เข้าสู่ระบบผ่าน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน นิยาย บท 49

ตอนที่ 49 รอไม่ไหวแล้ว

ระหว่างทางกลับโรงเรียน

ฟางผิงยังคงนึกถึงฉากต่อสู้ที่เพิ่งดูมาเมื่อครู่

“ปีศาจ อาร์พีจีในร่างมนุษย์ชัดๆ!”

ฟางผิงคาดคะเนความสามารถของปรมาจารย์จากพลังทำลายล้างบนเขาลูกนั้น

“เป็นอาร์พีจีที่มีสติปัญญา เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ทั้งมีปราณไร้ขีดจำกัด!”

แม้พลังในการทำลายล้างของปรมาจารย์จะสู้ขีปนาวุธหรือระเบิดนิวเคลียร์ไม่ได้

แต่ถ้าพูดถึงพลังในการสังหาร ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าใครดีกว่ากัน!

ยังไงขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์ก็เป็นสิ่งไม่มีชีวิต หากเตรียมการป้องกันได้ดี ถึงจะถูกโจมตี อาจจะสามารถรอดชีวิตเช่นกัน

ปิดเมืองใช้ขีปนาวุธในการกวาดล้าง ไม่ได้หมายความว่าจะฆ่าคนได้ทั้งเมือง

แต่ถ้าส่งปรมาจารย์ที่เป็นเหมือนอาวุธอาร์พีจีเข้าไปในเมืองที่ปิดตาย สังหารคนให้หมดเมือง คงไม่เป็นปัญหาอะไร ทั้งคิดจะหลบยังเป็นเรื่องยาก!

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่แน่ใจว่า ความสามารถทั้งหมดของปรมาจารย์จะมีแค่นี้?

สองปรมาจารย์ประลองกันเพราะแก่งแย่งพื้นที่ทำธุรกิจก็แล้วไป

นี่ไม่ใช่สงครามระหว่างความเป็นความตาย เรื่องภายในเป็นอย่างไร คงไม่มีใครพูดได้ชัดเจนหรอก

บางทีหากถึงเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจริงๆ คนพวกนี้อาจจะระเบิดพลังทำลายล้างออกมายิ่งกว่านี้!

นึกมาถึงตรงนี้ จู่ๆ ฟางผิงก็สบถออกมา “เจ้าหวงปิน!”

ที่พูดถึงหวงปินก็เพราะหมอนั่นสร้างความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์ให้แก่ฟางผิง

ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ขั้นสองถูกเขาวางยาจนหมดสภาพ

หลายวันก่อนนั้นฟางผิงจึงคิดไปว่า ผู้ฝึกยุทธ์มีฝีมือแค่นี้เอง

อย่างน้อยผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับต่ำกว่าขั้นสามลงไป น่าจะมีฝีมือพอๆ กับคนธรรมดา

แต่เมื่อเทียบกับหลิวต้าลี่ที่ซัดฝ่ามือทำลายหินผาได้อย่างสบายๆ ทั้งเคยรับลูกกระสุนด้วยมือเปล่ามาก่อน

พวกนี้ยังนับว่าเป็นคนอยู่เหรอ?

หากฟางผิงคิดว่าจัดการพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามลงไปนั้นง่ายเหมือนกับหวงปิน ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าเขาจะตายสภาพไหน

ถ้าวิญญาณหวงปินที่ปรโลกรับรู้ ตอนนี้คงจะตามอาฆาตพยาบาทฟางผิงไม่เลิกแล้ว!

ช่วงบ่าย

คลิปประลองของสองปรมาจารย์ยังคงเป็นที่พูดถึงกัน

ถึงฟางผิงจะรู้แล้วว่า เจ้าพวกนี้แทบไม่เห็นเงาคนในคลิปด้วยซ้ำ แต่ทุกคนยังคงเผยท่าทีคึกคักตื่นเต้น

จวบจนถึงเวลาเลิกเรียน ประเด็นนี้จึงค่อยๆ ซาลง

ฟางผิงเตรียมจะเก็บกระเป๋ากลับบ้าน อาจารย์ประจำชั้นหลิวอันกั๋วก็เข้ามาในห้องก่อน

“นักเรียนศิลปะการต่อสู้อยู่ก่อน คนอื่นๆ กลับได้เลย”

นักเรียนคนอื่นไม่รอช้า พากันทยอยออกไป

มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งวิ่งเร็วเป็นพิเศษ ใบหน้ายังแฝงความดีใจ เหมือนมีเรื่องดีอะไรสักอย่าง

พอพวกเขาออกไป ฟางผิงจึงเหมือนนึกอะไรได้ เอ่ยไปว่า “อาจารย์ครับ แล้วใครจะทำความสะอาดห้อง?”

หลิวอันกั๋วชะงักไปครู่หนึ่ง!

พวกอู๋จื้อหาวนิ่งไปเหมือนกัน คำถามนี้…ถามได้ถูกแล้ว!

วันนี้ไม่ใช่เวรพวกเขา คนที่รับผิดชอบวิ่งไปแล้ว อีกเดี๋ยวพวกเขาก็ต้องเป็นคนทำความสะอาดน่ะสิ?

หลิวอันกั๋วไร้คำพูดอยู่บ้าง เอ่ยว่า “อีกเดี๋ยวพวกนายช่วยกันเก็บกวาดสักหน่อย เอาละ นั่งลงเถอะ จะพูดเรื่องสำคัญแล้ว!”

เหล่าหลิวทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย รีบเบี่ยงเข้าประเด็น

ใครเขาจะไปจำเรื่องทำความสะอาดได้กัน ปากมากไปแล้วฟางผิง!

ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ ช่วงนี้เขายุ่งกับการทำความสะอาดบ้านเลยนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

เขาต้องเก็บกวาดบ้านทางกวนหูหยวนด้วยตัวเอง ถ้าไม่ทำงานบ้าน คงไม่มีทางรับรู้ถึงความลำบากหรอก

ฟางผิงรู้สึกว่าทุกครั้งที่ทำสะอาดบ้านยุ่งยากยิ่งกว่าตอนที่เขาฝึกวิชาซะอีก

ระหว่างที่เขากำลังคิดฟุ้งซ่าน หลิวอันกั๋วก็กระแอมไอ เอ่ยถึงเรื่องสำคัญ “วันนี้วันที่ยี่สิบห้าแล้ว ห่างจากวันตรวจร่างกายอีกห้าวันเท่านั้น การตรวจสอบประวัติเสร็จสิ้นแล้ว ถึงจะไม่มีประกาศออกมา แต่โรงเรียนได้รับรายชื่อเป็นที่เรียบร้อย นักเรียนห้องเราผ่านด่านนี้ทั้งหมด”

ด่านตรวจสอบประวัติอาชญากรรมมีคนถูกคัดออกน้อยมาก เว้นเสียแต่จะดวงไม่ดี หรือเกิดปัญหาอะไรหลังจากสมัครเท่านั้น

“ทางโรงเรียนเตรียมการไว้แล้ว ช่วงสายของวันที่สามสิบ ทุกคนมารวมตัวที่โรงเรียน โรงเรียนจัดรถไปส่งทุกคนที่รุ่ยหยาง นอกจากนี้โรงเรียนยังจองโรงแรมในรุ่ยหยางให้แล้ว แน่นอนว่าใครที่ไม่สมัครใจก็สามารถไปเองได้ แต่อย่าจำเวลาคลาดเคลื่อนแล้วกัน อีกอย่าง ถ้าทุกคนคิดว่าเวลาที่เหลืออยู่กระชั้นชิดเกินไป จะไม่มาเข้าเรียน…”

การสอบศิลปะการต่อสู้ใกล้เข้ามาแล้ว ควรจะต้องให้นักเรียนพวกนี้พักผ่อนเตรียมตัวให้พร้อม

หลิวอันกั๋วกำชับว่า “ช่วงนี้ทุกคนพักผ่อนกันดีๆ แบ่งเวลาให้พอเหมาะพอควร อย่าหักโหมออกกำลังกายเกินไป จะได้ไม่คุ้มเสีย”

เมื่อพูดเรื่องสำคัญคร่าวๆ แล้ว หลิวอันกั๋วก็ไม่รั้งตัวอยู่นาน

ตอนที่กำลังจะจากไป เหมือนจะนึกอะไรได้ หันกลับมาว่า “ทุกคนอย่าลืมช่วยกันทำความสะอาดห้องด้วย!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา พวกอู๋จื้อหาวพลันหันขวับไปทางฟางผิงทันที

ฟางผิงทำหน้าไร้เดียงสา “มองฉันทำไม ถึงฉันไม่พูด พวกเราก็ต้องทำอยู่แล้ว”

อู๋จื้อหาวคร้านจะต่อประเด็นนี้กับเขา คว้าไม้กวาดพร้อมถามว่า “วันนี้มัวแต่คุยเรื่องปรมาจารย์หม่ากัน ลืมเรื่องทุนการศึกษาไปเลย ฟางผิง นายน่าจะมีโอกาสรึเปล่า?”

ทุกคนพากันมองไปทางฟางผิง

หยางเจี้ยนอดไม่ได้ “อู๋จื้อหาว นายไม่ได้ล้อเล่นกันใช่ไหม? ต่ำสุดเริ่มที่หนึ่งร้อยยี่สิบห้าแคล นายบอกว่าฟางผิง…”

อู๋จื้อหาวทำท่าราวกับพินิจพิเคราะห์ มองฟางผิงด้วยยิ้มตาหยี “ฟางผิง นายว่ายังไง?”

“ว่ากับผีน่ะสิ กวาดพื้นไปเถอะ!”

ฟางผิงไม่ตอบ ช่วงนี้เจ้าอู๋จื้อหาวแปลกไปอยู่บ้าง บางครั้งก็หยั่งเชิงเขา บางครั้งก็เอ่ยถึงหวังจินหยาง

ทำเหมือนกับฉันรู้เรื่องทุกอย่าง นายปิดบังฉันไม่ได้หรอก

ฟางผิงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้ตอบกลับตรงๆ ปล่อยให้คิดฟุ้งซ่านไปนั่นแหละ!

ฟางผิงนั้นบ่ายเบี่ยงจนอู๋จื้อหาวชินแล้ว เขาเอ่ยว่า “วันหยุดหลังจากนี้พวกนายวางแผนจะทำอะไรกัน?”

หยางเจี้ยนหัวเราะ “กินยา ฝึกฝน ออกกำลังกาย ปราณของฉันน่าจะสูงขึ้นมานิดหน่อย ถึงจะไม่ได้ตรวจ แต่ฉันคิดว่าน่าจะประมาณหนึ่งร้อยสิบสี่แคล ก่อนวันตรวจร่างกายกินยาบำรุงปราณอีกสักหน่อย จากนั้นก็ใช้เทคนิคระเบิดอารมณ์ที่พี่หวังแนะนำในวันตรวจ หากถึงหนึ่งร้อยสิบหกแคล น่าจะมีโอกาสสอบติดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว!”

ได้ยินหยางเจี้ยนพูดแบบนี้ ทุกคนรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง หากปราณแตะที่หนึ่งร้อยสิบหกแคล คงมีโอกาสสอบติดสูง ปีก่อนเกณฑ์เฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่หนึ่งร้อยสิบสองแคล เกณฑ์ปกติประมาณหนึ่งร้อยสิบห้าแคล ปีนี้คงสูงขึ้นมาหน่อย แต่หนึ่งร้อยสิบหกแคลก็ยังมีหวัง

ตอนที่ 49 รอไม่ไหวแล้ว 1

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน