ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1767

จางหยูไม่ได้พูดคุยเรื่องบรรพชนกระดูกกับซุนเมิ่งต่อ
  เนื่องจากความเข้าใจของซุนเมิ่งที่มีต่อบรรพชนกระดูกค่อนข้างน้อย อีกอย่างเขาคือ 1 ใน 9 ผู้ก่อตั้งวิหารอวี๋ฮุ่น ซุนเมิ่ง คือคนของวิหาร เรื่องบางเรื่องนางก็เลือกที่จะเข้าข้างวิหาร
  จางหยูได้เอาพาหนะมิติออกมาและมุ่งหน้าไปที่โลกอวี๋ฮุ่น
  “ แล้วอาจารย์จะกลับไปที่โกลาหลนภาตอนไหน ?” ซุนเมิ่งถามขึ้นมา
  จางหยูพูดขึ้น “ ข้ายังไม่แน่ใจ แต่คงไม่นานนัก ”
  “ งั้นบัตรหยกนี่ท่านเก็บมันไว้ก่อน ” ซุนเมิ่งได้เอาบัตรหยกของนางส่งให้กับจางหยู
  “ แล้วเจ้าล่ะ ?”
  “ ในวิหารไม่ขัดสนบัตรหยกเลย ” ซุนเมิ่งยิ้มออกมา “ บัตรหยกนี่เป็นของท่าน”
  จางหยูไม่เกรงใจและรับมันไว้
  แต่หลังจากที่รับบัตรหยกมา จางหยูก็ถามขึ้น “ ใครเป็นคนสร้างบัตรหยกนี่ขึ้นมา ?”
  ซุนเมิ่งตอบกลับ “ บรรพชนกระดูก”
  “ แน่นอนว่าต้องเป็นเขา” จางหยูไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
  “ มีปัญหาอะไรรึ ?” ซุนเมิ่งถามขึ้นมา
  “ มีใครอีกที่สร้างมันขึ้นมาได้นอกจากเขา ?” จางหยูถามขึ้น
  ซุนเมิ่งส่ายหน้า “ ไม่มีใครทำได้ แม้แต่ปู่ของข้าก็ไม่อาจจะทำได้”
  “ ทำไมกัน ?”
  “ บางทีอาจจะเพราะความแข็งแกร่ง” ซุนเมิ่งไม่มั่นใจ “ยังไงซะ บรรพชนกระดูกก็แข็งแกร่งกว่าเรามาก”
  “ บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น” จางหยูไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
  สิ่งที่เรียกว่าบัตรหยกนี้อันที่จริงก็ไม่ได้ต่างจากตราสำนักที่จางหยูสร้างขึ้นมาให้ศิษย์และอาจารย์มากนัก ทั้งสองมีการทำงานที่เหมือนกัน
  จางหยูสามารถสร้างตราขึ้นมาได้เพราะเขาเป็นผู้สร้างโลกตันเถียน ด้วยสิทธิ์ในโลกตันเถียนก็ทำให้เขาสร้างรูหนอนขึ้นมาในตราได้
  กุญแจของสุสานสวรรค์เองก็เช่นกัน มันผูกมัดกับสุสานเอาไว้
  “ โกลาหลนภาถูกสร้างขึ้นโดยราชาหลายคน แต่มีแค่บรรพชนกระดูกเท่านั้นที่สามารถสร้างบัตรหยกขึ้นมาได้ “ จางหยูเผยรอยยิ้มออกมา “ น่าสนใจดี ”
  ราชาคนอื่นแข็งแกร่งไม่เพียงพอจริงๆรึ ?
  ตอนที่จางหยูสร้างตราขึ้นมา ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้สูงเลย
  เรื่องนี้อาจจะหลอกซุนซิงและคนอื่นๆได้แต่แน่นอนว่าไม่อาจจะหลอกจางหยูได้
  ไม่ว่าการสร้างบัตรหยกขึ้นมานี้จะเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งรึไม่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัดสินได้คือ….ความเป็นเจ้าของของมัน !
  “ ข้ามีสิทธิ์สูงสุดในโลกตันเถียน ดังนั้นจึงสร้างตรานี้ขึ้นมาได้” จางหยูรู้เรื่องนี้ดี “ที่คนอื่นๆไม่อาจจะสร้างบัตรหยกขึ้นมาได้ ไม่ต้องเดาเลยว่า…เป็นเพราะเขามีสิทธิ์สูงสุดในโกลาหลนภา !”
  เห็นได้ชัดว่าทุกคนร่วมมือกันสร้างโกลาหลนภาขึ้นมา แต่กลายเป็นว่าบรรพชนกระดูกกลับมีสิทธิ์สูงสุดแค่คนเดียว นี่หมายความว่ายังไง?
  “ ไม่ว่าเขาจะมีจิตใจชั่วร้ายหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่มันก็ต้องมีอะไรผิดปกติกับชายแก่ผู้นี้” จางหยูตัดสินใจ
  แน่นอนว่าจนกว่าจะรู้ความจริง จางหยูก็ไม่มั่นใจว่าราชาคนอื่นๆมีความลับอะไรอีกรึไม่  เขาได้แต่ยืนยันว่ามีความลับที่ทุกคนปกปิดเอาไว้
  ไม่ว่าพวกนั้นจะโกหกหรือจงใจปกปิดหรือไม่นั้นก็ต้องค่อยๆตรวจสอบ
  ยังไงซะ จางหยูก็รู้เกี่ยวกับวิหารอวี๋ฮุ่นไม่มากนักรวมถึงราชาคนอื่นๆด้วย
  หากเขามีข้อมูลเพียงพอ เขาอาจจะเดาความจริงออก
  “ จริงสิ ก่อนหน้านี้จากที่เจ้าบอกมา ทักษะระดับสูงนั้นมีแค่เจ้า, ปู่เจ้าและบรรพชนกระดูกเท่านั้นที่ได้มันมา แล้วคนอื่นๆล่ะ ? พวกเขาไม่เคยเข้าไปในสุสานสวรรค์มาก่อนรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
  ตอนนั้นจางหยูรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่รับไป่หลิงเป็นศิษย์ ไม่งั้นแล้วข้อมูลนี้เขาอาจจะต้องลำบากก่อนถึงจะได้รู้
  ตอนนี้หากเขาอยากรู้อะไรก็แค่ถามจากซุนเมิ่ง
  “ มีคนจำนวนมากที่เข้าไปในสุสานแม้แต่ในหมู่ราชาก็มีหลายคน “ ซุนเมิ่งเงียบไปสักพักแล้วถอนหายใจออกมาหรือ “น่าเสียดายที่คนส่วนมากที่เข้าไปนั้น หากไม่ตายก็โดนควบคุมให้กลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน ตามบันทึกของวิหารแล้ว ตั้งแต่ที่วิหารก่อตั้งขึ้นมาก็มีราชากว่า 20 คนที่ได้เข้าไปในสุสาน แต่สุดท้ายคนที่ออกมาได้นั้นมีแค่ 3 คน สองคนในนั้นออกมาได้ไม่นานก็ตาย ปู่ข้าคือหนึ่งคนที่รอดมาได้”
  นี่แค่ข้อมูลหลังการสร้างวิหารขึ้นมา ก่อนที่วิหารจะก่อตั้งขึ้นมาคงมีราชาหลายคนเข้าไปในสุสานมาแล้ว
  “ งั้นจะบอกว่ามีราชาแค่สองคนที่เข้าไปในสุสานแล้วรอดมาได้รึ ?” จางหยูแสดงสีหน้าหนักใจออกมา เขาเริ่มหวั่นใจ “บรรพชนกระดูกกับปู่ของเจ้ารึ ?”
  ซุนเมิ่งพยักหน้า “ก็เหมือนกับราชาตะวันออก ในหมู่ผู้คนมากมายนั้นราชาตะวันออกนับว่าโชคดี แม้ว่าสุดท้ายจะตายไปแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้กลายเป็นหุ่นเชิดของสุสาน และยังมีอีกคนที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับราชาตะวันออก คนผู้นั้นชื่อว่าไท่ซวน ส่วนราชาที่เหลือนั้นหลังจากที่เข้าไปในสุสานก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย ผลลัพธ์คงพอจะเดาออก ”
  พูดไปแล้วซุนเมิ่งก็เศร้าขึ้นมา “ หากข้าไม่ได้เข้าไปในสุสานแต่แรกและได้ทักษะมา บางทีจุดจบของข้าก็อาจจะเหมือนกับคนอื่นๆ ”
  นางไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ตายรึกลายเป็นหุ่นเชิด นางได้เข้าไปในสุสานตอนที่นางขึ้นมาถึงระดับ 10 เท่า คนพวกนั้นอยู่ระดับหมื่นเท่าก่อนแล้วค่อยเข้าไปในสุสาน
  ยิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ อันตรายที่พบในสุสานก็จะมากขึ้นเท่านั้น
  “ ราชาพวกนั้นเราได้เชิญพวกเขาแล้วรวมถึงราชาตะวันออกด้วย…” ซุนเมิ่งถอนหายใจออกมา “ โชคร้ายที่หลายคนได้ปฏิเสธคำเชิญชวนของวิหาร พวกเขามั่นใจในตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรอดกลับมาได้ ”
  การได้ขึ้นเป็นราชามีใครบ้างที่จะไม่หยิ่งทะนง ?
  พวกเขาคือราชาแห่งยุค พวกเขาคือเกียรติยศแห่งยุคเลยก็ว่าได้ !
  คนแบบนั้นจะไม่มั่นใจตัวเองได้ยังไง ?
  หากไม่มีความมั่นใจ พวกเขาคงมาถึงระดับนี้ไม่ได้ !
  แต่ความมั่นใจและความแข็งแกร่งนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าสุสานแล้วก็ดูเหมือนจะไม่มีค่าอะไร….
  พวกเขาไม่อาจจะพิชิตสุสานได้ และยังได้กลายเป็นหุ่นเชิดพร้อมกับเสียสติไป
  บรรพชนกระดูกและซุนซิงหนีออกมาจากสุสานและอยู่มาถึงตอนนี้ได้ นอกจากความสามารถที่โดดเด่นแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะโชคด้วย หากต้องเข้าไปด้านในอีกครั้ง พวกเขาคงไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้อีกหรือไม่
  “ ราชามากกว่า 20 คน…” จางหยูส่ายหน้า “ สุสานแห่งนี้น่ากลัวจริงๆ !”   แม้ว่าเขาจะเข้าไปในสุสานมาแล้วแต่ชัดแล้วว่าเขายังไม่เจอตัวตนที่น่ากลัวที่สุดของสุสาน นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกราชาที่เป็นหุ่นเชิดและจิตลึกลับเลย พวกระดับพันเท่ารึร้อยเท่าจางหยูก็ยังไม่ได้เจอ เขาเจอแค่อัลเวอร์ที่อยู่ระดับ 10 เท่าซึ่งเป็นพวกที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ผู้ควบคุมขั้นที่ 9
  โชคดีที่เขาเจอกับอัลเวอร์มาก่อน หากเขาเจอกับราชาเข้า เขาอาจจะหนีออกจากสุสานไม่ได้
  “ ถึงแล้ว ” ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาที่เขตนอกของโลกอวี๋ฮุ่น
  “ ท่านพี่ ” ซุนวูโล่งอกทันทีที่เห็นซุนเมิ่ง
  ฟู่เฉิง, และคนอื่นๆต่างก็ก้าวออกมาทำความเคารพเขา “ ท่านซุนเมิ่ง !”
  หงอีเองก็ทำความเคารพซุนเมิ่งและตะโกนออกมา “ ท่านซุนเมิ่ง ” ก่อนจะรีบมองไปที่จางหยูแล้วถามขึ้น “ จางหยู ท่านเป็นอะไรรึไม่ ?”   ซุนเมิ่งพูดขึ้น “ ข้าพูดคุยกับอาจารย์ในเรื่องที่ควร ไม่ได้ทำอันตรายอะไร แล้วเขาจะเป็นอะไรไปได้ยังไง ?”
  “ ข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่เห็นหงอี จางหยูก็ได้บอกกับซุนเมิ่ง “ เจ้าจับตาดูสถานการณ์ต่อ หากมีอะไรเกิดขึ้นก็แจ้งข้าด้วย”
  หลังจากนั้นจางหยูก็มองไปรอบๆแล้วพูดขึ้น “ แล้วพบกันใหม่ ”
  ทันทีที่พูดจบ จางหยูก็หายตัวไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก