ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1688

จางหยูไม่คิดว่าลั้วตี้จะเดินทางออกไปแบบนี้
  ด้วยความทรงจำของไป่หลิงและไป่ลู่นั้นน่าจะรับรู้ถึงผลประโยชน์จากสำนักคังเฉียงได้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นลั้วตี้ก็เลือกที่จะเดินทางออกไปโดยไม่ลังเล พวกนางถึงกับไม่รอพบจางหยู มันเห็นได้ว่าลั้วตี้น่าจะได้รับผลกระทบจากความทรงจำของไป่หลิงและไป่ลู่ไม่ใช่น้อย
  ไป่หลิงน่ะชอบจางหยู อันที่จริงหลายคนก็รู้สึกแบบนี้ แม้แต่จางหยูเองก็รู้เรื่องนี้ แต่ไป่หลิงก็คือไป่หลิง ลั้วตี้ก็คือลั้วตี้ ทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกัน ลั้วตี้คือยอดฝีมือเก่าแก่ เธอคือราชินีผู้สูงส่ง คนแบบนั้นไม่มีทางสนใจอารมณ์รักใคร่พวกนี้
  หากนางชอบจางหยู นางอาจจะบอกความรู้สึกของนางออกมา หากเป็นความรู้สึกในอดีตแล้ว นางคงเลือกที่จะทิ้งมันไป  ยังไงซะนางก็กลับมาเกิดใหม่ ความทรงจำและความรู้สึกแต่ละร่างนั้นอาจจะแตกต่างกัน หากเอาความทรงจำและความรู้สึกมาปนกัน งั้นไม่ใช่ว่านางจะรักหลายคนรึไง ?
  “ บางทีนางอาจจะปรับตัวไม่ได้ ” เจ้าสำนักพูดขึ้น “ มันอาจจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่นางจะปรับตัวกับความทรงจำได้ เมื่อนางปรับตัวได้ นางอาจจะกลับมา ”
  หากลั้วตี้ปรับตัวกับความทรงจำและความรู้สึกของร่างที่กลับมาเกิดใหม่ได้ และกล้าเผชิญหน้ากับจางหยูและสำนักคังเฉียงนั่นก็คงเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตอนนี้ชัดแล้วว่านางไม่อาจจะทำแบบนั้นได้ เมื่อนางไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ เป็นธรรมดาที่นางเลือกจะจากไป
  จางหยูพูดขึ้นมา “ น่าเสียดาย ลั้วตี้เองก็อยู่รุ่นเดียวกับข้า พรสวรรค์ที่นางมีก็สูง หากอยู่ในสำนักคังเฉียงต่อ นางคงก้าวหน้าอย่างมาก ในโลกปิดและทรัพยากรที่น้อยนิด การที่นางขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ก็แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่นางมี ”
  จากจุดนี้นางเหนือกว่าหยวนฉิง, ฝานกู่, หงจวินและคนอื่นๆด้วยซ้ำ ยังไงซะพวกนี้ก็มีเงื่อนไขที่ดีกว่า ความสำเร็จของพวกนี้เกี่ยวโยงกับโลกที่สร้างขึ้นมา แต่ลั้วตี้น่ะก้าวหน้าขึ้นมาด้วยตัวเองจนถึงระดับนี้ได้
  แม้ว่าจะเสียดายแต่จางหยูก็ไม่ได้คิดอะไรมาก พรสวรรค์แค่นี้ไม่เพียงพอให้เขาสนใจ ยังไงซะเขาก็มียอดฝีมือจำนวนมากในสังกัด แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 8 ก็ยังมี ในทางกลับกันแล้วการที่ลั้วตี้แยกตัวออกไปนั้นเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากนัก
  ไม่กี่วันต่อมา ไอรีนโนเวล
  จางหยูก็ได้เรียกจ้านเทียนเกอ, หลินเป่ยชาน, เกลดันและคนอื่นๆเพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากที่นี่
  ไม่รู้ว่าเพราะรับรู้ได้ว่าจางหยูจะจากไปหรือตั้งใจแต่เดิมอยู่แล้ว ตอนที่จางหยูและคนอื่นๆกำลังจะเดินทางออกไปนั้นเสี่ยวเสียก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้น “ นายท่านข้าทะลวงผ่านได้แล้ว ! ” เสี่ยวเสียหัวเราะออกมา “ ข้าขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้างได้แล้ว ! ”
  กึ่งผู้สร้างนี่เท่ากับจิตปฐมบทโกลาหลแล้ว ในอีกความหมายคือตอนนี้เสี่ยวเสียเรียกได้ว่าเป็นจิตวิญญาณก็ว่าได้
  อาจจะกล่าวได้ว่ามันคือจิตปฐมบทโกลาหลที่กำเนิดขึ้นมาด้วยการบ่มเพาะทักษะเทพอสูร บางทีมันอาจจะแข็งแกร่งกว่าจิตปฐมบทโกลาหลที่เพิ่งกำเนิดขึ้นมา
  “ ดีมาก ” จางหยูหัวเราะออกมา “ เมื่อเจ้าทะลวงผ่านได้แล้ว งั้นก็มากับเรา ”
  เสี่ยวเสียที่ขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้างสามารถทนการกัดกร่อนของโกลาหลได้แล้ว
  “ เดินทางไปด้วยรึ ? ” เสี่ยวเสียตาเป็นประกาย “ จะให้ไปไหนกัน ?”
  จางหยูยิ้มออกมาและพูดขึ้น “เจ้าไม่อยากเห็นรึไงว่าโกลาหลแห่งนี้กว้างใหญ่แค่ไหน ?”
  เสี่ยวเสียใจเต้นรัว “ ข้าไม่ไปไม่ได้รึ ?แม้ว่าโกลาหลนี้จะใหญ่โตแต่ข้าก็ไม่ได้ใส่ใจนัก….” เขาไม่ได้เกรงกลัวอันตราย ยังไงซะในทางทฤษฎีแล้วมีแค่ผู้ควบคุมขั้น 9 เท่านั้นที่จะทำลายเขาได้แต่ด้านนอกนั้นแปลกประหลาดและซับซ้อนเกินไป มันจะมีที่ไหนที่สบายไปกว่าสำนักคังเฉียงได้อีก
  ที่นี่มีอาหาร, เครื่องดื่ม, สหายและของอื่นๆ อยู่ที่นี่ไม่ดีรึไง ?
  เอาจริงๆแล้วมันไม่อยากออกจากที่ที่สบายแห่งนี้
  “ ไม่ เจ้าน่ะสนใจ ” จางหยูดึงเสี่ยวเสียและลากเสี่ยวเสียไปด้วย “ ไปดูแล้วเจ้าจะสนใจเอง ”
  เสี่ยวเสียตัวสั่นด้วยความกลัว “ ไม่ นายท่าน ขอข้าอยู่ที่นี่ต่อเถอะ ”
  ถึงเสี่ยวเสียจะขอร้องแต่จางหยูก็ยังทำการเปิดมิติออกและลากเสี่ยวเสียเข้าไปในโกลาหลด้วย
  จ้านเทียนเกอ, หลินเป่ยชานและเกลดันพากันมองไปที่จางหยู “ท่านพูดกับใครกัน ? ”
  “ ข้าเกือบลืมไปว่าพวกเจ้าไม่อาจจะเห็นมันได้ “ จางหยูยิ้มออกมา ” มาแนะนำตัวเองหน่อย ชายคนนี้คือราชาปิศาจที่ข้าพัฒนาขึ้นมา เขาชื่อเสี่ยวเสีย เขาคล้ายกับจิตปฐมบทโกลาหล ตอนนี้เขาเพิ่งทะลวงผ่านขึ้นเป็นกึ่งผู้สร้าง เขาพัฒนาตัวเองคล้ายกับจิตของโกลาหล ข้าพาเขาไปด้วยเผื่อว่าจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง ”
  จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆพากันแปลกใจ “ ท่านควบคุมจิตโกลาหลได้ด้วยรึ ?”
  พวกเขาเคยได้ยินมาก่อนว่าผู้ควบคุมขั้น 9 นั้นสามารถลบจิตปฐมบทโกลาหลออกไปได้แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าผู้ควบคุมขั้น 9 จะควบคุมจิตปฐมบทโกลาหลได้ ยังไงซะนี่ก็เป็นร่างหลักของโกลาหล มันมีตัวตนเพื่อทำลายโกลาหลให้กลับคืนสู่ความมืดมิด
  “ เสี่ยวเสียได้ผูกจิตไว้กับข้า ดังนั้นชีวิตมันจึงอยู่ในกำมือของข้า ” จางหยูพูดด้วยรอยยิ้ม  จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆพากันตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจความคิดของจางหยู
  เมื่อเห็นแบบนั้นจางหยูก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาได้หัวเราะออกมา “ อย่างอื่นพวกเจ้าไม่ต้องสนใจหรอก พวกเจ้ารู้แค่ว่าจิตนี่น่ะเชื่อใจได้ หากมีอะไรที่ไม่สะดวกก็ให้มันทำแทนได้ มาสิ เสี่ยวเสีย แสดงตัวให้ทุกคนเห็นหน่อย ”
  “ สวัสดี ” เสี่ยวเสียพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงท้อแท้
  จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆไม่เห็นร่างของเสี่ยวเสีย แต่ก็ได้ยินเสียงของมัน ตอนนั้นเองพวกเขาก็พากันตอบกลับ “ สวัสดี”
  พวกเขาไม่ได้เกรงกลัวจิตปฐมบทโกลาหล ยังไงซะพวกเขาก็เคยลบจิตปฐมบทโกลาหลมาด้วยตัวเองแล้ว แต่เสี่ยวเสียน่ะพิเศษ มันต่างจากจิตปฐมบทโกลาหลที่พวกเขาเจอมา เมื่อรวมกับการที่เสี่ยวเสียเกี่ยวข้องกับจางหยูแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะไม่กล้าดูถูกมัน  “ ไม่ต้องสนใจเรื่องเสี่ยวเสียแล้ว ” จางหยูมองจ้านเทียนเกอและคนอื่นๆ “ ใครรู้บ้างว่าเราจะตามหาหงอีได้จากที่ไหน?”
  ไม่มีใครรู้เบาะแสของผู้ควบคุมขั้น 9 แต่หากคิดจะตามหาจริงๆก็ต้องได้ร่องรอยอะไรบ้าง
  จ้านเทียนเกอเสนอขึ้นมา “ ข้าคิดว่าเราควรไปยังวังดอกไม้แดง มีข่าวลือว่าท่านหงอีคือเจ้าของวังดอกไม้แดง หากไปที่นั่นแม้ไม่ได้พบกับท่านหงอี แต่ก็น่าจะได้เบาะแสอะไรบ้าง ”
  “ พวกเจ้าคิดว่ายังไง ?” จางหยูมองไปที่หลินเป่ยชานและเกลดัน
  “ ข้าคิดว่าเราควรไปที่นั่น ” หลินเป่ยชานพูดขึ้น “ ท่านหงอีนั้นลึกลับอย่างมาก เบาะแสเดียวที่เกี่ยวข้องกับนางคือวังดอกไม้แดง ”
  “ ตามที่ท่านตัดสิน ” เกลดันไม่คิดออกความเห็นของตัวเอง
  “ งั้นก็ไปที่วังดอกไม้แดงกัน ” จางหยูพยักหน้าและพูดขึ้นมา “ ใครรู้พิกัดของที่นั่นบ้าง ? จ้านเทียนเกอ เจ้ารู้ใช่รึไม่ งั้นเจ้าก็นำทาง ”
  จ้านเทียนเกอได้เรียกพาหนะมิติออกมา พาหนะมิติของเขาเหนือกว่าพาหนะมิติที่จางหยูยืมมาจากอู๋ยง เมื่อทุกคนขึ้นมาบนพาหนะมิติแล้ว จ้านเทียนเกอก็ได้ทำการควบคุมพาหนะให้เดินทางออกไปด้วยความเร็วสูง ในเวลาเดียวกันเขาก็พึมพำออกมา “ ข้ารู้ว่าวังดอกไม้แดงอยู่ทางใต้…ตำแหน่งที่แม่นยำนั้นคงต้องไปถามคนในเขตใต้ตอนเหนือเอา ”
  แม้แต่จ้านเทียนเกอก็ยังไม่รู้ตำแหน่งของวังดอกไม้แดงที่แน่ชัด หลินเป่ยชานและเกลดันยิ่งไม่ต้องหวัง
  แม้ว่าจะเคยออกจากเขตตะวันออกตอนเหนือแต่ส่วนมากพวกเขาก็มักจะขลุกตัวอยู่ในเขตตะวันออกตอนเหนือ
  “ แกร่งดีนิ ” เสี่ยวเสียที่อยู่ในพาหนะมิติได้พึมพำออกมา
  แม้ว่ามันจะต้านทานการโจมตีทุกแบบได้แต่ตัวมันเองก็เป็นแค่กึ่งผู้สร้าง เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังของจ้านเทียนเกอ เสี่ยวเสีย ก็ใจสั่น
  จากเขตตะวันออกตอนเหนือไปยังเขตใต้ตอนเหนือนั้นใช้เวลานานและน่าเบื่ออย่างมาก แม้ด้วยความแข็งแกร่งที่จ้านเทียนเกอมีแล้ว แต่ก็ยังใช้เวลานาน ในเวลาที่นานแบบนี้จางหยูไม่ได้อยู่เฉย เขาได้เพ่งสมาธิไปในโลกตันเถียนเพื่อทำความเข้าใจการสร้างต่อ
  ความแข็งแกร่งของเขาขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของขั้น 8 แล้ว เขาไม่ได้อ่อนแอกว่าจ้านเทียนเกอเลย
  เขาแค่ต้องพัฒนาการรับรู้การสร้างของตัวเอง การรับรู้การสร้างเพื่อขึ้นไปขั้น 9
  จางหยูที่อยู่ในโลกตันเถียนบอกได้ว่าแค่ต้องใช้เวลาเพื่อพัฒนาระดับการสร้างของตัวเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก