ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1832

ซุนเหยียนและคนอื่นๆรวมไปถึงจางหยูต่างก็พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลด้วยเหตุบังเอิญ แม้แต่ไห่อู่เซิงเองก็ด้วย ความสำเร็จของพวกเขาไม่อาจจะเลียนแบบได้
  สุดท้ายจางหยูก็ยอมแพ้ เขาได้แต่ต้องให้พวกศิษย์และอาจารย์ทะลวงผ่านกันเอง เขาไม่อาจจะช่วยอะไรได้
  บางทีสิ่งเดียวที่เขาทำได้ก็แค่เปิดการบรรยายพวกนี้เพื่อปลุกความสามารถพวกนี้ออกมาอย่างเต็มที่
  จางหยูส่ายหน้าและมองไปที่ต้นไม้โกลาหลก่อนจะถามขึ้น “โกลาหลเป็นยังไงบ้าง ? ไม่มีวี่แววของการทำลายล้างสินะ ?”
  ต้นไม้โกลาหลตอบกลับ “ เมื่อท่านจัดการกับไห่อู่เซิงแล้ว ปราณสุสานก็ถูกลบไป โกลาหลไม่มีปราณสุสานอีก ไห่อู่เซิงคือต้นกำเนิดของปราณสุสาน เมื่อเขาถูกกำจัดไป เป็นธรรมดาที่ปราณสุสานไม่อาจจะกำเนิดขึ้นมาได้”
  “ ดี ” จางหยูพยักหน้าและมองไปที่โกลาหลภายนอก
  หลังจากนั้นสักพักทุกคนก็แยกย้ายกันออกไป
  จางหยูหันไปสนใจศิษย์และอาจารย์ในโลกตันเถียน
  ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มีบรรพกาลกำเนิดขึ้นมาหลายสิบแห่งแล้ว นอกจากโลกบรรพกาล,โลกผนึกเทพ,โลกการผันแปรของดวงดาวและโลกผังหลงแล้ว โลกบังสวรรค์,โลกสมบูรณ์,โลกกลืนดวงดาว,โลกทะยานฟ้าต่างก็มีบรรพกาลกำเนิดขึ้นมา
  มันมีบรรพกาลกำเนิดขึ้นมาเรื่อยๆซึ่งทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปด้วย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทะลวงผ่านขอบเขต แต่หากเทียบกับตอนที่เพิ่งขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหลแล้วเขาแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
  จิตผู้สร้างของเขาใกล้เคียงกับจิตผู้สร้างในโลกตันเถียนแล้ว
  ช่องว่างระหว่างจิตทั้งสองน้อยลงเรื่อยๆ แม้ว่ามันจะมีความต่างชั้นอยู่แต่อีกไม่นานก็จะทัดเทียมกัน
  ยิ่งมีโลกกำเนิดขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งแต่ละโลกเชื่อมต่อกันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเพิ่มความเร็วในการเติบโตของโลกเหล่านั้นมากเท่านั้น
  ตอนนี้โลกมีมากกว่าแสนใบ จำนวนสิ่งมีชีวิตก็เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อ มันถึงกับมากกว่าผู้คนในโกลาหล แม้ว่าโกลาหลจะพัฒนาตัวเองมานานแต่เพราะการตายของผู้ควบคุมกับกุยหยวนในแต่ละยุค และผลจากการทำลายล้าง ทำให้จำนวนประชากรมีแนวโน้มลดลงอย่างมาก เกรงว่าแม้โกลาหลจะมีพื้นที่ใหญ่กว่าโลกตันเถียนเป็นพันเท่ารึหมื่นเท่า แต่พวกกุยหยวนและผู้ควบคุมนั้นถือว่ามีน้อยอย่างมาก
  จนถึงวันนี้โลกตันเถียนไม่ได้พึ่งการช่วยเหลือจากโกลาหลในการเติบโต ด้วยโลกจำนวนมากภายใน รวมถึงการแลกเปลี่ยนกันระหว่างแต่ละโลก มันก็เป็นการเร่งความเร็วในการเติบโตของโลกเหล่านี้ได้
  บางทีตอนที่จำนวนของโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว มันคงไม่ต้องพึ่งโกลาหลอีกต่อไป
  เวลาผ่านไปช้าๆ ในทุกๆวันจางหยูจะทำการเล่าเรื่องให้ศิษย์ฟัง บางเรื่องนั้นเขาได้ยินมาจากโลกเก่า บางเรื่องเขาได้ยินมาจากโกลาหล บางเรื่องเขาก็แต่งขึ้นมาเพื่อสร้างโลกใหม่ขึ้นและทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
  ในพริบตาก็ผ่านไปกว่าพันปี โลกที่กำเนิดขึ้นมาด้านในนั้นมีมากกว่า 360,000 ใบ
  จำนวนของมันใกล้จะถึงครึ่งล้าน !
  ด้วยโลกจำนวนมากแบบนี้โลกตันเถียนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโกลาหล มันสามารถเร่งความเร็วในการเติบโตให้กับตัวเองได้
  จำนวนบรรพกาลเพิ่มขึ้นมาถึง 300 โดยไม่รู้ตัว จำนวนของมันยังเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
  ในพันปีนี้ จางหยูได้เปิดการบรรยายไปกว่าสิบครั้งในทุกๆ 100 ปี ในทุกการสอนนั้นศิษย์และอาจารย์ต่างก็ได้ประโยชน์อย่างมาก ความเข้าใจของพวกเขาชัดเจนขึ้น แม้ว่ายังไม่อาจจะทะลวงผ่านได้และไม่อาจขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ อีกทั้งความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน แต่การรับรู้นี้ทำให้พวกเขารู้สึกก้าวหน้าจริงๆ
  จางหยูไม่ได้รีบร้อน เมื่อพันปีไม่อาจจะทำได้ งั้นก็รอสักหมื่นปี หากหมื่นปีไม่อาจจะทำได้ งั้นก็รอสักแสนปี
  เขาเชื่อว่าสักวันทุกคนจะทะลวงผ่านขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้
  ในพริบตาก็ผ่านไปอีกพันปี
  ตอนนี้มีโลกมากกว่า 8 แสนใบแล้ว จำนวนบรรพกาลมีกว่าพันแห่ง ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้นมาหลายเท่า แม้แต่ในหมู่จ้าวโกลาหลก็ยังต้องเคารพเขา
  ศิษย์และอาจารย์ยังไม่อาจทะลวงขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ราวกับเจอกับทางตัน
  โชคดีที่คนส่วนมากเคยรับรู้ความรู้สึกนี้มาแล้ว หลายคนอยู่ในระดับร้อยเท่ามาหลายปี ตอนนี้พวกเขาติดอยู่ที่ระดับนี้แค่สองพันปีเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ลนลาน นี่ไม่ต้องพูดถึงสองพันปีเลย แม้ว่าจะนานกว่านี้เป็นสิบเท่าแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ การรับรู้ของพวกเขาชัดเจนขึ้นและก้าวหน้าขึ้น แม้ว่าจะไม่มากแต่พวกเขาก็ยังรับรู้ถึงความก้าวหน้าได้
  ตอนที่ผ่านไปสามพันปี โลกก็เพิ่มขึ้นเป็น 1.15 ล้านใบ จางหยูได้เปิดการบรรยายไปหลายสิบครั้งแต่สำนักคังเฉียงก็ยังไม่ให้กำเนิดขอบเขตการสร้างไร้จำกัดขึ้นมาเลยสักคน
  ศิษย์และอาจารย์ไม่ได้ร้อนใจ แต่เป็นจางหยูที่ร้อนใจขึ้นมาแทน
  ต้องรู้ก่อนว่าจางหยูได้เปิดบรรยายมาหลายสิบครั้งแล้ว พลังของมันเหนือกว่าการบ่มเพาะด้วยตัวเอง ในอีกความหมายคือการบรรยายตลอดสามพันปีนี้ อันที่จริงทัดเทียมกับการบ่มเพาะมาหลายยุคสำหรับศิษย์และอาจารย์
  เมื่อไม่มีใครขึ้นมาขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้ จางหยูก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
  จนกระทั่งอีกพันปีต่อมา โลกในตันเถียนก็มีกว่า 1.5 ล้านใบ จำนวนบรรพกาลมีถึงหมื่นแห่ง สุดท้ายจางหยูก็เผยรอยยิ้มออกมา ความแข็งแกร่งของเขายังเพิ่มขึ้นอีกซึ่งทำให้เขาพอใจ นอกจากนี้ร่างแยกของเขาก็ได้ขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้สำเร็จ !
  จางลู่ได้ขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัด!
  ความสำเร็จของจางลู่ ทำให้จางหยูมองเห็นความหวัง
  เมื่อจางลู่ทะลวงผ่านขึ้นมาได้ งั้นร่างแยกอื่นๆก็ไม่น่าจะพบปัญหาอันใด ศิษย์และอาจารย์เองก็น่าจะขึ้นเป็นขอบเขตการสร้างไร้จำกัดได้
  จางหยูเคยจินตนาการถึงภาพร่างแยกบ่มเพาะทั้งแปดแสนร่างรวมถึงศิษย์และอาจารย์ต่างก็ขึ้นเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล สุดท้ายมันก็เริ่มเป็นจริงสักที !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก