เข้าสู่ระบบผ่าน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน นิยาย บท 30

ตอนที่ 30 เงื่อนไขการทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์

หวงปินอยากจะหนีออกไปให้เร็วที่สุด กลับไม่อาจยอมรับได้ว่าตัวเองมีของดีกว่านี้อยู่กับตัวจริงๆ

คำถามของฟางผิง เขาย่อมปฏิเสธ

ฟางผิงก็ไม่ใส่ใจ นำมีดออกมาเคาะเบาๆ บนพื้น ครุ่นคิดเล็กน้อยเอ่ยว่า “ดูท่าแล้วแกคงก่อคดีมาไม่น้อย ฆ่าคนไปเยอะแล้วล่ะสิ?”

หวงปินไม่ตอบ

เรื่องแบบนี้ หากตอบได้ไม่ดี อาจจะพลิกสถานการณ์ให้เลวร้ายขึ้น

เห็นเขาไม่ตอบเรื่องนี้ ฟางผิงก็ไม่คิดซักไซ้ต่อ ในใจมีแผนอยู่แล้ว

ยามนี้ ฟางผิงไม่ได้อยากรู้เรื่องนี้ขนาดนั้น

ฟางผิงเงียบไปพักใหญ่ ท้ายที่สุดก็ถามเรื่องที่ตัวเองสนใจมากที่สุด

“ฉันอยากถามแกอีกสักคำถาม หากคำตอบของแกทำให้ฉันพอใจ ฉันอาจพิจารณาเรื่องที่แกพูดมาก่อนหน้านี้ก็ได้”

หวงปินเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ถามมาเลย!”

“แบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์?”

คำถามนี้ถามได้ขบขันยิ่ง คนส่วนมากหากได้ยินคงจะขำกันแล้ว

คนที่ไม่รู้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร ยังจะไล่ตามเส้นทางนี้อีก น่าขันสิ้นดี!

ทว่าหวงปินกลับไม่คิดจะขำแม้แต่น้อย

นอกจากผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง หรือเรียนรู้สืบต่อมาจากบรรพบุรุษ จะมีคนธรรมดาสักกี่คนกันที่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงคืออะไร!

ที่จริงสิ่งที่ฟางผิงจะถามไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่เป็นจะทำอย่างไรถึงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ มาตรฐานของผู้ฝึกยุทธ์ คำนิยามของผู้ฝึกยุทธ์…เรื่องพวกนี้ก็นับเป็นความลับเช่นกัน

ทางการไม่ได้เผยแพร่ข่าวสารให้คนทั่วไปรับรู้ เหตุผลนั้นมีมากมาย ในสถานการณ์ทั่วไป มีเพียงต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้วถึงจะรับทราบเท่านั้น

หากเป็นหวังจินหยาง ยามนี้ก็คงจะพูดว่า “รอนายเข้าไปในมหาวิทยาลัยก่อนก็จะเข้าใจเอง”

แต่หวงปินไม่ใช่หวังจินหยาง ยามนี้กระทั่งตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความลับที่แทบไม่เป็นความลับพวกนี้

หวงปินคิดจะหลอกฟางผิงสักครั้ง แต่นึกถึงฟางผิงยังห่างไกลจากผู้ฝึกยุทธ์อยู่บ้าง รอเขาทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยังไม่รู้ว่าต้องรออีกกี่ชาติ

ยามนี้โกหกไปก็ไม่มีความหมายอะไรอยู่ดี

นึกถึงเรื่องพวกนี้ หวงปินจึงตอบแต่โดยดี “ผู้ฝึกยุทธ์ ที่จริงก็เป็นคนทั่วไปที่ทะลวงขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ สิ่งสำคัญอยู่ที่ต้องฝ่าขีดจำกัด ผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงคงยังไม่ต้องพูดถึง ไกลตัวจากนายมาก พูดถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างก่อนเถอะ”

“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกนายว่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างต้องให้ความสำคัญกับกระดูก ส่วนเรื่องฝึกฝนภายนอกเป็นเรื่องรอง แต่พลังปราณ กลับเป็นพื้นฐานในการฝึกฝนร่างกายภายนอก สรุปแล้วยังต้องยึดปราณเป็นหลัก ทั้งทำให้กระดูกแข็งแรง นี่จึงเป็นคุณสมบัติที่ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์…”

จากที่หวงปินพูด ฟางผิงก็ค่อยๆ เข้าใจเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว

ขณะเดียวกัน ฟางผิงก็อดนึกถึงคำพูดที่หวังจินหยางเอ่ยก่อนหน้านี้ไม่ได้

ยามที่ไปรับหวังจินหยาง พวกหยางเจี้ยนคุยกันเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นนักเรียนเกาเข่า

เวลานั้นหวังจินหยางก็พูดว่า ไม่เพียงคนพวกนี้ต้องมีพรสวรรค์ แต่ต้องมีชาติตระกูลดี มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คอยหนุนหลังอยู่ทั้งนั้น

ก่อนหน้านี้ยังไม่เข้าใจความหมาย ยามนี้ฟางผิงกลับกระจ่างแจ้งแล้ว

จากที่หวงปินเอ่ย คิดจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อย่างน้อยที่สุดต้องมีเงื่อนไขสามข้อ

หนึ่งคือพลังปราณ

เกณฑ์การรับนักเรียนสายศิลปะการต่อสู้ ปกติน้อยที่สุดค่าปราณต้องหนึ่งร้อยสิบแคลขึ้นไป แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเป็นมาตรฐานของผู้ฝึกยุทธ์

อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อย่างน้อยต้องมีปราณถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล

แน่นอนว่าสูงหน่อยก็ยิ่งดี แต่ไม่อาจให้เกินสองร้อยแคล ไม่อย่างนั้น หากค่าปราณพลุกพล่าน เกินขีดจำกัดของร่างกายก็ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว

สองคือความแข็งแรงของกระดูก

คนทั่วไปอยากจะทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ กระดูกต้องมีความแข็งแรง อย่างน้อยก็ต้องรองรับปราณที่พลุกพล่านหลังจากทะลวงด่านได้ และการเสริมสร้างกระดูก ใช่ว่าจะอาศัยการกินยาบำรุงอย่างเดียว แต่ยังต้องเรียนรู้ฝึกวิชาด้วยตัวเอง

และเงื่อนไขข้อที่สามก็คือ…เคล็ดวิชา!

เคล็ดวิชาพื้นฐานส่วนใหญ่ ปกติมักจะส่งผลให้การฝึกฝนปราณและกระดูกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงยาบำรุง ค่าปราณของคนทั่วไปจะพุ่งถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแคลนับเป็นเรื่องยาก ไหนเลยจะมีโอกาสที่ปราณขึ้นสูงเพียงนั้น

แน่นอนว่าหากฝึกฝนวิชา ก็ต้องมีพื้นฐาน ปกติน้อยที่สุดก็ต้องมีปราณหนึ่งร้อยสิบแคลถึงจะฝึกวิชาได้

ไม่อย่างนั้น พลังปราณไม่พอ หลังจากฝึกฝน อาจจะกลายเป็นคนป่วยกระเสาะกระแสะ หรือทำให้ร่างกายบาดเจ็บได้

นี่จึงเป็นเหตุผลที่การรับนักเรียนศิลปะการต่อสู้ทุกปีมีการกำหนดเกณฑ์ปราณขั้นต่ำ

แต่เคล็ดวิชาไม่ได้ถ่ายทอดกันง่ายๆ!

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ต่ำกว่าขั้นสี่ ไม่อาจถ่ายทอดวิชาให้คนอื่นได้

หากเผยแพร่วิชา ย่อมมีความผิด

ยามที่หวงปินพูดเรื่องนี้ กลับไม่มีท่าทีขุ่นเคืองอะไร แต่เผยสีหน้าเข้าใจ

ทำไมจึงห้ามคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ในการถ่ายทอดวิชา?

ไม่ใช่ว่าต้องการจำกัดผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างและคนทั่วไป แต่เพื่อปกป้องต่างหาก

ยามที่คนธรรมดาทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ปราณจะพลุกพล่านอย่างยิ่ง

หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางคอยดูแลชี้แนะ อาจจะเส้นเลือดฉีกขาด ปราณทะลวงอวัยวะภายในได้

หากโชคดีก็เจ็บหนัก โชคร้ายคงต้องทิ้งชีวิต

ในสังคมมีหลักสูตรฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เงื่อนไขคือต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไปถึงจะเปิดหลักสูตรได้ ทั้งเพื่อไม่ให้วิชาถูกถ่ายทอดไปแบบผิดๆ เช่นกัน

ไม่มีคนชี้แนะ ไม่มีคนปกป้อง ย่อมมีความอันตรายอย่างยิ่ง

หลายปีก่อน ยังไม่มีข้อจำกัดการถ่ายทอดวิชา

แต่คนทั่วไป ส่วนใหญ่เมื่อได้รับเคล็ดวิชา เพื่อจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ จึงยอมเสี่ยงโดยไม่สนใจอะไร ทุกปีจึงมีคนเสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเลย

คนที่ประสบผลสำเร็จย่อมมีเช่นกัน แต่เป็นส่วนน้อย

ในกลุ่มหนึ่งร้อยคนที่ฝึกวิชา ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีคนคอยชี้แนะ ผู้ที่ทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้ มีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

คนอื่นๆ บ้างก็ไม่กล้าฝึกฝนต่อไป บ้างก็เกิดเส้นเลือดฉีดขาดในระหว่างทะลวงขั้น

ทั้งคนทั่วไป ส่วนมากจะมีค่าปราณไม่ถึงมาตรฐาน เมื่อฝึกวิชาล่วงหน้า ท้ายที่สุดก็จะทำลายแก่นของร่างกาย หาทางซ่อมแซมอย่างไรก็นำกลับมาไม่ได้

ปัจจุบันไม่เหมือนสมัยโบราณ ชีวิตคนยังเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงมีการจำกัดการถ่ายทอดวิชา

มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขึ้นไปที่สามารถควบคุมดูแลคนทั่วไปที่กำลังจะทะลวงขั้นได้

ดังนั้นท้ายที่สุดทางการจึงมีความเคลื่อนไหวออกมา รวมทั้งจำกัดตัวแทนที่เปิดหลักสูตรฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ว่า อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นไป

คนธรรมดาทะลวงขั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ หากไม่อาจใช้เงื่อนไขก่อนหน้านี้ หรือรอไม่ได้ ก็ต้องพึ่งพาผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่

ค่าเรียนหลักสูตรฝึกฝนศิลปะการต่อสู้นั้นแพงอย่างยิ่ง ที่จริงเคล็ดวิชาไม่ใช่เรื่องหลัก แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่รับประกันความปลอดภัย

คนที่สมัครเรียนหลักสูตร ยามที่ทะลวงขั้น ย่อมมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คอยช่วยเหลือดูแล

หากการทะลวงขั้นไม่ราบรื่น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ก็สามารถช่วยควบคุมการพลุกพล่านของปราณได้

ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ สถานการณ์ก็ไม่ต่างกันมากเช่นกัน

ยามที่นักศึกษาทะลวงขั้น สามารถเชิญตัวผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่มาควบคุมดูแลได้

พลังปราณ ความแข็งแรงของกระดูก เคล็ดวิชา สามอย่างนี้เป็นเงื่อนไขเบื้องต้น

ตอนที่ 30 เงื่อนไขการทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ 1

ตอนที่ 30 เงื่อนไขการทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน