ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1830

ครืนนน…
  เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับโกลาหลนภาที่ถล่มลงไป ร่างของไห่อู่เซิงค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
  ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่เหนือกว่านี้ ไห่อู่เซิงไม่อาจจะดิ้นรนได้เลย ร่างกาย, จิตผู้สร้าง, วิญญาณรวมถึงจิตต่างก็โดนกำจัด
  ด้วยการตายของไห่อู่เซิง การล่มสลายของโกลาหลนภาก็ชัดเจนขึ้นตามมาด้วยคลื่นพลังในร่างจางหยูที่ระเบิดออกมา
  หลังจากนั้นร่างของจางหยูก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เขตหวงห้าม เขาอยู่ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างโกลาหลนภากับโกลาหล
  ในโกลาหล ปราณสุสานยังคงลอยล่องไปเรื่อยๆก่อนจะกระจายและหายไปอย่างรวดเร็ว
  ไม่นานโกลาหลก็กลับคืนสู่ความสงบ ตัวตนของปราณสุสานไม่มีเหลืออยู่ราวกับว่ามันไม่เคยมีมาก่อน
  สุสานของผู้ควบคุมนับไม่ถ้วนได้กลายเป็นโลก โลกที่ไม่มีปราณสุสานอยู่ มันทำให้โลกยกระดับขึ้นมา
  ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง, ซุนวู, เสี่ยวเสียและต้นไม้โกลาหลต่างก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของโกลาหล พวกเขารับรู้ถึงปราณสุสานที่หายไป
  “ ไห่อู่เซิงตายแล้วรึ ?” ซุนเหยียนถามขึ้นมาพร้อมสีหน้าที่ดูโล่งอก
  ซุนวูเงยหน้าขึ้น เขาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ ท่านปู่ ท่านเห็นรึไม่ ? ไห่อู่เซิงตายแล้ว !”
  ซุนเมิ่งเองก็สะอื้นด้วยความยินดี
  …
  ที่เขตหวงห้าม
  เสี่ยวเสียมองไปที่ต้นไม้โกลาหล “ เจ้ารู้สึกรึไม่ ?”   ต้นไม้โกลาหลแผ่ตัวออกมาครอบคลุมไปทั่วทั้งเขตหวงห้าม ลำต้นของมันดูหนาขึ้นมา มันได้พูดขึ้น “ ข้ารู้สึกได้! สุสานสวรรค์โดนทำลายแล้ว จิตสุสานหายไป ทั้งโกลาหลกำลังฟื้นฟู !”
  เหตุการณ์แบบนี้บอกเนี่ยเวิ่นได้ว่าไห่อู่เซิงได้ตายไปแล้ว !
  ต้นกำเนิดของปราณสุสานได้ถูกลบออกไปแล้ว !
  “ นายท่าน ท่านฆ่าไห่อู่เซิงจริงๆรึ ?” เสี่ยวเสียมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
  “ เจ้าว่ายังไงนะ ?” จางหยูมองไปที่เสี่ยวเสีย
  จางหยูส่ายหน้าและโบกมือให้กับต้นไม้โกลาหล “ ภัยได้ถูกลบไปแล้ว ข้าควรจะกลับไปได้แล้ว หากเจ้ามีคำถามอะไร เจ้าให้เนี่ยเวิ่นมาหาข้าที่สำนักคังเฉียงได้”
  ทันทีที่พูดจบ จางหยูก็ได้กำคอเสี่ยวเสียแล้วหายไปภายใต้การดิ้นรนของเสี่ยวเสีย  …
  ที่โลกป่า
  ตอนที่จางหยูกลับมาพร้อมกับเสี่ยวเสีย ทุกคนต่างก็รอเขาอยู่ที่สำนักคังเฉียงแล้ว
  “ เจ้าสำนัก”
  “ อาจารย์ ”
  ทุกคนพากันแห่เข้ามาหาจางหยู
  จางเฮ่าหลันอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ ไห่อู่เซิงยังมีชีวิตอยู่รึไม่ ?”
  เมื่อเผชิญหน้ากับสายตากังวลของทุกคน จางหยูก็พยักหน้า “ ไห่อู่เซิงตายแล้ว สุสานสวรรค์โดนทำลายโดยสมบูรณ์แล้ว จากนี้ไปเราไม่ต้องกังวลภัยจากไห่อู่เซิงอีก”
  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็โห่ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น แรงกดดันในใจพวกเขาได้หายไปสักที
  “ นายท่าน วางข้าลงก่อน” เสี่ยวเสียในมือจางหยูดิ้นไปมา  จางหยูวางเสี่ยวเสียลงก่อนจะหันไปบอกกับทุกคน “ ภัยจากไห่อู่เซิงหายไป แต่ภัยจากภายนอกโกลาหลยังคงอยู่”
  ทุกคนมองจางหยูด้วยสีหน้าสับสน
  “ พวกเจ้ารู้รึไม่ว่าจ้าวโกลาหลตายได้ยังไง ?” จางหยูไม่รอให้ทุกคนตอบกลับ เขาได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ จ้าวโกลาหลโดนผึ้งต่อยตาย”
  ตอนนั้นทุกคนต่างก็พากันฮือฮาขึ้นมา
  “ ด้านนอกโกลาหลแห่งนี้ลึกลับอย่างมาก มันมีอันตรายอยู่มากมายซึ่งน่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่าไห่อู่เซิง นี่ไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้าเลย แม้แต่จ้าวโกลาหลก็ยังตกอยู่ในภัยที่อันตรายถึงชีวิต” จางหยูพูดขึ้น “ ผึ้ง, แมลงวันรึยุงก็อาจจะปลิดชีวิตพวกเจ้าได้ ดังนั้นพวกเจ้าไม่ควรเกียจคร้าน พวกเจ้าจงรีบยกระดับตัวเองขึ้นมาให้เร็วที่สุด ไม่งั้นแล้วหากพวกเจ้าพบตัวตนที่อันตรายเหล่านั้น ข้าก็ยากจะช่วยพวกเจ้าได้ มีแค่การพึ่งความแข็งแกร่งของตัวเองที่จะต้านทานอันตรายเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง”
  “ แม้แต่ผึ้งก็ยังต่อยจ้าวโกลาหลตายได้รึ ?” ทุกคนต่างก็ขนลุก
  มันฟังดูน่ากลัว
  ซุนเหยียนได้เดินไปหาจางหยู “เจ้าสำนัก ทำไมต้องหลอกพวกเขาด้วย ?”
  จ้าวโกลาหลโดนผึ้งต่อยตายจริงๆแต่มันไม่ได้อยู่ในโกลาหล มันอยู่ในทะเลโกลาหลต่างหาก
  เท่าที่ซุนเหยียนรู้มา มันไม่มีสิ่งมีชีวิตที่อันตรายแบบนั้นอยู่ในโกลาหล
  “ หากพวกเขาไม่กดดัน พวกเขาจะขยันบ่มเพาะรึ?” จางหยูไม่ได้รู้สึกว่าคำพูดของตนนั้นผิด “ ยังไงซะพวกเขาก็ยังอ่อนแอเกินไป”
  ตอนนี้จางหยูได้ก้าวขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลแล้ว ซุนเหยียน, เสี่ยวเสีย, ซุนเมิ่งและซุนวูได้ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลและขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่คนอื่นๆยังอยู่ขั้นที่ 9 กันอยู่เลย จางหยูหวังว่าจะใช้แรงกดดันนี้เพื่อให้พวกเขาขึ้นเป็นราชาให้ได้หรืออาจจะขึ้นไปเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด
  หากวันหนึ่งศิษย์และอาจารย์เหล่านี้ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ งั้นมันจะเป็นฉากแบบไหนกัน ?
  ผ่านไปสักพักจางหยูก็ได้สั่งให้ทุกคนแยกย้าย เหลือไว้แค่ซุนเมิ่ง
  “ ของคุณอาจารย์ที่แก้แค้นให้กับเราสองพี่น้อง” ซุนเมิ่งพูดขึ้น
  จางหยูโบกมือและพูดขึ้น “ น้องของเจ้าขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว ตอนนี้เป็นตาของเจ้าแล้ว”
  ซุนเมิ่งตาเป็นประกายขึ้นมา “ ถึงเวลาแล้วรึ ?”
  “ มากับข้า” จางหยูสร้างรูหนอนขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไป
  ซุนเมิ่งรีบตามไปโดยไม่ลังเล
  “ นี่มัน….” เมื่อเข้ามาในโลกผังหลงซุนเมิ่งก็จำได้ทันที “ โลกผังหลงได้ขึ้นเป็นโลกขั้นที่ 9 แล้ว !”
  จางหยูพยักหน้า “ ไม่ใช่แค่นั้น เจ้าลองตรวจสอบด้านนอกโลกผังหลงดูสิ”
  เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนเมิ่งก็แผ่การรับรู้ออกไปและก็ต้องอึ้ง “ โกลาหล ! มันคือโกลาหลกำเนิดใหม่ !”
  “ ข้าเรียกมันว่าบรรพกาล” จางหยูบอกกับซุนเมิ่ง “ ต่อไปข้าจะสร้างร่างบรรพกาลให้กับเจ้า ตราบใดที่เจ้ารวมร่างกับมัน เจ้าจะขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล เจ้าจะเปลี่ยนเป็นจ้าวบรรพกาล”
  ซุนเมิ่งไม่เข้าใจนักแต่นางเชื่อใจจางหยูอย่างมาก เมื่อจางหยูพูดเช่นนี้นางก็จะทำตามที่จางหยูบอกมา
  ต่อมานางก็เห็นว่าจางหยูได้สร้างร่างแยกที่เหมือนกับวิธีที่นางสอนกับหยวนฉิง และสุดท้ายหยวนฉิงก็ส่งต่อมันให้กับจางหยู
  โชคชะตาช่างวิเศษจริงๆ นางไม่คิดเลยว่าทักษะสร้างร่างเทียมของตนจะถูกใช้โดยจางหยู เพื่อสร้างร่างบรรพกาลให้กับตัวเอง
  “ เอาล่ะ ” จางหยูหยุดมือ ตรงหน้าเขาคือร่างบรรพกาลที่หน้าตาเหมือนกับซุนเมิ่ง แม้แต่ผมก็ยังเหมือนกัน “ ลองรวมร่างกับมันดู ”
  ซุนเมิ่งพยักหน้าก่อนจะดึงจิตและวิญญาณออกมาจากร่างเดิมและเข้าไปในร่างบรรพกาล
  ในพริบตาจ้าวบรรพกาลคนใหม่ก็กำเนิดขึ้นมา !
  ในเวลาเดียวกันจางหยูก็รับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในระดับจ้าวโกลาหล
  พูดตามตรงแล้วจางหยูไม่ใช่จ้าวโกลาหล แต่เป็นกึ่งจ้าวโกลาหลที่มีพลังของจ้าวโกลาหล
  ซุนเมิ่งปรับตัวกับร่างใหม่ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา นางรู้สึกทึ่งอย่างมาก “ นี่คือกึ่งจ้าวโกลาหลรึ ? ข้าเหมือนจะควบคุมบรรพกาลของทั้งโลกผังหลงได้ ”
  “ จากนี้เจ้าจะกลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล โลกผังหลงคืออาณาเขตของเจ้า ” จางหยูพูดขึ้น “ ในโลกนี้เจ้าคือพระเจ้า หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าแล้ว มันก็ไม่มีใครเข้ามาในบรรพกาลแห่งนี้ได้รึไม่มีใครออกไปได้ ยกเว้นแต่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นจ้าวโกลาหล”
  หลังจากนั้นสักพักจางหยูก็พูดขึ้นต่อ “ นอกจากนี้แล้วเจ้าก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้บรรพกาลขยายตัวออกไป ยิ่งบรรพกาลขยายตัวไปเท่าไหร่และเติบโตเร็วเท่าไหร่ เจ้าก็จะแกร่งขึ้นเท่านั้น จิตของเจ้าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง มันอาจจะไปถึงระดับจำกัดจนเจ้าขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลจริงๆได้”
  ไม่ว่าจะเป็นบรรพกาลของที่ไหนมันก็ไม่ใช่โกลาหล มันคือบรรพกาลเท่านั้น
  มีแค่การทำให้บรรพกาลเติบโตไปถึงระดับหนึ่ง มันถึงจะถูกเรียกได้ว่าเป็นบรรพกาลที่แท้จริง
  “ ขอบคุณอาจารย์ !” ซุนเมิ่งซึ้งใจอย่างมาก
  “ จำไว้ว่าเจ้าต้องดูแลต้นไม้บรรพกาลให้ดี” จางหยูชี้ไปที่ต้นไม้ที่เพิ่งเกิดใหม่ในโลกผังหลง “ มันสามารถเร่งความเร็วในการเติบโตของบรรพกาลได้ บทบาทของมันชัดเจน หากเกิดอะไรกับมัน มันจะเป็นปัญหา” จางหยูยังหาวิธีสร้างต้นไม้บรรพกาลขึ้นมาไม่ได้ เขาได้แต่ให้บรรพกาลให้กำเนิดต้นไม้บรรพกาลขึ้นมา เมื่อต้นไม้บรรพกาลถูกทำลาย จางหยูก็ไม่รู้ว่าจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้รึไม่ แม้ว่าจะทำได้แต่ก็เกรงว่าจะต้องใช้ทรัพยากรไปมหาศาล
  เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซุนเมิ่งก็พยักหน้าทันที “ ข้าจะจำไว้ ”
  หลังจากที่เตือนเสร็จจางหยูก็ได้ให้ซุนเมิ่งปรับตัวกับบรรพกาลของโลกผังหลง จากนั้นเขาก็ได้จากไป
  ….
  โลกนภา  ผ่านไปสามหมื่นปีโลกนภายังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงราวกับถูกหยุดเวลาไว้ให้เหมือนเมื่อสามหมื่นปีก่อน
  โลกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหยวนฉิง มันไม่มีกฎสวรรค์ที่นี่ แต่ก็มีกฎที่คอยดูแลโลกนี้อยู่ แม้จะผ่านไปสามหมื่นปีแต่มันก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพัฒนา ด้วยความแข็งแกร่งของจางหยูที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โลกนี้ก็หมดบทบาทของมัน มันราวกับแหวนมิติที่คอยเก็บของมีค่าให้กับจางหยู
  ทั้งโลกนภาโดนลดค่าเป็นแค่แหวนมิติ
  แต่ตอนที่จางหยูว่าง เขาก็ยังอยากมาที่นี่ เขาอยากชมวิวที่คุ้นตาและหาความสงบทางจิตใจ
  “ มันคงอีกไม่นานก่อนที่บรรพกาลอื่นๆจะกำเนิดขึ้นมา” การพัฒนาของโลกตันเถียนทำให้จางหยูพอใจอย่างมาก แต่ศิษย์และอาจารย์นั้นกลับทำให้เขาผิดหวัง “ เพื่อสร้างกึ่งจ้าวโกลาหล เราต้องหาขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ยังไงซะคนอย่างซุนเมิ่งและซุนวูนั้นก็เป็นตัวตนพิเศษ ในโกลาหลไม่อาจจะหาคนแบบนี้คนที่สามได้”
  เขายอมแพ้ในการสร้างกึ่งจ้าวโกลาหลไปก่อนและอดคิดถึงนอกโกลาหลไม่ได้ “ นอกโกลาหลนี้เป็นยังไง ?”
  จากตอนที่ขึ้นเป็นจ้าวโกลาหล จิตของเขาก็ยกระดับขึ้นมา มันทะลวงผ่านโกลาหลแห่งนี้ไป เขาสามารถรับรู้สถานการณ์ภายนอกโกลาหลได้ มันคือโกลาหลนับไม่ถ้วน โกลาหลนับไม่ถ้วนรวมกันและก่อตัวเป็นทะเล โกลาหลแห่งนี้เป็นเพียงน้ำหยดหนึ่งเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก