เข้าสู่ระบบผ่าน

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน นิยาย บท 89

ตอนที่ 89 หว่านล้อม

หลี่เฉิงเจ๋อเป็นคนฉลาด การสังเกตสีหน้าและคำพูดเป็นความสามารถพื้นฐานของคนประเภทนี้อยู่แล้ว

ตอนที่ฟางผิงชวนเขามากินข้าวเย็น เขาก็รู้แล้วว่าฟางผิงมีเรื่องอยากคุยด้วย

หลายวันมานี้ฟางผิงออกที่พักตั้งแต่เช้า กลับมาดึกดื่น เขารู้เช่นกันว่าฟางผิงยุ่งตัวเป็นเกลียว

แต่เรื่องส่วนตัวของผู้ฝึกยุทธ์ หากอีกฝ่ายไม่พูด อย่าได้สืบเด็ดขาด นี่เป็นประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้มาตลอดหลายปี

ตอนที่ฟางผิงหยุดบทสนทนาเตรียมจะเปิดปากอีกครั้ง หลี่เฉิงเจ๋อก็รู้ว่าแล้วประเด็นสำคัญกำลังมาแล้ว

“ผู้จัดการหลี่สามารถเลื่อนขั้นจนเป็นผู้จัดการระดับหนึ่งของโรงแรม คงทำงานมานานแล้วสินะครับ?”

“ผมอยู่ที่โรงแรมนี้มาแปดปีแล้ว”

หลี่เฉิงเจ๋อไม่คิดปิดบัง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แปดปีก่อน หลังจากผมจบจากมหาวิทยาลัยการเงินของเซี่ยงไฮ้ ก็เข้าทำงานที่โรงแรมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ทำจนถึงสามปีก่อน ค่อยได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการแผนกแม่บ้าน”

ความจริงคำพูดนี้เปิดเผยรายละเอียดไม่น้อย ทำงานมาห้าปีค่อยได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแผนกแม่บ้าน ต่อจากนั้นอีกสามปีก็ยังไม่มีสัญญาณอะไรว่าจะได้เลื่อนขั้นอีก

แม้ว่าโรงแรมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้จะดูหรูหรา แต่ต่อให้จะหรูหรายังไง ยังคงเป็นแค่กิจการธรรมดาที่อาศัยแค่ชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เท่านั้น

นี่เป็นเพียงกิจการที่ใช้รับรองครอบครัวของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย จึงไม่ค่อยมีความสำคัญเท่าไหร่

ส่วนระบบบุคลากรของโรงแรม หลายวันมานี้ฟางผิงพอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้ว

ผู้จัดการใหญ่ รองผู้จัดการ ผู้จัดการสาขา ผู้จัดการแผนก หัวหน้าระดับสูง หัวหน้า พนักงาน

หลี่เฉิงเจ๋อที่จบการมหาวิทยาลัยการเงินเซี่ยงไฮ้นับว่าประวัติการศึกษาใช้ได้ทีเดียว

หลี่เฉิงเจ๋อไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ สามารถเลื่อนขั้นจนเป็นผู้จัดการแผนกได้ ถือว่าใช้ความสามารถของตัวเองจริงๆ…การประจบสอพลอก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งเช่นกัน

ใช้เวลาถึงแปดปี ค่อยได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการระดับกลางของโรงแรมที่ไม่ได้สลักสำคัญ นี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องโดดเด่นอะไร

ที่จริงฟางผิงคาดเดาได้นานแล้วว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่ได้มีภูมิหลังที่พิเศษ

นับจากวันแรกที่เจอกัน คุณป้าที่จุดต้อนรับคนนั้นก็ดูไม่ค่อยเกรงใจเขาเท่าไหร่ บางทีอาจจะไม่ใช่ความไม่เกรงใจ แต่เป็นการเมินเฉยอย่างหนึ่งมากกว่า

คุณป้าคนนั้นต่างหากที่พอมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่บ้าง สามารถรับตำแหน่งภายในมหาวิทยาลัย แม้จะเป็นพนักงานชั่วคราว ก็ไม่ธรรมดาอยู่ดี ทั้งหลี่เฉิงเจ๋อยังเกรงใจกับฟางผิงที่ไม่ได้ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ เหมือนกลัวฟางผิงไม่รู้ว่าเขากำลังประจบอยู่เสียอย่างนั้น

ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ เป็นแค่นักศึกษาทั่วไป

จากเรื่องพวกนี้พอจะทำให้เขาเข้าใจหลายอย่างแล้ว

ฟางผิงได้ยินประโยคกำกวมของเขา จึงไม่คิดอ้อมค้อมอีก เอ่ยตามตรง “ไม่ทราบว่าผู้จัดการหลี่ได้เงินต่อปีเท่าไหร่?”

“หนึ่งแสนห้าหมื่นหยวน”

“ยังถือว่าใช้ได้ แต่ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ เงินหนึ่งแสนห้าแทบไม่เพียงพอให้หยิบยกมาพูดถึงด้วยซ้ำ”

ฟางผิงเอ่ยต่อ “แล้วผู้จัดการสาขาล่ะครับ?”

“สามแสนหยวน สูงกว่าพวกเราหนึ่งเท่า”

“ผู้จัดการหลี่คิดว่าตัวเองต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะเป็นผู้จัดการสาขาได้?”

หลี่เฉิงเจ๋อเอ่ยด้วยยิ้มเจื่อน “หากโชคดี อาจจะใช้เวลาสามปี นานหน่อย คงจะประมาณห้าปี แม้ผมจะไม่มีภูมิหลังโดดเด่น แต่ถ้าทำงานขยันขันแข็งและตั้งอกตั้งใจ พวกเพื่อนร่วมงานไม่ฟ้องเรื่องอะไร ทั้งผู้จัดการใหญ่ยอมรับ…”

“รอผู้จัดการหลี่กลายเป็นผู้จัดการสาขาคงจะเกือบสี่สิบปีแล้ว เลื่อนขึ้นไปเป็นรองผู้จัดการอีก ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี? ไหนจะตำแหน่งผู้จัดการใหญ่?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยยิ้มบาง “บางทีถ้าทุกอย่างราบรื่น รอจนห้าสิบปีแล้ว คุณอาจได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการใหญ่ แต่โรงแรมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ได้อยู่ในฐานะที่สลักสำคัญ กลายเป็นผู้จัดการใหญ่แล้วยังไง? ผมว่านักศึกษาส่วนมากที่จบจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อาจจะเริ่มต้นได้สูงกว่านี้ด้วยซ้ำ”

“นี่คือความจริง พวกเรากับผู้ฝึกยุทธ์เทียบกันไม่ได้…”

หลี่เฉิงเจ๋อไม่ได้ปฏิเสธ ครุ่นคิดเล็กน้อยเอ่ยว่า “ดังนั้นผมเลยวางแผนว่าอีกไม่กี่ปีให้หลัง จะเก็บเงินสักก้อนไปสมัครคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ฝึกฝนตัวเองให้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์”

“เก็บเงินสมัครคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่?”

“สักสองสามปีน่าจะได้แล้วครับ”

“สองสามปีต่อจากนี้คงอายุสามสิบกว่าแล้ว ปราณจะลดลงอย่างหนัก มากสุดน่าจะพอทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งเท่านั้น”

ครั้งนี้หลี่เฉิงเจ๋อไม่รับบทสนทนาอีก เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “คุณฟางต้องการอะไรพูดมาตามตรงเถอะครับ หลายวันนี้ แม้จะไม่ได้พูดคุยกับคุณฟางเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาสั้นๆ คุณฟางก็สร้างความประทับใจที่พิเศษให้ผม…”

ความพิเศษนี้มาจากเรื่องที่ฟางผิงดูมีประสบการณ์ชีวิต

เขาไม่ใช่นักศึกษาปีสูงในมหาวิทยาลัย เป็นแค่เด็กมอปลายที่เพิ่งจบการศึกษาเท่านั้น

แต่ถ้าไม่ดูบัตรประชาชนของฟางผิง ไม่ดูใบหน้าอ่อนวัยนั้นของเขา ใครจะเชื่อว่าฟางผิงอายุแค่สิบแปดปี?

หลี่เฉิงเจ๋อคิดว่าตอนที่เขาอายุยี่สิบแปดปี ยังไม่ดูโตเป็นผู้ใหญ่เท่าฟางผิงด้วยซ้ำ

รวมทั้งอีกฝ่ายหลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ไม่มีนิสัยยโสโอหัง ปฏิบัติกับพนักงานทั่วไปอย่างเกรงอกเกรงใจ คนแบบนี้ ใครเห็นต่างเดาว่าต้องมีอนาคตไกล

หลายครั้งที่มองสิ่งเล็กๆ ให้กลายเป็นภาพใหญ่ได้ นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่หลี่เฉิงเจ๋อตั้งใจประจบประแจงเขา

ฟางผิงไม่คิดอ้อมค้อมอีก เอ่ยว่า “ผมมาที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่แค่มาเรียนที่นี่สี่ปีเท่านั้น ยิ่งเดินในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์นานเท่าไหร่ ก็ต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรและค่าใช้จ่ายมากเท่านั้น ผมไม่คิดจะรอวางแผนหาเงินตอนเรียนจบ ดังนั้นหลายวันนี้ผมเลยอยากทำกิจการของตัวเองขึ้นมา…”

ฟางผิงอธิบายแผนของเขาคร่าวๆ ด้วยใบหน้าจริงใจ

“ผมมาเซี่ยงไฮ้เป็นครั้งแรก ในสถานที่แปลกใหม่แห่งนี้ ผู้จัดการหลี่นับว่าเป็นคนที่ผมคลุกคลีด้วยมากที่สุด ตอนนี้บริษัทของผมยังเป็นภาพในจินตนาการ เงินทุนก็มีอย่างจำกัด พูดได้ว่า บริษัทแบบนี้ไม่คุ้มค่าที่จะเข้าร่วมด้วยซ้ำ อย่างน้อยคงจะหยิบยกมาพูดกับคนที่เงินเฉลี่ยรายปีแสนห้า ไม่นานอาจจะแตะถึงสามแสนไม่ได้ แต่ตอนนี้ผมขาดคนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระในตำแหน่งผู้จัดการ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว พอเปิดเรียน ผมกลัวว่าจะไม่มีเวลามาดูแลเรื่องนี้ ดังนั้นผมเลยต้องการผู้จัดการที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ ทั้งเพียงพอที่ให้คนอื่นไว้ใจมาช่วยเหลือผม”

พูดจบ ฟางผิงบีบมือเล็กน้อย ไม่เปิดโอกาสให้หลี่เฉิงเจ๋อพูด กล่าวต่อว่า “สิ่งที่ผมพูดไปคือข้อเสีย ตอนนี้จะพูดข้อดีบ้าง อย่างแรก ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ หลอมกระดูกครั้งที่สองแล้ว ไม่นานผมจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ถึงกระทั่งอาจจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามก่อนขึ้นปีสอง”

หลี่เฉิงเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย เขาไม่ปฏิเสธความจริงพวกนี้

ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งที่สองมีโอกาสสูงที่จะทะลวงขั้นสามในเวลาหนึ่งปี แน่นอนว่ามีโอกาสเท่านั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเหมือนหวังจินหยางไปซะหมด

“อย่างที่สอง ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายมาหาคุณ กล่าวตามตรงคือต้องการให้คุณช่วยเหลือ หากคุณตอบรับ คงต้องนับว่าคุณช่วยเหลือผมในช่วงเวลาที่ยากลำบาก อย่างอื่นไม่พูดถึง แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ทะลวงขั้นสามภายในหนึ่งปี น้ำใจนี้ต้องมีค่าอยู่แล้ว ผู้จัดการหลี่คงไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ใช่ไหม?”

ตอนที่ 89 หว่านล้อม 1

ตอนที่ 89 หว่านล้อม 2

Verify captcha to read the content.VERIFYCAPTCHA_LABEL

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน