ตอนที่ 26 จัดการ
วันศุกร์ที่ 11 เมษายน
เช้าตรู่ฟางผิงใช้มือถือรุ่นเก่าคร่ำครึของพ่อ โทรไปลาช่วงเช้ากับอาจารย์ประจำชั้น
หลิวอันกั๋วเป็นห่วงอย่างยิ่ง ตอบกลับมาว่าให้ฟางผิงรักษาสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ
ฟางผิงในยามนี้ ไม่ใช่ฟางผิงคนก่อนแล้ว
เขามีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้!
การสอบใกล้เข้ามาแล้ว หากยามนี้ล้มหมอนนอนเสื่อ หลิวอันกั๋วคงต้องหลั่งน้ำตา
จนได้ฟังจากฟางผิงว่าเขาไม่สบายเล็กน้อยเท่านั้น หลิวกั๋วอันจึงค่อยวางใจ กำชับยกใหญ่ ยินดีอย่างยิ่งที่จะให้ฟางผิงลาเรียน
มาถึงตอนนี้ สองสามีภรรยาฟางหมิงหยวนก็ยิ่งเชื่อสนิทใจว่า ลูกชายมีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จริงๆ
อาจารย์ประจำชั้นใส่ใจดูแลขนาดนี้ หากไม่ใช่ว่ามีโอกาสสอบได้ เขาก็คงไม่ทำเช่นนี้หรอก
ฟางหยวนที่ก่อนหน้านี้สงสัยว่าพี่ชายตัวเองคุยโม้ ยามนี้จำต้องเชื่อว่า พี่ชายน่าจะไม่ได้โกหกจริงๆ
กระทั่งสาวน้อยยังตั้งคำถามกับการใช้ชีวิตว่า พี่ชายตัวเองจะสอบศิลปะการต่อสู้ได้หรือไม่?
เห็นแววตาไม่กล้าจะเชื่อของน้องสาว ฟางผิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างยิ่ง
—
ไม่นาน พ่อแม่ก็ไปทำงาน ฟางหยวนไปโรงเรียนเช่นกัน
ในบ้านเหลือเพียงฟางผิงอยู่คนเดียว
แม้ว่าตึกด้านบนจะเงียบสงัด แต่ฟางผิงมั่นใจว่า ชายคนนั้นยังอยู่ด้านบน
ชายที่เอาแต่หมกตัวอยู่ติดบ้านคนนั้น!
นอกจากกินข้าว ฟางผิงก็ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายออกไปไหนเลย
แน่นอนว่า ชายคนอื่นที่อยู่ติดบ้าน หากไม่เล่นอินเตอร์เน็ต ติดทีวี ก็คงคลั่งไคล้ในเรื่องอื่น
แต่ชายชั้นบนนั้น ฟางผิงมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีอินเตอร์เน็ต ทั้งไม่ดูโทรทัศน์เช่นกัน
อินเตอร์เน็ตชั้นบนถูกตัดไปนานแล้ว โทรทัศน์ก็เหมือนไม่เคยถูกเปิดมาก่อน
คนเช่นนี้ หมกอยู่แต่ในบ้าน ก็ไม่รู้ว่าปิดบังความชั่วร้ายอะไรอยู่
ฟางผิงสงสัยอย่างยิ่งว่า ยามนี้ชายคนนั้นจะกำลังหลบอยู่ข้างหน้าต่าง ไม่ก็แนบหูกับพื้นห้อง เพื่อจะฟังความเคลื่อนไหวของบ้านเขา
ฟางผิงไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์มีความสามารถพิเศษในทุกเรื่อง รวมทั้งการฟังด้วยหรือเปล่า
ดังนั้นแม้จะอยู่บ้าน เขาก็ระวังตัวอย่างยิ่ง หลีกเลี่ยงที่จะพูดเรื่องสำคัญ
รวมทั้งก่อนที่จะขึ้นไปหยั่งเชิง วันนี้เขาลาเรียน ก็ทำทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อไม่ให้เรื่องดูกระโตกกระตาก
ฟางผิงไม่ได้รีบหาโอกาสขึ้นไปชั้นบน เขาเดินวนอยู่ในบ้านรอบหนึ่ง สวมเสื้อคลุม ก่อนจะเอาขวดยายัดไว้ในแขนเสื้อ วางปากขวดที่ฝ่ามือ
ทดลองกับแก้วในบ้านตัวเองหลายครั้ง เมื่อฟางผิงรู้สึกว่า ตัวเองหยอดยาได้เร็วไม่น้อย ยามนี้จึงสบายใจขึ้นมาบ้าง
ยานี้ไม่มีกลิ่นอะไร แต่ไม่รู้ว่าดื่มไปแล้ว จะมีรสชาติหรือไม่
ฟางผิงกังวลอยู่บ้าง จึงเทลงไปผสมในน้ำนิดหน่อย ก่อนจะใช้ลิ้นแตะดู
เมื่อปลายลิ้นสัมผัส ก็แทบไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่าเลย ฟางผิงรีบถ่มออกมา ก่อนใบหน้าจะปรากฏรอยยิ้มขึ้น
ไร้สีไร้รส ดีกว่าที่ตัวเองจินตนาการไว้มาก
ผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นคนเหมือนกัน แม้ว่าจะไวต่อกลิ่นและรส คาดว่าคงไม่เจอความผิดปกติง่ายๆ ถึงเพียงนั้น
ฟางผิงก็คิดว่าคงจะไม่มีใครที่เอาแต่ระวังตัวอยู่ตลอดหรอก ยิ่งไปกว่านั้นตัวเองยังเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง
นอนอยู่บนเตียงสักพัก รอจนเวลาเก้าโมงกว่า เขาก็หยัดกายขึ้น เดินไปทางห้องครัว
เมื่อเข้าไปในครัว ฟางผิงก็ถือกาน้ำร้อนขึ้น บ่นกับตัวเองไปพลาง “ในบ้านไม่มีน้ำร้อนเลยเหรอเนี่ย?”
“กินยาไม่มีน้ำร้อน กินไม่ลงจริงๆ!”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้ายาแก้ไข้และแก้วน้ำ เดินออกไปด้านนอก
—
ชั้นสอง
ก๊อกๆๆ
หวงปินที่กำลังค้นของในกระเป๋าสัมภาระ ได้ยินเสียงเคาะประตู สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
รีบยัดกระเป๋าในมือไว้ใต้โซฟา ก่อนจะชะงักลมหายใจ ไม่ให้มีเสียงเคลื่อนไหว
“คุณลุงอยู่บ้านไหมครับ?”
เมื่อเสียงดังเข้ามาจากประตู หวงปินก็ขมวดคิ้วขึ้น เจ้าเด็กนี่อีกแล้ว!
เขาเผยสีหน้าหมดความอดทนอยู่บ้าง เขาปลีกตัวมาอยู่คนเดียว ก็เพราะไม่อยากคบค้าสมาคมกับใคร เด็กนี่สองวันกลับมาหาเขาสองครั้งแล้ว
หวงปินนั้นไม่อยากตอบ แต่เมื่อครุ่นคิดแล้ว ยังคงเอ่ยกลับไป “อยู่ๆ กำลังไป!”
—
ด้านนอกประตู
หวงปินเปิดประตูด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม “วันนี้ไม่ไปเรียนเหรอ?”
ฟางผิงถูขมับเล็กน้อย เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มอยู่บ้าง “ไม่รู้ว่าหลายวันนี้เครียดเกินไปหรือเปล่า รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย เลยลาเรียนช่วงเช้าไป คุณลุงมีน้ำร้อนหรือเปล่า? ผมกำลังจะกินยา แต่ในบ้านไม่มีน้ำร้อน ถ้าต้มน้ำยังต้องรออีกพักใหญ่ ผมเลยขึ้นมา…”
หวงปินเข้าใจทันที หงุดหงิดใจยิ่งกว่าเดิม
เด็กนี้คิดกับเขาเป็นคนกันเองเสียอย่างนั้น ในบ้านไม่มีน้ำร้อนก็มาขอเขา!
แม้ว่าจะรำคาญ หวงปินยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันมีน้ำร้อน นายเข้ามาสิ”
“รบกวนคุณลุงแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ทั้งสองคนเอ่ยพอเป็นพิธี ก่อนฟางผิงจะถือแก้วน้ำเข้ามาในห้อง
หวงปินชี้ไปที่ห้องครัว “กาน้ำร้อนอยู่ทางนั้น ให้ฉันช่วยหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรครับคุณลุง เดี๋ยวผมจัดการเอง” ฟางผิงโบกมือพัลวัน
จากนั้นก็มองระเบียงที่รูดผ้าม่านปิดครึ่งหนึ่ง เอ่ยราวไม่ใส่นัก “ในห้องมืดจัง ม่านนี้เสียเหรอครับคุณลุง?”
“ไม่ได้เสีย…”
“อ่อ ผมก็นึกว่าม่านรูดไม่ได้ซะอีก”
หวงปินไร้คำพูดอย่างยิ่ง ทำไมแกจะต้องจุ้นจ้านไปทุกเรื่อง?
แต่เจ้าเด็กนี้ก็ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า ทำแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไร กลางวันแสกๆ กลับรูดม่านมาปิดไว้
เห็นฟางผิงเดินเข้าไปในครัว หวงปินก็ไม่ได้ตามเข้าไป เดินไปทางระเบียงแทน คิดจะเปิดผ้าม่านออก
ฟางผิงลอบถอนหายใจ คำพูดนี้ เขาตรึกตรองมาหลายครั้งแล้ว
หวงปินเดินไปตามแผนที่เขาวางไว้จริงๆ แน่นอนว่า แม้หวงปินจะไม่เดินไปทางระเบียง ฟางผิงก็ยังมีแผนรับมืออีก
ยามนี้กลับลดปัญหาไปได้
ฟางผิงไม่คอยช้า เดินเข้าไปในครัว ยกกาน้ำร้อนเทใส่แก้วตัวเอง
จากนั้นก็ควักขวดเล็กๆ ออกมาจากแขนเสื้อ เทยาใส่กาน้ำร้อนด้วยความรวดเร็ว
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ฟางผิงก็ปิดฝาขวด เก็บยาไว้ที่เดิม ยามนี้ค่อยยกแก้วน้ำเดินออกไปข้างนอก
ออกมาจากครัว หวงปินก็เปิดผ้าม่านออกแล้ว กำลังจะเดินมาทางครัวพอดี
ฟางผิงไม่เผยความลนลานอะไร อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ หากเขาหัวใจเต้นเร็ว อีกฝ่ายย่อมจับสัมผัสได้ นั่นก็เป็นเรื่องแล้ว
เห็นหวงปินเดินมา ฟางผิงก็ยกแก้วขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณนะครับคุณลุง”
“ไม่เป็นไร”
หวงปินก็ไม่มากความ พูดจบก็รอสักพัก เจ้าเด็กนี้ได้น้ำร้อน เดี๋ยวก็คงไปแล้ว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน