ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1735

สำนักคังเฉียงเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
  ทุกคนในสำนักคังเฉียงคล้ายราชาตะวันออกสมัยหนุ่ม บางคนถึงกับน่าทึ่งยิ่งกว่าราชาตะวันออกเสียด้วยซ้ำ
  แม้แต่คนที่เกี่ยวข้องกับศิษย์และอาจารย์ของสำนักก็ยังพัฒนาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ มันราวกับมีเวทย์มนต์ คนอื่นใช้เวลาหลายหมื่นปีกว่าที่ขึ้นมาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แต่พวกเขากลับใช้เวลาแค่ไม่กี่สิบปีรึร้อยปีก็สามารถพัฒนาขึ้นมาได้ มันไม่อาจจะอธิบายถึงพรสวรรค์ของพวกเขาได้
  แม้แต่ยามที่เฝ้าอยู่ที่หน้าภูเขาร้างก็ยังน่าทึ่งยิ่งกว่าราชาตะวันออกเสียอีก !
  ไม่รู้เลยว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ !
  ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันแห่มาที่โลกป่าแม้ว่าจะไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียงแต่ก็ได้พิสูจน์ปาฏิหาริย์ที่เลื่องลือ
  ฐานะของสำนักคังเฉียงได้พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ทั้งโกลาหลไม่มีใครกล้าดูหมิ่นสำนักคังเฉียง เพราะสำนักคังเฉียงไม่ได้มีแค่กลุ่มอัจฉริยะแต่ยังมีเจ้าสำนักที่ไร้เทียมทาน นอกจากนี้แล้วก็ยังมียอดฝีมืออีกหลายคนอย่างจ้านเทียนเกอ,เบเกิลและจ้าวแห่งโลกพันเขต
  เขตตะวันออกตอนบนที่ผู้คนมองข้ามกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมา โลกป่าได้กลายเป็นศูนย์กลางของคนนับไม่ถ้วน
  ในวันนั้นจางหยูก็ได้ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้เวลาได้ผ่านไปอีกหมื่นปีแล้ว
  หมื่นปีนี้เขาใช้กับการทบทวนการใช้พลังสร้าง มันทำให้เขาพัฒนาขึ้นมาอย่างมากแต่ยังห่างกับระดับหมื่นเท่า
  “ เกือบ 2 ใน 3 แล้ว” จางหยูคำนวณระดับการใช้พลังสร้างของตัวเองเทียบกับความเข้าใจ “ การพัฒนาหลังจากนี้จะช้าลงไปอีก ”
  การพัฒนาการใช้พลังสร้างค่อนข้างยุ่งยาก ในทางกลับกันแล้วจางหยูรู้สึกว่าการพัฒนาความเข้าใจในการสร้างยังง่ายกว่า
  “ ที่นี่ต่างจากบรรพกาลของโลกบรรพกาล ” จางหยูสงสัย เขารู้ว่านี่คือบรรพกาลแต่ทำไมมันถึงต่างกันมากแบบนี้ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น?
  นี่มันไม่ถูกต้อง ในโกลาหลก็มีสถานการณ์แบบนี้ แต่นอกจากเขตหวงห้ามแล้ว พลังกัดกร่อนในที่อื่นๆในโกลาหลน่ะเหมือนกัน มันไม่ได้มีความแตกต่าง
  หลังจากที่คิดสักพักแล้ว จางหยูก็ส่ายหน้าและไม่คิดที่จะคิดต่อ
  แม้ว่าเขาจะสร้างโลกตันเถียนขึ้นมาและเป็นตัวตนสูงสุดของโลกนี้ แต่สถานการณ์นี้เกินกว่าความเข้าใจของเขา แม้ว่าจะคิดอยู่นานแต่เขาก็ไม่ได้คำตอบ
  ตอนที่เดินทางอยู่ในบรรพกาล จางหยูก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงตัวตนของโลกบรรพกาลได้ เขาไม่รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร บางทีมันอาจจะเป็นเพราะทั้งสองโลกนั้นห่างกันเกินไป
  แทนที่จะคิดทบทวนปัญหานี้ จางหยูก็ได้กลับไปยังโลกผนึกเทพก่อนจะไปยังโลกป่าต่อ
  เขาตรวจสอบสถานการณ์ของสำนักคังเฉียง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เขาพอใจอย่างมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งโดยรวมในช่วงหมื่นปีมานี้จะเทียบกับช่วงสองหมื่นปีก่อนไม่ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้น้อยเลย ความจริงแล้ว ยิ่งระดับการบ่มเพาะสูง ยิ่งความแข็งแกร่งสูง ก็ยิ่งก้าวหน้าได้ยาก หากสำนักคังเฉียงอยากจะเติบโตอย่างบ้าคลั่งกว่านี้ เกรงว่าเส้นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 ก็คงจะไม่พอ
  จางหยูยังไปไม่ถึงระดับหมื่นเท่า อาจารย์และศิษย์ในสำนักจะพัฒนาไปเร็วกว่าเขาได้ยังไง ?
  จำนวนผู้ควบคุมขั้น 9, ผู้นำขั้น 8 และผู้ควบคุมขั้น 8 เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แม้แต่โกโก้เหวยหลังจากที่กลับมาที่โลกป่านั้นก็ยังขึ้นไปถึงขั้น 8 หลินเป่ยชาน, เกลดันและคนอื่นๆต่างก็ขึ้นไปเป็นผู้นำขั้น 8 และกำลังจะขึ้นไปขั้นที่ 9
  จางหยูปรากฏตัวขึ้นในมิติมืดของโลกป่าทันที
  “ นายท่าน”
  “ นายท่าน !”
  เสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ต่างก็ออกมาต้อนรับ
  เสี่ยวเสียแสดงสีหน้าขมขื่น แต่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์กลับแสดงท่าทียินดีออกมา
  “ พลังของเจ้า….เดาว่าไม่ด้อยว่าขั้น 3 ” จางหยูมองไปที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ด้วยความแปลกใจ “ เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ เจ้าก้าวหน้าไม่ใช่น้อยเลย !”
  “ ต้องขอบคุณหินแห่งการสร้างขั้นเทพ ! หากไม่มีมันแล้ว ข้าคงขึ้นเป็นผู้ควบคุมไม่ได้ “ เสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดขึ้น  จางหยูพยักหน้าก่อนจะมองไปที่เสี่ยวเสีย “ทำไมเจ้ายังอยู่ที่ขั้น 8? เจ้าเกียจคร้านรึ ?”
  พลังของเสี่ยวเสียทัดเทียมกับผู้ควบคุมขั้น 8
  “ ข้าไม่ได้เกียจคร้าน ” เสี่ยวเสียหดหู่อย่างมาก มันพยายามอย่างหนัก ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมานี้มันบ่มเพาะตลอดทั้งวันทั้งคืน “ ตอนนี้ข้าเป็นผู้นำขั้น 8 ไม่ห่างจากขั้น 9 มากนัก ”
  “ เขาไม่ได้เกียจคร้าน ” เสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดขึ้นมา
  “ เมื่อเสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดแบบนั้น ข้าก็มั่นใจว่าเจ้าไม่ได้เกียจคร้าน” จางหยูพูดขึ้น “ ข้าจะไปที่โกลาหล พวกเจ้ามากับข้าด้วย ”
  “ ข้าไม่ไปได้รึไม่ ?” เสี่ยวเสียแสดงสีหน้าขมขื่นออกมา
  “ เจ้าว่ายังไงนะ ?” จางหยูเหมือนจะหัวเราะออกมา  เสี่ยวเสียไม่มีความกล้าพอที่จะปฏิเสธ สุดท้ายทั้งสามก็ได้เดินทางเข้าสู่ความโกลาหล
  จางหยูไม่ได้พาจ้าวแห่งโลกพันเขตมาด้วย แม้แต่จ้านเทียนเกอ, เบเกิลและคนอื่นๆก็ด้วย เขามากับเสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์เท่านั้น เขาไม่ได้มีเป้าหมายที่แน่ชัดแต่แน่นอนว่ามันต้องเป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ที่ซ่อนตัวอยู่ในโกลาหล มันอาจจะมีตัวตนที่เก่าแก่กว่าจ้าวแห่งโลกพันเขตซ่อนตัวอยู่ เป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือหายอดฝีมือเหล่านั้นและทำการเรียนรู้ด้วย
  ไม่นานหลังจากที่จางหยูออกเดินทาง ที่บรรพกาลด้านนอกโลกบรรพกาลก็มีเสียงตื่นเต้นดังขึ้นมา “ ฮาฮา ! ข้าทะลวงผ่านได้แล้ว !”
  เสียงนี้คือเสียงของเซียนกระบี่พเนจร
  “ ครั้งนี้เป็นข้าที่แซงคนอื่นก่อน !” เซียนกระบี่พเนจรแผ่แรงกดดันอันน่ากลัวออกมา นี่คือพลังของผู้ควบคุมขั้นที่ 9  พลังของเขาเสถียรอย่างมาก จิตผู้สร้างอันแข็งแกร่งและหนักหน่วง มันเห็นได้ว่าพื้นฐานพลังของเขาหนักแน่นเพียงใด
  อันที่จริงแล้ว ร่างแยกทั้งหมดของจางหยูมีพื้นฐานพลังที่หนาแน่นทั้งหมด ในช่วงแรกพวกเขาไม่ได้พัฒนาระดับการบ่มเพาะของตัวเอง แต่เป็นการเพิ่มรากฐานของตัวเองให้แข็งแกร่งก่อน
  เฒ่าเทียนจี, หมาป่าละโมบและร่างแยกอื่นๆต่างก็เข้ามาแสดงความยินดี “ ยินดีด้วย ! “
  ร่างแยกทั้ง 8 แสนร่างยังคงบ่มเพาะอยู่เงียบๆ
  “ ยินดีด้วย ” จางหยูรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวในโลกตันเถียน และรู้ว่าเซียนกระบี่พเนจรได้ขึ้นมายังขั้นที่ 9 แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่เขายินดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างแยกบ่มเพาะใกล้จะขึ้นไปถึงขั้นที่ 9 ในอีกไม่ช้า
  ร่างแยกบ่มเพาะ 8 แสนร่างเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก