ตอนที่ 497 มีปัญหานิดหน่อยแล้ว (3)
………………..
พวกฟางผิงดูคล้ายยังเด็ก แต่ผู้ฝึกยุทธ์เมื่อถึงระดับกลางจะแก่ช้าลง ชายคนนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เมืองเฉียงเวยกว้างใหญ่ ทหารคุ้มกันนับหมื่นคน แบ่งออกเป็นหลายฝ่าย ไม่คุ้นหน้าก็เป็นเรื่องปกติ
ขุนพลขั้นหก เขายังคงรู้จักอยู่บ้าง ทหารคุ้มกันขั้นห้าก็มีไม่น้อย แต่ไม่อยู่สังกัดเดียวกัน ไม่เคยเจอมาก่อนก็ไม่แปลกอะไร
เห็นคนผู้นี้กล่าวขอบคุณไม่หยุด ฟางผิงจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม พวกหวังจินหยางยืนไว้อาลัยให้คนพวกนี้อีกครั้ง
คุยกันอยู่ไม่กี่ประโยค ฟางผิงก็เอ่ยว่า “พี่อูซู พอจะหาที่คุยกันสักหน่อยได้หรือเปล่า? ครั้งนี้เมืองราชาถูกทำลาย พวกเรานั้นไม่มีที่ไปอีกแล้ว ข้าอยากจะเข้าใจสถานการณ์สักหน่อยว่าพอจะอยู่ที่เมืองหยวนเหว่ยก่อนได้หรือเปล่า…”
ชายผู้นั้นเข้าใจเช่นกัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงซับซ้อนอยู่บ้าง “ใช่ พวกเราก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน เพิ่งจะออกจากเมืองราชาได้ไม่นาน นึกไม่ถึงว่าเมืองราชา…เฮ้อ!”
ถอนหายใจแล้ว ชายผู้นั้นก็ไม่คิดมากอีก เดินออกไปหาที่เงียบสงบแห่งหนึ่งนอกเมืองพร้อมกับพวกฟางผิง เริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
คนพวกนี้ฝีมือล้วนแข็งแกร่งกว่าเขา ตอนนี้เมืองราชาถูกทำลาย ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้รอดชีวิตของเมืองเฉียงเวย หลังจากนี้บางทียังอาจจะพึ่งพากันได้
—
ผู้ที่มีนามว่าอูซู เจอกับคำถามของฟางผิงก็แทบไม่ปิดบังอะไร
ตอนนี้เมืองเฉียงเวยไม่เหลือแล้ว ความลับบางอย่างย่อมไม่ใช่ความลับอีกต่อไป กลายเป็นอดีตไปแล้ว
จากคำพูดของอูซู คนพวกนี้มาถึงเมืองหยวนเหว่ยเมื่อหลายเดือนก่อน
ไม่แค่เขาคนเดียว แต่เป็นกลุ่มเล็กๆ นับร้อยคน
ทั้งยังคุ้มกันคนมาเมืองหยวนเหว่ยจริงๆ
“พวกเราเป็นกลุ่มที่สาม สองกลุ่มก่อนหน้านี้ไปพื้นที่เขตแดนแล้ว…ทางพื้นที่เขตแดน ผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่กลุ่มแรกที่ยอดฝีมือเขตหวงห้ามพาไปนั้นตายหมดแล้ว ภายหลังทางนั้นส่งข่าวมาว่าผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ดังนั้นแม่ทัพชิงหงจึงพาผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ไปส่งอีกครั้ง…ผลปรากฏว่ายังคงใช้การไม่ได้ พวกเราจึงส่งผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ที่เหลือไปในพื้นที่เขตแดนทั้งหมด มาถึงเมืองหยวนเหว่ย พวกเราไม่จำเป็นต้องตามไปแล้ว เป็นหน้าที่ของคนเมืองหยวนเหว่ยและแม่ทัพชิงสือคุ้มกันคนพวกนั้นไปส่งในพื้นที่เขตแดน…”
ไปพื้นที่เขตแดน?
ทำไมต้องพาผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ไปพื้นที่เขตแดน?
อีกอย่าง…มีผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์รอดชีวิตอยู่จริงๆ แม้ฟางผิงจะไม่ได้ถามว่ากี่คน ในเมื่อแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม เกรงว่าคนจะไม่ใช่น้อยๆ
ระหว่างที่พวกฟางผิงอยากจะเข้าใจมากขึ้นอีกหน่อย อูซูกลับไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว เอ่ยเรื่องเกี่ยวกับเมืองหยวนเหว่ยขึ้นมาแทน
ยังตั้งใจแนะนำการแบ่งขั้วอำนาจของเมืองหยวนเหว่ยให้ฟางผิงฟัง รวมถึงหลายวันนี้ควรจะคบค้าสมาคมกับขั้วอำนาจไหน ดูท่าอยากจะดึงพวกฟางผิงมาเป็นพรรคพวกอีกฝ่ายด้วย
เวลานี้ฟางผิงยังจะสนใจเรื่องนี้ได้ยังไงอีก ฟังอยู่พักหนึ่งก็ละล่ำละลักว่า “พี่อูซูพูดแบบนี้ พวกแม่ทัพชิงหงยังอยู่ที่พื้นที่เขตแดนงั้นหรือ?”
อูซูพยักหน้าว่า “ยังไม่กลับมา…”
เห็นฟางผิงสงสัย อูซูจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “นายท่าน พื้นที่เขตแดนอันตรายรอบด้าน แม้จะเป็นแม่ทัพชิงหง…อาจจะกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ได้เสมอไป ตอนนี้เมืองราชาถูกทำลาย เกรงว่าราชาและเทพผู้พิทักษ์จะไม่คิดสนใจคนอย่างพวกเราอีกแล้ว ท่านแม่ทัพก็อาจไม่ใส่ใจเช่นกัน เมืองราชายังไม่รู้ว่าจะสร้างใหม่ได้หรือเปล่า ในเมื่อมาเมืองหยวนเหว่ยแล้ว ยังไม่สู้ปักหลักอยู่ที่นี่…”
หวังจินหยางที่เงียบมาโดยตลอด จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ดินแดนแห่งการเกิดใหม่ยังมีผู้รอดชีวิตอีกกี่คน?”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา อูซูก็มองเขาอย่างแปลกออกไปอยู่บ้าง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ทั้งหมดสามกลุ่ม สองกลุ่มแรกน่าจะตายหมดแล้ว กลุ่มที่สามพวกเราคุ้มกันมาเจ็ดคน ตอนนี้เกรงว่าคงตายแล้วเหมือนกัน…นายท่านถามเรื่องนี้…”
หวังจินหยางไม่เอ่ยปากพูดอีก ควักภาพเหมือนในอกออกมาแทน เปิดออกถามว่า “คนนี้อยู่ในกลุ่มหรือเปล่า?”
“หืม?”
อูซูมองภาพเหมือนไปแวบหนึ่ง ก่อนจะมองพวกฟางผิงที่เผยสีหน้าแตกต่างออกไปอยู่บ้าง
เพื่อสะดวกในการตามหาคน หวังจินหยางจึงเอาภาพเหมือนของจางชิงหนาน รวมถึงเสิ่นเฉวียนมาด้วย



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน