ตอนที่ 369 เข้าเมือง (2)
ฟางผิงยังมองต้นไม้ยักษ์ต้นนั้น ประตูทางเข้าเมืองขนาดใหญ่มีทหารสวมชุดเกราะเต็มยศกลุ่มหนึ่งเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
ด้านข้างมีคนกระซิบกระซาบกันว่า “ทหารองครักษ์เทพจู้หลิวออกเคลื่อนไหวแล้ว นี่จะเปิดสงครามกับเมืองไป๋เอ้อร์สินะ?”
ทหารเกราะออกจากเมืองไม่ได้เยอะมาก ฟางผิงกวาดสายตามอง น่าจะประมาณห้าสิบคน
แต่ฝีมือแข็งแกร่งจนน่ากลัวอยู่บ้าง!
ทั้งหมดเป็นยอดฝีมือระดับกลาง!
ยอดฝีมือเสื้อเกราะที่เป็นหัวหน้าคนนั้นมีคลื่นพลังงานแข็งแกร่ง อย่างน้อยน่าจะอยู่ขั้นหกตอนกลางขึ้นไป หรือบางทีอาจจะอยู่ตอนปลายหรือขั้นสูงสุดได้เช่นกัน ฟางผิงไม่กล้าสำรวจอย่างละเอียดนัก
ในห้าสิบคนมีขั้นห้าอยู่เยอะเหมือนกัน อย่างน้อยน่าจะเจ็ดแปดคน
กองกำลังเช่นนี้ แม้จะเป็นในถ้ำใต้ดินก็ถือว่าไม่อ่อนแอ
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวานเมืองจู้หลิวยังเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้เคลื่อนไหวทหารเยอะได้ขนาดนี้นับว่าไม่ง่ายแล้ว
“ไม่ได้ทำสงครามกับเมืองไป๋เอ้อร์ เมื่อคืนหมู่บ้านหลิวเย่ที่อยู่ห่างออกไปกว่าห้าสิบลี้ถูกคนทำลายย่อยยับ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมู่บ้านถูกสังหารจนไม่เหลือ!”
ฟางผิงตั้งใจเงี่ยหูฟัง ห่างออกไปห้าสิบลี้หรือเปล่าเขาไม่แน่ใจ ถ้ำใต้ดินน่าจะไม่ใช้หน่วยนับนี้ แต่ความหมายคร่าวๆ ก็ประมาณนี้แหละ
หมู่บ้านที่ห่างออกไปห้าสิบกว่าลี้ ผู้ฝึกยุทธ์ถูกฆ่าตายทั้งหมด!
พอฟ้าสว่าง ประชาชนคนธรรมดาที่หนีตายจากเมื่อวาน หลายคนเดินหลงทาง บางคนก็ยืมแสงไฟที่ริบหรี่ของเมืองราชา คลำผิดคลำถูกเข้ามาในเมือง
ทางเมืองจู้หลิวได้รับข่าวก็งัดไพ่ตายสุดท้ายออกมาทันที เคลื่อนไหวทหารองครักษ์เทพออกไปกลุ่มหนึ่ง
ฟางผิงยังได้ยินคนด้านข้างซุบซิบกันว่าหมู่บ้านหลิวเย่มียอดฝีมือขั้นห้านั่งรักษาการณ์อยู่
เทียบกับหมู่บ้านรอบๆ ถือว่าไม่อ่อนแอเลย
ยอดฝีมือขั้นสี่ก็มีหลายคน
ผลปรากฏว่าเมื่อคืนถูกคนสังหารแล้ว
“ได้ยินว่าสามคนนั้นฆ่าคนแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ยังช่วงชิงหินแห่งชีวิตที่เทพหลิวประทานให้แก่หมู่บ้านไป”
“อะไรนะ? หินแห่งชีวิตที่เทพหลิวประทานให้ถูกชิงไปแล้ว? งั้นต้องไม่ใช่ฝีมือของคนเมืองจู้หลิวแน่ ทั้งไม่ใช่ฝีมือคนอื่นๆ ของเผ่าเยาจื๋อด้วยเช่นกัน ฉันว่าต้องฝีมือของคนไป๋เอ้อร์อย่างแน่นอน!”
“นอกจากพวกเขา ใครจะกล้าชิงหินแห่งชีวิตที่เทพหลิวประทานให้ได้อีก?”
“…”
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำยังคงซุบซิบนินทาอยู่เหมือนกัน
ฟางผิงไม่ได้รีบเข้าเมือง ฟังคนพวกนี้พูดคุยกัน ได้ประโยชน์กลับมาไม่น้อย
อย่างเช่นหมู่บ้านเล็กๆ ใต้สังกัดของเมืองจู้หลิว หินพลังงานขนาดใหญ่ที่ส่องแสงกลางหมู่บ้านของพวกเขาไม่ได้มีไว้เพื่อส่องสว่างอย่างเดียว แต่สามารถขับไล่สัตว์ประหลาดได้เช่นกัน
สำหรับสัตว์ประหลาด หินพลังงานถือเป็นสิ่งที่ดึงดูดอย่างมาก
แต่เมื่อหินพลังงานปนเปื้อนด้วยลมหายใจของสัตว์ผู้พิทักษ์ขั้นเก้า สัตว์ประหลาดก็จะไม่กล้าโจมตีหมู่บ้านแล้ว
หินพลังงานประเภทนี้ ยอดฝีมือของเผ่าเยาจื๋อไม่อาจชิงไปง่ายๆ เพราะจะถูกยอดฝีมือค้นพบถึงความแตกต่างของลมหายใจได้ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่แย่ลง
แต่คนของเผ่าเยาจื๋อและเยามิ่งไม่ถูกกันมาโดยตลอด ช่วงชิงไปเป็นเรื่องที่ปกติเช่นกัน
“ขโมยหินพลังงาน สังหารผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด…”
ฟางผิงฟังอยู่พักหนึ่ง มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย ไม่ว่าจะมองยังไงก็คล้ายกับสไตล์ของเจ้าพวกนั้นอยู่บ้าง
“นี่คือเริ่มลงมือแล้ว?”
“หวังว่าคนพวกนั้นจะไม่ประมาท ครั้งนี้กลุ่มคนที่เคลื่อนไหวพวกนั้นไม่ได้ต่อกรง่ายๆ เลย”
ยอดฝีมือขั้นหกตอนกลางขึ้นไปหนึ่งคน รวมกับขั้นห้าเจ็ดแปดคนและขั้นสี่อีกสิบกว่าคน ฟางผิงไม่อยู่ สามคนนั้นอาจจัดการไม่ได้เสมอไป
ทั้งผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทหารโดยตรง
ไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังไร้ระบบระเบียบก่อนหน้านี้จะเทียบได้ ผู้ฝึกยุทธ์ทหารพวกนี้ต่อให้แย่ขนาดไหนก็คงไม่เกิดเหตุการณ์อย่างวิ่งหนีเอาตัวรอดได้ ผู้ฝึกยุทธ์พื้นเมืองเมื่อวานพวกนั้นมีหลายคนที่คิดจะหนีตาย
ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง เจ้าคนพวกนี้ทำให้คนวางใจไม่ได้จริงๆ
โชคดีที่ตัวเองไม่ได้อยู่กับพวกเขา ไม่งั้นตอนนี้คงไม่ใช่ว่าจะถูกคนไล่ฆ่าจนตายแล้วหรอกนะ?
เมื่อกี้ฟางผิงเห็นแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่ออกจากเมืองกลุ่มนั้นยังพกสัตว์ประหลาดที่คล้ายกับหมาป่าออกไปด้วยหลายตัว
หากไม่เหนือความคาดหมายต้องเป็นสุนัขทหารของถ้ำใต้ดิน
งั้นหินพลังงานที่ถูกแนบติดด้วยลมหายใจของต้นหลิวปีศาจต้องถูกสุนัขทหารพวกนี้ดมกลิ่นเจออย่างแน่นอน
“ปัญหาไม่ใช่เล็กๆ แล้ว แต่ช่วยพวกเขาไม่ไหวหรอก ดูแลตัวเองไปก็แล้วกัน”
ฟางผิงส่ายหน้า ในใจเพิ่มความระแวดระวังขึ้นมาหลายส่วน ครั้งหน้าต้องระวังให้ดี นึกไม่ถึงว่าถ้ำใต้ดินจะมีสิ่งชีวิตอย่างสุนัขทหารประเภทนี้อยู่ ครั้งหน้าต้องฆ่าคนปิดปาก กระทั่งลมหายใจก็ต้องเก็บงำให้ดี
ไม่สนใจเจ้าพวกนั้นอีก เข้ามาในถ้ำใต้ดินแล้วต้องดูแลตัวเองให้ดี ทุกคนต่างอยู่ในสถานการณ์อันตราย ไม่มีระดับสูงไล่ฆ่าถือว่าโชคดีมากแล้ว
“มีฝีมือพวกนายก็ดิ้นรนกันไปแล้วกัน ล่อระดับสูงไปแล้ว ถ้าล่อปีศาจต้นหลิวนี่ไปด้วย ฉันก็จะถือว่าพวกนายร้ายกาจ!”
ฟางผิงภาวนาในใจ อู๋ชวนก็ช่วยออกแรงหน่อย ดึงดูดยอดฝีมือพวกนี้ไปที
แบบนี้เขาถึงจะสามารถกอบโกยเงินก้อนใหญ่จากเมืองจู้หลิวได้!
“อาจมีหวังอยู่เหมือนกัน! พรุ่งนี้มะรืนนี้หากหนานเจียงส่งกำลังเสริมมาเปิดฉากสงครามใหญ่ ยอดฝีมือทางนี้ต้องเข้าร่วมสงครามแน่ เวลานั้นก็เป็นโอกาสของฉันแล้ว!”
ฟางผิงคำนวณเล็กน้อย โอกาสยังมีอยู่
พวกอู๋ชวนไม่อาจละทิ้งปากทางเข้าถ้ำ ช่วงที่ข้อมูลการตายของพวกเขายังไม่ได้รับการยืนยัน มนุษยชาติก็ไม่อาจละทิ้งยอดฝีมือปรมาจารย์ขั้นเก้าอย่างง่ายดายเช่นกัน


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน