ตอนที่ 544 อย่ายั่วโมโหเขา (2)
………………..
การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวไม่ได้บอกตายตัวว่าหากชนะแล้วก็ไม่จำเป็นต้องท้าประลองอีก
ถ้าคุณยินดี สามารถท้าประลองต่อได้จนใช้โอกาสหมดแล้ว
เจี่ยงเฮ่าประลองสี่สนาม ฆ่าไปสองคน บาดเจ็บหนักอีกสองคน โอกาสถูกท้าประลองที่เหลืออีกสองครั้ง ไม่มีใครกล้าท้าประลองเขาอีก
แม้ว่าเจี่ยงเฮ่าจะไม่ได้แสดงสีหน้าคำพูดดูแคลนอะไร กลับกระตุ้นปรมาจารย์ต่างชาติพวกนั้นจนบ้าคลั่งอยู่บ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ห้าฝ่ายอื่นๆ ก็ไม่มีใครเต็มใจจะไปรนหาที่ตายเช่นกัน
แม้การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวจะไม่ได้แบ่งที่หนึ่งที่สอง แต่สามปีก่อน เจี่ยงเฮ่ายังถูกขนานนามว่าเป็นอันดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกยุทธ์เมืองเจิ้นซิงบ้าระห่ำขนาดไหน
ตอนนี้คนของตระกูลเจี่ยง นึกไม่ถึงว่าจะชื่นชมผู้ฝึกยุทธ์จากโลกภายนอกคนหนึ่ง เวลานี้กระทั่งปรมาจารย์ที่มาจากข้างนอกพวกนั้นต่างจริงจังขึ้นมาทันที
สำหรับคนของเมืองเจิ้นซิง พวกเขายังเข้าใจอยู่บ้าง
แต่ผู้ฝึกยุทธ์จากโลกข้างนอก แม้ก่อนหน้านี้ฟางผิงจะมีชื่อเสียงไม่น้อย โดยเฉพาะครั้งที่ปรากฏพลังจิตใจ แต่ละพื้นที่ต่างจับตามอง
ทว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกปรากฏพลังจิตใจอาจไม่แข็งแกร่งกว่าคนที่หลอมสารจิงกับเลือดเสมอไป
เมืองเจิ้นซิงไม่ใช่ว่าไม่เคยเจอยอดฝีมือแบบนี้มาก่อนแหมือนกัน ฟางผิงทำให้คนเลื่อมใสได้ถึงขั้นนี้ เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้จริงๆ แล้ว
ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นพวกปรมาจารย์ต่างชาติก็แววตาวูบไหว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ในฝูงชน กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวขั้นหกที่อยู่แนวหน้าหลายคนทำท่าราวกับอยากลองสักตั้ง คาดหวังอยู่บ้าง
ในความคาดหวังนั้นยังมีความลำบากใจที่ไม่รู้ว่าควรจะท้าประลองดีหรือเปล่า
จากคำพูดที่แต่ละฝ่ายปรึกษากันก่อนหน้านี้ ต้องคัดผู้ที่อ่อนแอออกก่อน คว้าโควตาเป็นหลัก ประมือระดับเดียวกันกลับเป็นเรื่องรอง
ทั้งสองฝ่ายจึงเผชิญหน้าในความซับซ้อนแบบนี้
ผู้ฝึกยุทธ์หนุ่มสาวเจ็ดสิบคน ปรมาจารย์เกือบสามสิบคน
นี่เป็นจำนวนสมาชิกและผู้ชมทั้งหมดในครั้งนี้แล้ว
แต่ไม่นานฟางผิงก็พบว่าตัวเองเข้าใจผิดไป พวกเขาไม่ได้พูดถึงพวกตัวเอง
คล้อยหลังจากที่หลี่เต๋อหย่งพูดประโยคนั้น ยอดฝีมือขั้นเก้าเจ็ดคนในสนามก็ลงมือพร้อมกัน
ในเวลานี้พวกฟางผิงจึงเพิ่งรู้ว่าพวกเขาจะทำอะไร
ยอดฝีมือขั้นเก้าพวกนี้ยกเวทีขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปนั้นมาแขวนไว้กลางอากาศตรงๆ
ยังไม่พอแค่นั้น พวกยอดฝีมือปะทุพลังจิตใจออกมา รอบทิศทางของเวทีถูกปกคลุมด้วยพลังจิตใจชั้นแล้วชั้นเล่า ถึงกระทั่งเริ่มมั่นคงขึ้นแล้ว
ฟางผิงมองจนตาค้าง กดเสียงว่า “จำเป็นด้วยหรือไง?”
แน่นอนว่าบางทีอาจจะจำเป็น
ยังไงก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกกันแล้ว พลังทำลายล้างแข็งแกร่ง หากประมือกันสุดกำลังจริงๆ สู้จนสมาพันธ์ผู้ฝึกยุทธ์ไม่เหลือชิ้นดีก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน
แต่ไม่มีความจำเป็นต้องอวดขนาดนี้มั้ง จะต้องยกไปอยู่กลางอากาศให้ได้ วางไว้บนพื้นไม่ได้หรือไง?
ด้านข้าง ตู้หงอธิบายเบาๆ ว่า “เพื่อให้ปรมาจารย์ชมการต่อสู้ได้สะดวก ไม่ใช่แค่ที่นี้ เมืองหลวงยังมีปรมาจารย์ไม่ได้มาอีกเยอะ ไม่มีสิ่งก่อสร้างกีดขวางจะชมการต่อสู้ได้ง่ายกว่า รวมถึงปรมาจารย์บางส่วนจากรัฐบาลด้วย…”
“ถ่ายทอดสดก็จบแล้วเถอะ!” ฟางผิงหมดคำพูดอยู่บ้าง
ตู้หงพูดไม่ออก มีเหตุผลจริงๆ
เจี่ยงเชายังคงเอ่ยอธิบายว่า “นี่เป็นธรรมเนียมดั้งเดิม เมื่อก่อนไม่มีคลิปวิดีโอ…จะว่าไปแล้ว ปรมาจารย์พวกนี้ล้าสมัยอยู่บ้างจริงๆ เมื่อก่อนนั้นเพราะไม่มีทางเลือก ตอนนี้ยังทำเหมือนเดิม สิ้นเปลืองพลังจิตใจจะตายไป”
นี่เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติต่อกันมา เมื่อก่อนยังพอพูดได้ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทำเรื่องเกินความจำเป็น อวดเท่ซะมากกว่า
คนพวกนี้กระซิบกระซาบกันเสียงเบา คนปกติคงไม่ได้ยิน แม้จะเป็นขั้นเจ็ดขั้นแปดก็ยากจะฟังออก
แต่ยอดฝีมือขั้นเก้าพวกนี้…หลายคนต่างเคลื่อนไหวพลังจิตใจอยู่
แม่งเหอะ พูดฟังดูมีเหตุผลจริงๆ!
มองสักพัก จู่ๆ ฟางผิงก็หัวเราะขึ้นมา
กางม่านพลังจิตใจไว้ชั้นหนึ่งแล้ว ฟางผิงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูที่เจ้าหมอนั่นสวม นั่นคือ…ชุดเกราะนักรบโบราณยุคกลาง?”
ฟางผิงสื่อแววตาเป็นนัยให้คนที่อยู่ด้านข้าง ฝั่งตรงข้าม เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่สวมชุดเกราะทั้งตัวคนหนึ่ง มือถือกระบี่ใหญ่ ราวกับเป็นนักรบโบราณจริงๆ
“ยังมีคนนั้น…สวมเกราะหนังสัตว์ปีศาจ ให้ตายเถอะ นี่จะทำอะไรกัน?”
“จริงสิ ยังมีคนนั้นอีก บนตัวนั่นคือรอยสักงั้นเหรอ?”
“คนนั้นโรซิธสินะ ใช้บานประตูเป็นอาวุธ?”
“…”
ระหว่างที่ฟางผิงพูด ตู้หงก็เอ่ยอย่างปวดหัวว่า “แม่ทัพฟาง แต่ละพื้นที่ล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่มีความจำเป็นต้องหัวเราะเยาะเรื่องพวกนี้ของอีกฝ่าย…”
ฟางผิงหัวเราะว่า “ไม่ได้หัวเราะเยาะ ไม่ได้มีความหมายนั้น ฉันแกล้งทำเป็นตั้งใจพินิจการแต่งกายของพวกเขา อันที่จริงกำลังหยั่งเชิงความสามารถพวกเขาต่างหาก พวกนายระวังหน่อยเถอะ…”
ตู้หงไม่เชื่ออยู่บ้าง ฟางผิงกลับแววตาวูบไหวเล็กน้อย เอ่ยด้วยม่านตาหดเกร็ง “คนนั้น…ภิกษุที่ไว้หนวด! อย่ามองเขา ให้ตายเถอะ ขั้นเจ็ดแล้ว! ข้างกายเขายังมียอดฝีมือขั้นเก้ากางม่านพลังจิตใจให้! พวกนายเจอก็ยอมแพ้ไปซะ ภิกษุคนนี้เก็บตัวเงียบเชียบ ยังตั้งใจให้ขั้นเก้ากางม่านพลังจิตใจไว้ ต้องมีเจตนาไม่ดีแน่! ไม่แน่ว่า…อาจจะคิดสังหารพวกเราบางส่วน แม่ทัพตู้ ถ้าเขาท้าประลองนาย ทางที่ดียอมแพ้ซะ คว้าโควตาถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!”
ตู้หงสีหน้าไม่สะทกสะท้าน น้ำเสียงกลับดิ่งลึก “แม่ทัพฟางมั่นใจ?”
“เหลวไหล ฉันจะโกหกนายได้หรือไง? แค่ใช้โอกาสที่ขั้นเก้าไม่ได้สนใจฉัน คนพวกนี้จับการตรวจสอบของฉันไม่ได้หรอก! นี่เป็นคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเจ้าสินะ แฝงขั้นเจ็ดมา อยากจะทำอะไรกันแน่?”
ขั้นเจ็ดหลบซ่อนการตรวจสอบของยอดฝีมือไม่พ้นอยู่แล้ว
แต่ปรมาจารย์ประเทศจีน ไม่ได้ใช้พลังจิตใจตรวจสอบคนอื่นอย่างไร้เหตุผล แค่รับรู้ผ่านปราณเท่านั้น
ทว่ายอดฝีมือขั้นเก้าของอีกฝ่ายวางหมากบางอย่าง มีเพียงระดับสูงต้องจงใจใช้พลังจิตใจตรวจสอบ ทะลวงม่านพลังนั้น ถึงจะรับรู้ความสามารถคร่าวๆ ได้
แต่แบบนี้แล้ว จะนับว่าทำเกินไปอยู่บ้าง
——————-
………………..

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน