยได้อีก?”
ฟางผิงกล้ามเนื้อหน้ากระตุก กล่าวอึกๆ อักๆ “แต่ว่า แต่ว่า…”
“แน่นอน หากเธอกลายเป็นปรมาจารย์ก็คงไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น”
“ผมเพิ่งจะขั้นสาม…”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน