ตอนที่ 526 กลับมหาวิทยาลัย (3)
………………..
เดิมทีหลัวอี้ชวนก็เป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด ทั้งการจัดอันดับใหม่ของขั้นหก เขาก็อยู่ในอันดับต้นๆ ในหมู่ขั้นหกสูงสุดฝีมือยังคงแข็งแกร่งอย่างมาก
แต่พลังจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ หลัวอี้ชวนเข้าสู่ขั้นหกสูงสุดมาหลายปีแล้ว จวบจนเดือนมีนาคมรัฐบาลออกนโยบายช่วยเหลือผลบ่มจิตใจให้ยอดฝีมือขั้นหก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีขั้นหกสูงสุดสี่คนได้สวัสดิการเป็นผลบ่มจิตใจหนึ่งลูกต่อเดือน
ตอนนี้ผ่านไปสองเดือนแล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้ผลบ่มจิตใจมาแปดลูก
ทั้งของพวกนี้ คนอื่นๆ ไม่ได้ใช้ มอบให้หลัวอี้ชวนคนเดียว
เพราะหลัวอี้ชัวเป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่พลังจิตใจใกล้แตะห้าร้อยเฮิรตซ์มากที่สุด ผลบ่มจิตใจแปดลูกให้เขาคนเดียว นี่ถึงทำให้เขาหลอมสารจิงกับเลือดเป็นผลสำเร็จ
แต่เขาหลอมสารจิงกับเลือดแล้ว ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดสามคนที่เหลือกลับไม่มีโอกาสใช้ผลไม้พลังงานพวกนี้แล้ว
แม้หลังจากนี้จะได้รับการจัดสรรอีก แต่เข้าสู่ระดับนี้แล้ว คงไม่อาจไปเอาได้อีก
ผลบ่มจิตใจที่ติดไว้หกลูกย่อมไม่สามารถหาคืนกลับไปได้
ฟางผิงหัวเราะว่า “อันที่จริงผลบ่มเพาะจิตใจไม่ได้มีมูลค่ามากมายอะไร ประเด็นพุ่งเป้าไปที่ผู้ฝึกยุทธ์ที่พลังจิตใจยังไม่ปลดปล่อยไปข้างนอก ทั้งประโยชน์ก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น คณบดีสามารถแตะถึงขั้นปลดปล่อยได้ งั้นก็เพราะใกล้กับขั้นนี้มานานแล้ว พวกคณบดีเฉิน แม้จะมีผลบ่มจิตใจ อยากแตะถึงขั้นปลดปล่อยข้างนอก เกรงว่าคงไม่ใช่ปัญหาแค่สองสามลูกอีกแล้ว สี่ห้าลูกอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ รัฐบาลน่าจะมีของดีกว่านี้อยู่ ผมไม่เชื่อว่าจะไม่มีของล้ำค่าที่เป็นประโยชน์ต่อปรมาจารย์เลย กลับไปผมจะลองถามดู ถ้าหากมี…ผมจะไปแลกเปลี่ยนมาสักหน่อย ถึงเวลานั้นให้พวกคณบดียืมคงไม่มีปัญหา”
หลัวอี้ชวนสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุด ยืม?
เอาเถอะ เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเรื่องหนี้ของพวกอธิการเป็นมายังไง
ฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้อีก ทางรัฐบาลน่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่ถึงจะเข้ามาเจรจา ตอนนี้เขาไม่รีบเหมือนกัน
หันไปพยักหน้าให้นักศึกษาที่อยู่รอบๆ ฟางผิงก็เอ่ยไปด้วย “คณบดี คุณจะปรากฏพลังจิตใจได้ประมาณเมื่อไหร่?”
หลัวอี้ชวนยิ้มขมขื่น “ฉันเทียบกับถังเฟิงไม่ได้ เขาเร็วกว่า นั่นเป็นเพราะเขาแข็งแกร่งกว่าฉัน จากที่เขาปลดปล่อยพลังจิตใจจนถึงขั้นปรากฏก็ใช้เวลาไปหนึ่งปีเต็มแล้ว ฉันต้องช้ากว่าเขา อย่างน้อยสองสามปีถึงจะมีหวัง”
“ช้าเกินไปแล้ว”
ฟางผิงส่ายหัว ช้าเกินไปจริงๆ สองสามปีถึงจะเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ได้ จะไม่ทันการแล้ว
หลัวอี้ชวนไร้คำจะโต้ตอบ!
อีกสองสามปี ฉันจะมีหวังเป็นปรมาจารย์!
นึกไม่ถึงว่าเธอจะดูแคลนฉัน?
ฟางผิงครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ไว้ค่อยว่ากันเถอะครับ ตอนนี้ของที่มีผลต่อพลังจิตใจ ผมยังหาวิธีเอามาไม่ได้ ตอนนี้ผมรู้จักสิ่งที่สามารถเพิ่มพลังจิตใจได้พรวดพราดเพียงอย่างเดียว น่าจะเป็นเมล็ดทานตะวันของเมืองเยาขุย ไว้ค่อยว่ากันอีกที รอคุณกลายเป็นปรมาจารย์ งั้นมหาวิทยาลัยก็จะมีปรมาจารย์เจ็ดคน ไม่รู้ว่าพวกคณบดีเฉินสามคนยังต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ ตอนแรกผมบอกว่าก่อนเรียนจบ มหาวิทยาลัยต้องมีปรมาจารย์เป็นจำนวนสองหลัก แม้จะนับผมเป็นแปด พวกปรมาจารย์ยังต้องทะลวงให้เร็วหน่อย ไม่งั้นผมคงไม่มีหน้าพบทุกคนแล้ว”
หลัวอี้ชวนเงียบกริบ
แม่งเหอะ พูดคุยกับเจ้าเด็กนี้เหนื่อยจริงๆ
ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจคนอื่นแล้ว เจ้าเด็กนี้พูดจาเหิมเกริมซะไม่มี
ปรมาจารย์สองหลักอะไรกัน กลายเป็นปรมาจารย์สองสามปีช้าเกินไป ผลบ่มจิตใจไร้ประโยชน์อย่างนั้นเหรอ…
คำพูดพวกนี้พูดออกมาแทบจะจี้ใจคนทุกประโยค
หลัวอี้ชวนไม่อยากพูดต่อแล้ว ฟางผิงแค่ถามเรื่องที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยไม่กี่วันนี้เท่านั้น
มั่นใจว่าไม่มีเรื่องใหญ่แล้ว ฟางผิงก็ไม่พูดกับหลัวอี้ชวนอีก
—
ฟางผิงจ้องเขาอยู่พักหนึ่ง ยังคงถ่ายทอดเข้าไปในร่างเขาแค่เล็กน้อย
หลังจากนั้นสักพัก ฉินเฟิ่งชิงก็ใบหน้าซีดเป็นอันดับแรก ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา มุมปากมีเลือดพุ่งเล็กน้อย ใบหน้ากลับเผยความดีใจ “แบบนี้นี่เอง…พอผมยาวฉันก็รู้แล้ว พลังชีวิตที่แข็งแกร่ง! ฉันทายถูกจริงๆ ด้วย! น้ำแร่ชีวิตฉันไม่เอาแล้ว ดินกำนั้นเหมือนจะใช้เป็นน้ำแร่ชีวิตได้เหมือนกัน ฉันไปห้องฝึกวิชาพลังฟ้าดินดีกว่า ไม่มีธุระอย่ามาหาฉัน!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนฉินเฟิ่งชิงจะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหมอนี้เตรียมจะไปรนหาที่ตายสินะ
พลังฟ้าดินไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางรองรับได้ แม้ยอดฝีมือที่หลอมสารจิงกับเลือดจะสามารถรวมรวบพลังฟ้าดิน นั่นก็ไม่กล้าลองบ่อยๆ จะเกิดปัญหาได้ง่าย ร่างกายพังทลาย พลังจิตใจได้รับความเสียหาย
ฉินเฟิ่งชิงวางแผนจะใช้พลังฟ้าดินหลอมเส้นเดินปราณและร่างกาย ครั้งก่อนเขาอาศัยน้ำแร่ชีวิตในการรักษาถึงปกป้องชีวิตไว้ได้
ครั้งนี้เขาคิดว่าดินกำนี้ประสิทธิภาพไม่เลว ยังไม่รู้ว่าจะรนหาที่ตายอีกนานเท่าไหร่
ฟางผิงไม่สนใจเขาเช่นกัน อยู่ในมหาวิทยาลัย ต่อให้เจ้าหมอนี้รนหาที่ตายยังไงก็ไม่ตายจริงๆ หรอก
ตอนนี้คนที่ฟางผิงนึกถึงก็คือพวกเฉินอวิ๋นซี ตอนที่เขาไป เฉินอวิ๋นซีล่วงหน้าไปก้าวหนึ่ง บอกว่าจะกลับจิงหนาน
ครั้งนี้ก่อความเคลื่อนไหวขนาดนี้ เธอกลับยังไม่ปรากฏตัว ดูท่าคนน่าจะยังไม่กลับมา ก็ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไรหรือแปล่า
“เดี๋ยวต้องโทรไปถามสักหน่อย ทางเหล่าเฉิน ยังไม่ได้ให้น้ำแร่ชีวิตเขาเลย หลานสาวคุณไม่อยู่ด้วย ให้คุณเหมือนเสียเปล่ายังไงไม่รู้…”
ฟางผิงพึมพำในใจยกใหญ่ เดิมทีเขาวางแผนว่าถ้าเฉินอวิ๋นซีอยู่จะให้เหล่าเฉินยืมต่อหน้าหลานสาวตัวเอง
ตอนนี้เฉินอวิ๋นซีไม่อยู่ในมหาวิทยาลัย อาการบาดเจ็บของเหล่าเฉินคงต้องยืดไปหลายวันแล้ว ยังไงก็คงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
——————
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน