ตอนที่ 337 คนใจกล้าถึงจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ (1)
วันที่ 2 ธันวาคม
แปดโมงเช้า
การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น
สนามกีฬามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง
การแข่งขันรอบแรกเปิดฉากด้วยโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน
—
พิธีกรด้านบนเวทียังคงพูดแนะนำผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
ด้านล่างนั้นหลิวต้าลี่กำลังยกกล้องจ่อไปที่ฟางผิง เอ่ยด้วยใบหน้าประจบสอพลอ “ประธานฟาง คุณช่วยวิเคราะห์สถานการณ์ระหว่างโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานให้ผู้ชมฟังสักหน่อยได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงไม่รู้ว่าไปเอาเก้าอี้มาจากไหน นั่งอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่งของชั้นสอง
ได้ยินคำถามจากหลิวต้าลี่ ฟางผิงก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ทางโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายหนึ่งคน ตอนกลางสองคน ตอนต้นสองคน มหาวิทยาลัยเทียนหนานมีขั้นสี่ตอนกลางหนึ่งคน ตอนต้นหนึ่งคน ขั้นสามสูงสุดสามคน มองจากความสามารถแล้ว โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวแข็งแกร่งมากกว่า ส่วนเรื่องแพ้ชนะ หากไม่เหนือความคาดหมาย มหาวิทยาลัยเทียนหนานต้องแพ้อย่างแน่นอน ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องสนใจก็คือทั้งสองฝ่ายจะสู้กันจนถึงกี่สนาม”
“พูดถึงมหาวิทยาลัยเทียนหนานก่อน เรื่องส่งคนไปตาย เทียนหนานไม่ทำอยู่แล้ว อันดับแรกคงจะส่งขั้นสี่คนใดคนหนึ่งลงสนาม ถ้าประธานซวนจี้เย่นำทัพ ทางโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวให้ประธานสมาคมของพวกเขารั้งท้าย งั้นอย่างน้อยก็น่าจะเอาชนะได้สามคน!”
หลิวต้าลี่เอ่ยด้วยความสงสัย “โรงเรียมเตรียมทหารจิ่วโจวมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางสองคนเหมือนกัน ซวนจี้เย่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
“ผู้ฝึกยุทธ์โรงเรียนเตรียมทหาร ไม่ได้ขาดแคลนโอกาสในการขัดเกลา ปลิดชีพอย่างเด็ดเดี่ยว สังหารมานับไม่ถ้วน หากเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเทียนหนานก่อนหน้านี้ รวมถึงโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวมียอดฝีมือระดับเดียวกันคงเอาชนะอีกฝ่ายได้สบายๆ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“มหาวิทยาลัยเทียนหนานเผชิญหน้ากับเหตุไม่คาดฝันหลายต่อหลายครั้ง ซวนจี้เย่ถือว่ารับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงที่วิกฤตพอดี ฉันเคยเห็นคลิปวิดีโอที่อีกฝ่ายปะทะกับยอดฝีมือจากมหาวิทยาลัยซีเป่ย ซวนจี้เย่ลงมือมั่นคง แม่นยำและไร้ความปรานี เคล็ดวิชาต่อสู้ขัดเกลามาจากการสังหาร รวมถึงแรงกระตุ้นจากการทุบหม้อข้าวจมเรือ ใช้พลังอ่อนโยนเอาชนะความแข็งแกร่ง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกันมีไม่กี่คนที่เป็นคู่ต่อสู้เขา ส่วนจิ่วโจว ยังไงก็ไม่ใช่โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง คนของพวกเขายังไม่ได้ลงมือ แต่มองจากพลังแล้ว สู้โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งไม่ได้ แม้ซวนจี้เย่จะเจอขั้นสี่ตอนปลายย่างเสิ่นหงเหว่ยก็มีพลังต่อสู้เช่นกัน”
หลิวต้าลี่เอ่ยต่อ “งั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานมีหวังที่จะใช้ความอ่อนโยนเอาชนะความแข็งแกร่งของโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จะว่ายังไงดีล่ะ ก็ไม่ถึงกับไม่มีเลย อันที่จริงยังมีความหวังอยู่นิดหน่อย อย่างเช่นว่าโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวจะวางเสิ่นหงเหว่ยไว้ในลำดับที่สาม มหาวิทยาลัยเทียนหนานให้ซวนจี้เย่ออกคนแรกเอาชนะสองคนข้างหน้าก่อน สุดท้ายถ่วงรั้งให้เสิ่นหงเหว่ยลงจากเวทีด้วยกัน งั้นมหาวิทยาลัยเทียนหนานก็ยังพอมีความหวังแล้ว”
หลิวต้าลี่เอ่ยรับ “โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวน่าจะเคยคำนวณความเป็นไปได้นี้เช่นกัน งั้นโอกาสที่จะวางเสิ่นหงเหว่ยไว้ลำดับที่สามก็มีไม่เยอะแล้ว…”
“ถูกต้อง ถ้าฉันเป็นโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว สถานการณ์แบบนี้ต้องให้ผู้แข็งแกร่งลงสนามก่อนอยู่แล้ว ให้ขั้นสี่ตอนกลางคนหนึ่งรั้งท้ายก็เพียงพอแล้ว”
ระหว่างที่พูด ด้านล่างเวทีก็ประกาศลำดับการลงสนามของทั้งสองฝ่าย
โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว เสิ่นหงเหว่ยลงสนามเป็นลำดับแรก
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนาน ซวนจี้เย่ลงสนามเป็นคนแรก
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงส่ายหัวว่า “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เทียนหนานไม่มีโอกาสเสี่ยงดวงอีกแล้ว หากซวนจี้เย่แพ้ เทียนหนานก็จะหมดโอกาส”
หลิวต้าลี่ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยทันที “งั้นซวนจี้เย่กับเสิ่นหงเหว่ย ประธานฟางชอบใครมากกว่ากัน?”
“ดูการแสดงฝีมือในสนามดีกว่า หากเสิ่นหงเหว่ยไม่ประมาท น่าจะเอาชนะได้ แต่หลังจากชนะก็คงไม่มีแรงเหลือต่อสู้อีกแล้ว”
“งั้นถ้าประธานฟางผิงเจอสองคนนี้…”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “พูดแบบนี้เถอะ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่เข้าร่วมการแข่งขัน อันที่จริงแบ่งได้หลายระดับ ระดับอย่างพวกเหยาเฉิงจวินมีไม่กี่คน พวกเฉินเหวินหลงเป็นอีกระดับหนึ่ง คนในร้อยอันดับมีไม่เยอะเหมือนกัน จากนั้นเป็นขั้นสี่สูงสุดทั่วไป แน่นอนว่าทั่วไปนี้ถือว่าเป็นอัจฉริยะยอดฝีมือของโลกข้างนอกแล้ว จากนั้นก็เป็นขั้นสี่ตอนปลายและตอนกลางที่แข็งแกร่ง หลังจากนั้นอีกเป็นขั้นสี่ตอนกลางและตอนต้นธรรมดา สรุปแล้วแบ่งขั้นสี่คร่าวๆ ได้ห้าระดับ สองคนนี้ถูกจัดในระดับที่สี่ ไม่นับว่าแข็งแกร่งเกินไป ยังห่างไกลจากเหยาเฉิงจวินมาก…”
หลิวต้าลี่ทำหน้าหมดคำจะพูด สิ่งที่ฉันถามไม่ใช่เรื่องนี้
นายอยากให้ฉันถามอะไร?
นายคิดว่าฉันจะให้ความร่วมมือนายหรือไง?
แต่เมื่อเห็นแววตาแฝงความนัยของฟางผิง หลิวต้าลี่ยังคงถามด้วยรอยยิ้ม “งั้นจากวิธีแบ่งของประธานฟาง ประธานฟางจะจัดอยู่ในระดับที่สาม?”
“ระดับที่สาม?” ฟางผิงหัวเราะเบาๆ “หากมีระดับไร้คู่ต่อสู้ของขั้นสี่ งั้นฉันคงจะอยู่ในระดับนั้นเพียงคนเดียวต่างหาก”
หลิวต้าลี่เหนื่อยใจ กลับยังคงเผยสีหน้าเช่นเคย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ประธานฟางคิดว่าพวกเหยาเฉิงจวินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ?”
“ถ้าพวกเขาไม่ทะลวงขั้นห้าก็มีโอกาสน้อย”
“ประธานฟางมั่นใจในตัวเองจริงๆ”
“ผู้แข็งแกร่งมีความมั่นใจกันทั้งนั้น สรุปแล้ว สองคนข้างล่างนี้เกรงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดในโลกข้างนอกทั่วไป ฉันหมายถึงพวกที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ไม่ลึกล้ำเท่าไหร่ แต่ปะทะกับฉัน…”
ฟางผิงส่ายหน้าเล็กน้อย “ต้านฝ่ามือเดียวให้ได้ก่อน”
“ช่วงบ่ายเป็นการแข่งของประธานฟาง ตอนนี้ประธานฟางพูดแบบนี้ เกรงว่าจะสร้างศัตรูขึ้นมาไม่น้อย…”
“ยอดฝีมือนั้นสั่งสมมาจากการต่อสู้ ไม่มีศัตรูเป็นผู้ฝึกยุทธ์สักคนเดียว นั่นก็ไม่ใช่ยอดฝีมือ ยอดฝีมือไม่สนใจว่าศัตรูจะมากหรือน้อยอยู่แล้ว”
“…”
ทั้งสองคนผลัดกันถามตอบ พวกปรมาจารย์ที่อยู่อีกฝั่งของชั้นสองต่างได้ยินเต็มรูหู เหนื่อยใจอยู่บ้าง
ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่คนทั่วไปจริงๆ
เจ้าเด็กนี้ฝึกวิชาหน้าหนามาหรือไง?
—
ในเวลาเดียวกัน
บนอินเทอร์เน็ต หลายคนกำลังดูการถ่ายทอดสด ทั้งครั้งนี้เว็บไซต์ที่พวกเขาดูเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอออนไลน์ใหม่
เว็บไซต์วิดีโอหยวนฟาง!

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน