ตอนที่ 93 ทำการใหญ่! (2)
“ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ฉันสู้นายได้ที่ไหนกัน ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วยซ้ำ…”
“ฟางผิง พวกเราอย่าถ่อมตัวกันเลยดีกว่า” จู่ๆ ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังหรอก”
“ตอนนี้แค่เริ่มต้นเท่านั้น จะตัดสินความอ่อนแอหรือแข็งแกร่งเวลานี้แทบไม่มีความหมาย”
“จุดประสงค์ที่ฉันมา อย่างแรกคือมาดูเพื่อนข้างห้องเท่านั้น อย่างที่สองมาดูสถานการณ์ของแต่ละคน นึกไม่ถึงว่าเจอคนแรกก็เหนือความคาดหมายซะแล้ว ที่จริงฉันยังมั่นใจตัวเองอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เพิ่งพบว่าเป็นกบในกะลาชัดๆ การรวมตัวตอนบ่าย นายน่าจะรู้แล้วใช่หรือเปล่า?”
“รู้แล้ว”
ฟางผิงพยักหน้า เขามองออกว่าฟู่ชางติ่งรู้เรื่องเยอะกว่าเขา อดถามไม่ได้
“รวมตัวเพื่อให้คำชี้แนะนักศึกษาใหม่? หรือเป็นพิธีเข้าเรียนของที่นี่?”
“เหมือนจะอย่างนั้น แล้วก็เหมือนไม่ใช่อย่างนั้นเช่นกัน”
ฟู่ชางติ่งหัวเราะ ไม่ได้รีบพูด แต่กวาดสายตารอบห้องไปแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า
“ไม่มีกระทั่งน้ำ? ไปเถอะ นายน่าจะยังไม่ได้ซื้อของ พวกเราเดินไปคุยไปดีกว่า ฉันจะได้ไปซื้อข้าวของที่ขาดเหลือด้วย”
เขาไม่คิดจะไปทำความรู้จักคนอื่นแล้ว นักศึกษาห้องแปดสิบหก ปราณสูงยิ่งกว่าคนที่หลอมกระดูกครั้งที่สองอีก
ไม่ใช่ว่าอัจฉริยะจะมีอยู่กลาดเกลื่อน คุ้นเคยกับฟางผิงไว้ก่อนน่าจะเพียงพอแล้ว
ฟางผิงไม่ปฏิเสธเช่นกัน ปิดประตูแล้ว ก็เดินออกไปข้างนอกกับอีกฝ่าย
เดินไปสักพัก ฟู่ชางติ่งค่อยเอ่ยว่า “การรวมตัวตอนบ่าย ถือว่าเป็นช่วงเวลาแสดงความสามารถ พรุ่งนี้พวกเราต้องเข้าไปในตึกฝึกซ้อม เริ่มการเลือกสาขา แต่เมื่อเข้าไปในข้างในแล้ว อันดับแรกทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อนว่าใครที่หาเรื่องได้ ใครหาเรื่องไม่ได้ ส่วนช่วงบ่ายนั้นเป็นเวลาทำความรู้จักซึ่งกันและกัน อันที่จริงก็ถือว่าให้เวลาพวกอาจารย์ได้สำรวจด้วย พวกนักศึกษาแต่ละคนมีฝีมืออย่างไร ถูกใจคนไหน พรุ่งนี้ก็จับจ้องคนนั้นเป็นพิเศษ วันนี้ทุกคนควรมีการเตรียมตัว อีกวันคนนับพันต้องเข้าไปอยู่ในตึกฝึกซ้อม แม้จะมีกล้องวงจรปิดให้สังเกต แต่หาต้นกล้าชั้นยอดไว้ก่อนย่อมดีที่สุด ดังนั้นบ่ายนี้มีความสามารถเท่าไหร่ พยายามแสดงออกมาให้หมด! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาปิดบังซ่อนเร้น อาจารย์ที่เก่งกาจ สามารถทำให้เราประหยัดแรงและเวลาได้มากมายเชียว”
ฟางผิงเข้าใจคร่าวๆ แล้ว สรุปคือช่วงบ่ายจะเลือกหัวกะทิบางส่วนออกมาก่อน คนพวกนี้จะถูกให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
รอจนถึงพรุ่งนี้ พวกอาจารย์ก็จะสำรวจให้ละเอียดอีกหน่อย ใครเหมาะกับการคุมทีมสั่งการพวกพ้อง ใครเก่งกล้าเรื่องการต่อสู้ ล้วนมองออกทั้งสิ้น
ให้เวลาทุกคนเตรียมตัวหนึ่งคืน นี่คงเป็นการทดสอบความสามารถรวมกลุ่มและการตัดสินใจของพวกนักศึกษา
จะมีคนจัดตั้งกลุ่มสักสิบคนหรือร้อยคนภายในคืนเดียวได้หรือไม่ นี่ถือเป็นการทดสอบความสามารถจริงๆ
การตัดสินใจว่าเล่นงานใครได้ หรือเล่นงานใครไม่ได้ นับว่าสำคัญเช่นกัน
หลี่เฉิงเจ๋อบอกว่าสี่ร้อยคน ทุกคนคงไม่จำเป็นต้องแยกกันหัวร้างข้างแตกหรอกมั้ง
แต่ไม่แสดงความสามารถของตัวเอง อาจารย์จะให้ความสนใจได้ยังไง?
ฟางผิงกล้ามั่นใจว่า พรุ่งนี้ต้องมีคนท้าประลองกับเพื่อนที่มีความสามารถระดับเดียวกันแน่นอน ส่วนเลือกใครเป็นคู่ต่อสู้ นั่นต้องดูความสามารถในการอ่านเกมแล้ว
คนที่เอาชนะเพื่อนชั้นเดียวกัน คงจะได้คะแนนพิเศษเพิ่ม
หากเอาแต่อยู่ในตึกไม่ขยับไปไหนเพื่อรักษาโควตาตัวเองเอาไว้ คนประเภทนี้ถึงจะเข้าสาขายุทโธปกรณ์ได้ ก็คงไม่โดดเด่นอะไร
—
ฟางผิงเดินพูดคุยกับฟู่ชางติ่งมาจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ตของมหาวิทยาลัย
แม้จะบอกว่าเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต แต่แทบไม่ต่างอะไรกับห้างเล็กๆ ข้างนอก ขนาดใหญ่กว่าหน่อย ทั้งราคาไม่แพงจนเกินไป
เดินคุยกับฟางผิงมาตลอดทาง ฟู่ชางติ่งรู้สึกว่าพวกเขาคุ้นเคยกันไม่น้อยแล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฟางผิง พรุ่งนี้สนใจทำการใหญ่ด้วยกันหรือเปล่า?”
“หมายถึงอะไร?”
“ครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ห้าสิบสองคน คนธรรมดาที่หลอมกระดูกแล้วเก้าคน แน่นอนว่าอาจจะมีคนทะลวงด่านตอนปิดเทอมเพิ่มมาอีก แต่คงไม่ได้เยอะอะไร ทุกคนมามหาวิทยาลัยเพื่อต้องการประหยัดทรัพยากรอยู่แล้ว คนที่หลอมกระดูกครั้งที่สองน่าจะนับรวมเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งได้ งั้นคิดซะว่ามีผู้ฝึกยุทธ์เจ็ดสิบคนล่ะกัน ผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ หากไม่ทำอะไรโดดเด่นคงไม่ได้ โอกาสจะมาหาแค่คนที่แข็งแกร่งและผู้ที่เตรียมพร้อมเท่านั้น”
ฟางผิงเลือกของพลางเอ่ยเสียงเบาว่า “นายวางแผนจะทำยังไง?”



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน