ตอนที่ 90 หลอมกระดูกครั้งที่สาม
ภายในห้อง
ฟางผิงฝึกเคล็ดหลอมกระดูกครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อก่อนเขาฝึกวิชาและฝึกเคล็ดหลอมกระดูกแค่วันละหนึ่งครั้งก็สิ้นเปลืองมหาศาลแล้ว ถึงจะเป็นตอนที่มีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม ยังคงอ่อนเพลียเมื่อยล้าได้เหมือนกัน
แต่ครั้งนี้ฟางผิงฝึกเคล็ดหลอมกระดูกติดกันถึงสามครั้งแล้ว
“ทะลวงสิ!”
ฟางผิงคำรามในใจ ขีดจำกัดสองร้อยนี้ติดมานานแล้ว!
หลังจากมีระบบช่วยเหลือ แม้จะเป็นขีดจำกัดหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าหรือหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้า เขาใช้ทะลวงเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
แต่ขีดจำกัดหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าแคล เขากลับติดอยู่เกือบหนึ่งเดือน!
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป…
สองชั่วโมงผ่านไป…
ตอนที่ฟางผิงทะลวงปราณและเส้นเลือดครั้งที่หกเสร็จสิ้น จู่ๆ กระดูกทั้งร่างกลับเคลื่อนไหวขึ้นมา
ใช่แล้ว กระดูกกำลังเคลื่อนไหว
กล้ามเนื้อเกิดการบีบตัวเช่นกัน
ฟางผิงที่ผ่านการหลอมกระดูกมาสองครั้ง ใบหน้าเผยความดีใจ การหลอมกระดูกครั้งที่สามเริ่มขึ้นแล้ว!
ผิวภายนอกมีเลือดเสียถูกขับออกมาประปราย
ฟางผิงไม่กล้าชักช้า รีบหยัดกายขึ้นเข้าสู่สภาวะจวงกงทันที
ตอนนี้จวงกงเท่านั้นที่จะทำให้การทะลวงเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
—
ยี่สิบนาทีต่อมา ฟางผิงกลายเป็น ‘คนผิวดำ’ โดยสมบูรณ์แบบ
ทั่วทั้งร่างถูกเลือดเสียปกคลุม ดูดำคล้ำไปหมด
แต่ฟางผิงกลับดีใจจนหน้าบาน
“ในที่สุดก็สำเร็จ!”
“หลอมกระดูกครั้งที่สาม เหล่าหวังยังสู้ฉันไม่ได้เลย!”
“ฮ่าๆ…”
หาได้ยากที่ฟางผิงจะมีเผยสีหน้าดีใจถึงขนาดนี้ แต่ครั้งนี้เขาดีใจจริงๆ ติดอยู่ที่เดิมมานานเกินไปแล้ว!
ฟางผิงรีบตรวจดูตัวเลขตรงหน้า ไม่นานก็มีการเปลี่ยนแปลงใหม่
ทรัพย์สิน : 2,200,000
ปราณ : 182 แคล (205 แคล)
จิตใจ : 175 เฮิรตซ์ (209 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูกครั้งที่สามแล้ว ขีดจำกัดปราณขยับขึ้นหกแคล ค่าจิตใจเพิ่มสูงถึงสิบเฮิรตซ์
นี่แสดงให้เห็นว่า หลังจากหลังจากหลอมกระดูกครั้งที่สาม ร่างกายของฟางผิงก็มีการขยับขยายขอบเขตขึ้นอย่างมาก
การจะเพิ่มปราณในระดับสองร้อยขึ้นไปให้มากขึ้นทีเดียวถือเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง
“หลอมกระดูกครั้งที่สามสำเร็จ คงจะปล่อยให้ยืดยื้ออยู่อย่างนี้ไม่ได้แล้ว”
ฟางผิงตัดสินใจแล้ว ต้องรีบทะลวงด่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้เร็วที่สุด
การหลอมกระดูกครั้งที่สามสิ้นเปลืองทรัพยากรและเวลาของเขาเป็นอย่างมาก ถ้าเขาเลือกทะลวงด่านกลางเดือนมิถุนายน บางทีตอนนี้อาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองแล้วเสียด้วยซ้ำ
หลอมกระดูกสามครั้งเพียงพอแล้ว แม้จะพูดว่าสามารถหลอมกระดูกได้อีก ฟางผิงก็ไม่คิดจะดึงดันต่อ
ฟางผิงพอจะรู้ประโยชน์ที่หลอมกระดูกล่วงหน้ามาอยู่บ้าง
เพื่อสร้างพื้นฐานให้กระดูกในภายหลัง ช่วงเวลาที่ยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ยิ่งหลอมกระดูกจำนวนครั้งมากเท่าไหร่ วันข้างหน้าก็จะสามารถหลอมกระดูกแขนขาและกระดูกแกนกลางได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น
หวังจินหยางเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาเล็กน้อย หลอมกระดูกบ่อยเท่าไหร่ ภายหลังจะได้รับประโยชน์จากการหลอมกะโหลกอย่างมากเหมือนกัน
การหลอมกะโหลกเป็นจุดที่หลอมยากที่สุดของร่างกายมนุษย์
ขั้นหนึ่งขั้นสองหลอมกระดูกแขนขา ขั้นสามหลอมกระดูกแกนกลาง ส่วนหลอมกะโหลกตอนอยู่ขั้นสี่หรือไม่ หวังจินหยางไม่ได้บอกไว้ ฟางผิงเลยไม่รู้เหมือนกัน
แต่การหลอมกะโหลกยังเป็นเรื่องที่จำเป็น ทั้งอาจจะต้องหลอมตอนที่กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง
ศีรษะนั้นเป็นส่วนสำคัญ การหลอมกระดูกขึ้นไปจนถึงศีรษะมีความเสี่ยงอย่างมาก
ตอนนี้ฟางผิงหลอมกระดูกครั้งที่สามแล้ว วันหลังคงพอจะช่วยเรื่องหลอมกะโหลกไม่น้อย
จากกลางเดือนเมษายนที่ฝึกวิชามาจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ผ่านมาสี่เดือน ฟางผิงหลอมกระดูกครั้งที่สามสำเร็จแล้ว!
“ฟื้นฟูค่าต่างๆ กลับมาจะสิ้นเปลืองเกินไป อย่าเพิ่งเลยดีกว่า ให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเองสักสองวัน สองวันนี้เราก็ต้องพักผ่อนให้ดีๆ สักหน่อย”
“รอเข้าเรียนค่อยทะลวงด่านแล้วกัน จะได้ยื่นเรื่องขอทรัพยากรจากมหาวิทยาลัยด้วย ขั้นหนึ่งเหมือนจะได้รับยาบำรุงฟรี จะได้ประหยัดยาเสริมสร้างกระดูกและยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งด้วย”
ฟางผิงยังไม่ไปอาบน้ำ นอนลงพื้นไปทั้งแบบนั้น ปากพึมพำไม่หยุด
เหลืออีกสิบกว่าวัน การรายงานตัวจะเริ่มขึ้น ฟางผิงถึงได้ร้อนใจเรื่องหลอมกระดูก
อย่างแรกเมื่อไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ คงไม่อาจทำบางเรื่องได้สะดวกนัก
อย่างเช่นเรื่องบริษัทส่งของ แม้ว่าการหลอมกระดูกครั้งที่สองจะทำให้ได้รับการปฏิบัติไม่ต่างจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง แต่ยังไงก็ไม่มีความน่าเกรงกลัวเหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์อยู่ดี
ฟางผิงกล้ามั่นใจ พอเปิดบริษัท ปัญหาของเขาคงตามมาเป็นพรวน
เมืองมหาวิทยาลัยไม่ใช่ว่าขาดแคลนบริษัทส่งของ เขามาจากข้างนอก ทั้งไม่ได้หาพันธมิตร อยู่ดีๆ กลับมาแย่งลูกค้าคนอื่น
ใครจะยอมกัน?
คนธรรมดาไม่อาจข่มขวัญคนพวกนี้ได้ แต่ผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ทำให้คนหวั่นเกรงได้อยู่แล้ว ยังไงใกล้ๆ นี้ก็มีแค่มหาวิทยาลัยไม่กี่สิบแห่งเท่านั้น
รอขยับขยายไปทั่วเมืองมหาวิทยาลัยแล้ว ความสามารถของฟางผิงพัฒนามากขึ้น คงจะสามารถสยบความไม่พอใจพวกนั้นลงได้
ฟางผิงไม่อยากจัดการตอนที่เรื่องมาถึงตัว วางแผนล่วงหน้าจะมีประโยชน์มากกว่า
ทั้งหลอมกระดูกครั้งที่สามแล้ว พอเข้ามหาวิทยาลัยจะสามารถเลือกอาจารย์เก่งๆ ทั้งได้รับความสนใจกว่าคนอื่น
ในมหาวิทยาลัยมีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกครั้งที่สามคนเดียว ทั้งยังทำได้โดยที่อาศัยทรัพยากรของโรงเรียน
เมื่อคำนวณส่วนได้ส่วนเสียแล้ว ฟางผิงลอบเยาะเย้ยตัวเองอยู่บ้าง “ไม่รู้ว่าตกลงฉันเหมาะจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า แต่ความต้องการของฉันมีเยอะอยู่บ้างจริงๆ”
ก่อนหน้านี้เวลาจะทำอะไร เขาชอบไตร่ตรองส่วนได้ส่วนเสียอย่างละเอียดก่อน ไม่มีความหุนหันพลันแล่นเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
พวกหวังจินหยางมักบอกว่าเขาไม่เหมือนวัยรุ่น เพราะจิตใจนั้นไม่มีความมุทะลุเหมือนวัยรุ่นทั่วไป
“ช่างเถอะ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ตอนนี้หลอมกระดูกครั้งที่สามเสร็จสิ้น เป้าหมายเรื่องการเงินยังคงไกลอยู่บ้าง แค่พอสร้างรากฐานได้ก็พอแล้ว หวังว่าหลี่เฉิงเจ๋อจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ฉันยิ่งกว่านี้”
ฟางผิงวางเรื่องในหัวลง วันนี้ควรจะดีใจ ไม่ใช่กลัดกลุ้มแบบนี้
“ใช่สิ จะตั้งชื่อบริษัทว่าอะไรดีนะ?”
ฟางผิงเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“บริษัทส่งของฟางผิง? บริษัทผิงฟาง? แปลกๆ ชะมัด…”
“หยวนฟาง? ฟางหยวน? หยวนผิง? ผิงหยวน?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน