ตอนที่ 67 กลับหยางเฉิง
ห้องทำงานรองผู้อำนวยการ
จางหย่งชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างเนิบช้า “เหตุการณ์ครั้งนี้ ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่นายเป็นพิเศษ…ตอนนี้หน่วยทหารและหน่วยสืบสวนของรุ่ยหยางได้ร่วมมือกันเก็บกวาดเรื่องนี้แล้ว นายไม่ต้องกังวลว่าจะมีการแก้แค้นหรอก แน่นอนว่าถ้านายไม่วางใจ ทางหน่วยสืบสวนของหยางเฉิงสามารถส่งคนไปคุ้มครองนายระยะหนึ่งได้ จนกว่าเรื่องนี้จะถูกจัดการอย่างเสร็จสม…”
แม้ฟางผิงจะรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้น้อยที่จะถูกล้างแค้น และถ้ามีคนจับตามองเขาอยู่ อาจจะอึดอัดอยู่บ้าง
แต่เพื่อชีวิตน้อยๆ ของเขา ทั้งความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงผงกหัวรับ “ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุ้มครองครอบครัวผมด้วย”
“ไม่มีปัญหา รอนายกลับหยางเฉิงแล้ว พวกเราจะจัดการทันที”
ตอนนี้จางหย่งแทบอยากจะส่งเจ้าเด็กนี่ออกไปให้เร็วที่สุด ยังไงการคุ้มครองก็เป็นเรื่องของพวกใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว เขาไม่ต้องเดือดร้อนอะไร
หลังจากนั้นจางหย่งยังเอ่ยชมฟางผิงต่อหลายประโยค
พูดประมาณว่า ‘ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย’ ‘ความภาคภูมิใจของสวรรค์’ ‘เด็กหนุ่มอนาคตไกล’…
หากเป็นนักเรียนคนอื่น ถูกจางหย่งชมแบบนี้ คงตัวลอยไปนานแล้ว
อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง มีตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนของรุ่ยหยาง นับว่าเป็นบุคคลสำคัญในรุ่ยหยางเหมือนกัน
แต่ฟางผิงกลับไม่ได้คิดเป็นจริงเป็นจัง รอเขาพูดจบแล้ว ค่อยเอ่ยอย่างกระดากอายอยู่บ้าง “รองผู้อำนวยการจาง ผมเคยได้ยินพี่ชายบอกว่า จับคนร้ายช่วยทางการ โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีรางวัลให้ด้วยไม่ใช่เหรอ?”
จางหย่งมุมปากกระตุก สรุปแล้วฉันชมเสียน้ำลายเปล่าสินะ?
ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจางหย่งจะอธิบายว่า “มีเรื่องแบบนี้จริงๆ แต่ต้องมีลำดับขั้นตอน ภารกิจช่วยเหลือแบบนี้ เหมาะกับนักศึกษาศิลปะการต่อสู้ บางครั้งหน่วยสืบสวนขาดแคลนคน ต้องการความช่วยเหลือ ก็จะขอความร่วมมือ ส่งภารกิจให้ทางมหาวิทยาลัย พวกเราติดต่อกับมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่ไดเจาะจงคนใดคนหนึ่ง ไม่งั้นคงจะทำลายระบบระเบียบไปหมด…”
ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปนั้นมีจำนวนไม่น้อยเลย หากทุกคนสามารถรับภารกิจเหมือนหน่วยสืบสวนได้หมด มีอำนาจอยู่ในมือ แล้วยังจะมีหน่วยสืบสวนไว้ทำอะไร!
เรื่องแบบนี้หน่วยสืบสวนจึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เท่านั้น
รวมถึงภารกิจบางอย่างของหน่วยทหาร ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ในสายตาของทุกคน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นองค์กรหนึ่งของรัฐบาล นักศึกษาของมหาวิทยาลัย ถือว่าอยู่ในระบบเดียวกับพวกเขา
ประจวบเหมาะที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยากให้พวกนักศึกษามีประสบการณ์ ทั้งสองฝ่ายได้ประโยชน์ทั้งคู่ จึงทำให้พวกหวังจินหยางได้มีโอกาสออกทำภารกิจแบบนี้
ฟางผิงไม่ใช่นักศึกษาศิลปะการต่อสู้ แม้ครั้งนี้เขาจะให้ความช่วยเหลือ ทว่ากลับไม่ได้เข้าในหลักเกณฑ์นี้
ฟางผิงได้ฟัง ชั่วขณะนั้นจึงถกเสื้อขึ้นมาทันที เผยร่องรอยฟกช้ำดำเขียวบนแขนทั้งสองข้างให้จางหย่งดู
“ครั้งนี้ผมได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะมีผลกระทบกับการฝึกวิชาหรือเปล่า…”
จางหย่งกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตรึกตรองพักหนึ่ง ค่อยเอ่ยว่า “นักเรียนฟางผิง นี่ไม่เข้าเกณฑ์ของเราจริงๆ พวกเราไม่ใช่หน่วยงานเอกชน บางเรื่องยังต้องยึดตามระบบระเบียบ เอาอย่างนี้เถอะ…”
ตระหนักได้ว่า ฟางผิงเป็นปัญหาที่ใหญ่พอตัว จางหย่งจึงพิจารณาอยู่พักหนึ่ง “พวกเราจะส่งเรื่องให้เบื้องบน อาศัยเรื่อง ‘กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง’ มอบรางวัลและเงินปลอบใจให้นักเรียนฟางผิง นายคิดว่ายังไง?”
“เป็นเงินประมาณเท่าไหร่เหรอครับ?” ฟางผิงแสร้งถามอย่างใสซื่อ
จางหย่งกระแอมไอเบาๆ “อาจจะไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พวกเราจะพยายามช่วงชิงเพื่อนาย…”
ความหมายคือไม่อาจพูดได้ชัดเจน เงินคงไม่มากมายเท่าไหร่
อย่างมากน่าจะประมาณสี่ห้าหมื่น น้อยที่สุดคงสักหมื่น
ส่วนเงินหลักแสนหลักล้านในจินตนาการฟางผิง นั่นแทบไม่ต่างอะไรจากฝันหวาน
ตอนแรกหวังจินหยางรับภารกิจของหวงปิน ผู้ฝึกยุทธ์ที่เกือบทะลวงขั้นสามยังได้แค่สามแสนเอง
พอหวงปินหนีไป หยางเฉิงค่อยเพิ่มค่าหัวให้
ครั้งนี้ฟางผิงแค่ให้ความช่วยเหลือเล็กน้อย เขาไม่ได้จับคน ทั้งไม่ได้สังหารคนร้าย เงินไม่กี่หมื่นที่ได้เป็นเพราะเห็นแก่หน้าหวังจินหยางเท่านั้น
ฟางผิงเห็นท่าทีของเขา รู้ทันทีว่า คงไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว
เพื่อเงินไม่กี่หมื่น กลับต้องยื่นเรื่องให้เบื้องบน ทั้งยังลากหวังจินหยางมาเกี่ยวข้อง ไม่คุ้มค่าจริงๆ
นอกจากนี้ฟางผิงยังกังวลว่า หากทำเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าพวกบ้านั้นรู้เข้า จะมาล้างแค้นเขาอีก
หากตอนนี้ให้รางวัลเขาเป็นยาบำรุงไม่กี่เม็ด หรือเงินสด เขาคงจะยอมรับไว้
พอรู้ว่าต้องยื่นเรื่องให้เบื้องบน ฟางผิงทำได้เพียงโยนความคิดนี้ทิ้งไป แสร้งเอ่ยเสียงดัง “ช่างเถอะครับ ขึ้นชื่อว่าเด็กสมัยใหม่ ช่วยเหลือรัฐบาล ขจัดเภทภัยให้ผู้คน เป็นหน้าที่ที่พวกเราต้องทำอยู่แล้ว ทั้งครั้งนี้โชคดีที่รองผู้อำนวยการจางช่วยชีวิตผมเอาไว้ เมื่อครู่แค่พูดขำๆ เท่านั้น รองผู้อำนวยการอย่าได้คิดเป็นจริงเป็นจังเลย”
ตอนนี้เป็นจางหย่งที่แปลกใจแทน ตอนแรกเด็กนี้ทำท่าเหมือนจะไม่ปล่อยเงินให้หลุดลอยแม้แต่หยวนเดียว เขายังคิดว่าจะไล่กลับไปไม่ได้ง่ายๆ ซะอีก
คาดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นคนพูดง่ายขนาดนี้!
แต่ฟางผิงไม่เกาะแกะเขา ถือเป็นเรื่องดี จางหย่งรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นักเรียนฟางผิงใจกว้างเหมือนที่คิดไว้จริงๆ พอเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ต้องไปได้ไกลแน่ๆ…”
จางหย่งแค่อ้าปาก คำชมก็พรั่งพรูออกมาราวกับสั่งได้
พอไม่มีเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง จางหย่งจึงเกรงใจกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
พยายามคลายข้อสงสัยที่ฟางผิงอยากรู้เท่าที่ทำได้
ตอนที่บอกลากัน จางหย่งยังดึงดันจะไปส่งฟางผิงออกจากประตูให้ได้ ฟางผิงไม่ปฏิเสธเช่นกัน
ฟางผิงเดินไป พลางถามขึ้นมาว่า “รองผู้อำนวยการจาง พบเจอเรื่องอย่างวันนี้บ่อยหรือเปล่า?”
“ไม่บ่อย นี่เป็นฝีมือของพวกที่ชอบปลุกปั่นสร้างเรื่อง น้อยครั้งจะเกิดคดีร้ายแรงแบบนี้ ครั้งนี้เพราะว่า…”
จางหย่งชะงักไป ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ยังคงอธิบายต่อ “ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผู้ว่าจางนำทีมไปสมทบกับเทียนหนาน คนฝีมือดีของหนานเจียงส่วนหนึ่งไปรวมตัวที่เทียนหนาน พวกนอกรีตเห็นโอกาสเลยทำเรื่องอย่างไม่เกรงกลัวอะไร…”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน