ซื่อเซียวเริ่มสงสัยตัวเอง แต่ไม่นานเขาก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป
หากเป็นเรื่องอื่นคงไม่ใช่ปัญหาอะไรแต่เรื่องนี้เขาไม่อาจจะลืมได้ เขาจะลืมได้ยังไงในเมื่อมันเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ ?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของคนอื่น !
เขาสงสัยว่าอาจจะเป็นฝีมือของจักรพรรดิคนที่เหลือและป้ายความผิดมาให้เขา
แต่เขาก็สลัดข้อสงสัยนี้ไปทันทีเพราะมันไม่ได้ส่งผลดีต่อจักรพรรดิคนอื่นๆเลย
แม้ว่าจักพรรดิเผ่าชีวิตทั้งสี่คนจะไม่ได้สนิทสนมกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอยู่ฝั่งเดียวกัน ตำแหน่งก็ทัดเทียมกัน การป้ายความผิดให้กับเขานั้นมีแต่จะส่งผลเสีย
รึว่ามีคนทรยศเลือกที่จะเข้าข้างเผ่าสวรรค์ ?
เมื่อคิดแบบนั้นเขาก็ตัดความคิดนี้ทิ้งไปอีก ในฐานะจักรพรรดิเผ่าชีวิตแล้ว เขารู้ว่าผลกระทบจากการหักหลังนั้นมันหนักหนาแค่ไหน
เขาไม่คิดว่าคนอื่นๆจะโง่
“ งั้นใครที่เป็นคนทำ ? ” ซื่อเซียวเริ่มสับสน
ตอนนั้นเองเทียนตู้ก็ได้พูดขึ้นมา “ หลักฐานชัดเจนเช่นนี้ ซื่อเซียว เจ้ามีอะไรจะพูดอีกรึไม่ ?”
“ ไม่ว่าจะเชื่อรึไม่ แต่ข้าขอยืนยันว่าข้าไม่ได้ทำ” ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นมา
“ จนถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมาเล่นลิ้นอยู่อีกรึ ? มันสนุกรึไง ?” ฉิวหวังแสดงท่าทีเย็นชาออกมา “ อย่าทำให้ข้าดูถูกเจ้าไปมากกว่านี้เลย !”
เทียนตู้พูดขึ้น “จักรพรรดิเผ่าชีวิตเป็นพวกกล้าทำแต่ไม่กล้ารับรึ?”
ประโยคนี้ทำให้จักรพรรดิเผ่าชีวิตทั้งหลายพากันขมวดคิ้ว
“ ไม่ทำก็คือไม่ทำ ” ซื่อเซียวมั่นใจอย่างมาก “ ข้าชดเชยการสูญเสียคนเผ่าสวรรค์ให้กับเจ้าได้ แต่เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่มีวันรับ ”
ท่าทีของซื่อเซียวทำให้จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ทั้งห้าไม่พอใจอย่างมาก ยังไงซะ ซื่อเซียวก็ทำผิดกฎ เขาฝ่าฝืนข้อตกลงระหว่างเผ่าชีวิตและเผ่าสวรรค์ ตามข้อตกลงเดิมแล้วซื่อเซียวต้องโดนลงโทษ
“ ก็ได้ ถ้าจะพูดเช่นนี้ล่ะก็ ข้าจะไปยังเขตซื่อเซียวแล้วเข่นฆ่าทหารของฝ่ายเจ้า จากนั้นข้าก็จะไม่ยอมรับความผิดนี้” ฉิวหวังแสยะยิ้มอย่างเกรี้ยวกราด “ก็แค่เปลี่ยนหน้าเฉยๆไม่ใช่หรือ? ข้าก็ทำได้เช่นกัน”
อู่หมิงขมวดคิ้ว แม้ว่าฉิวหวังจะพูดจาไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ซื่อเซียวก็เป็นฝ่ายผิด ซื่อเซียวเป็นฝ่ายผิดก็เท่ากับว่าเผ่าชีวิตเป็นฝ่ายผิดด้วยเช่นกัน
“ รึไม่…เจ้าก็ยอมรับมันซะ” อู่หมิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะบอกกับซื่อเซียว “ ฉิวหวังคงไม่ยอม ข้าเกรงว่ามันอาจจะกลายเป็นสงครามจริงๆก็ได้”
แม้ว่าเผ่าสวรรค์และเผ่าชีวิตจะก่อสงครามกันบ่อยๆ แต่มันก็เป็นสงครามขนาดเล็ก หากเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ผลกระทบนั้นพวกเขาไม่อาจจะรับไหว
เทียนตู้มองไปที่ซื่อเซียวก่อนจะมองไปที่ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ ข้าแค่อยากรู้ความคิดของพวกเจ้า ! พวกเจ้าคิดว่าซื่อเซียวควรได้รับการลงโทษรึไม่ ?”
จักรพรรดิเผ่าสวรรค์คนที่เหลือต่างก็มองไปยังตงหยางกับคนอื่นๆ
เวลานี้จักรพรรดิเผ่าชีวิตต่างก็พากันรู้สึกกดดันอย่างมาก
“ ช้าก่อน !” ตงหยางกับคนอื่นๆยังไม่ทันได้เปิดปากพูด ซื่อเซียวก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นว่า “ ให้เวลาข้า 1 ปี ข้ารับปากว่าจะหาคำตอบที่พวกเจ้าพอใจมาให้ ! หากข้าทำไม่ได้ ข้ายอมรับการลงโทษ !”
นี่ก็เพื่อประนีประนอมกับฉิวหวัง
เมื่อเห็นว่าซื่อเซียวยอมอ่อนข้อ จักรพรรดิทุกคนต่างก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ไม่มีใครอยากก่อสงครามขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนเผ่าสวรรค์หรือเผ่าชีวิต ไม่งั้นแล้วก็ต้องมีการสูญเสีย
“ ปีหนึ่ง ? ได้ ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 ปี หวังว่าเจ้าจะให้คำตอบที่ข้าพอใจได้ !”
ฉิวหวังไม่กล้ากดดันซื่อเซียวมากไป เขาควรให้เกียรติอีกฝ่ายบ้าง
“ งั้นข้าขอตัวก่อน” ซื่อเซียวไม่สนใจจะอยู่ต่อ เมื่อได้รับการยอมรับจากทุกคนแล้ว ร่างแยกก็ได้สลายไปทันที
ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิงได้พยักหน้าให้กับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ ก่อนจะรีบเดินทางออกมา
วิกฤตครั้งนี้ผ่านพ้นไปชั่วคราว ไม่ว่าซื่อเซียวจะจัดการยังไงก็เป็นเรื่องของซื่อเซียว ตงหยางและคนอื่นๆไม่คิดจะยุ่งด้วย
ที่พวกเขาต้องทำคือต้องมั่นใจว่าซื่อเซียวนั้นยังรอดอยู่
นอกอาณาเขตซื่อเซียว
ซื่อเซียวลุกขึ้นจากม้านั่งและโยนขวดลงไปที่พื้น
“ รังแกกันเกินไปแล้ว !” ซื่อเซียวสีหน้าอึมครึม สายตาของเขาดูน่ากลัวอย่างมาก
เขาเป็นถึงจักรพรรดิของเผ่าชีวิต แล้วจะเคยได้รับความคับข้องใจได้อย่างไร?
สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดคือแม้แต่ตงหยาง, หว่านเกอและอู่หมิงก็ยังไม่เชื่อคำพูดของเขา และตัดสินว่าเขาเป็นคนที่ทำเรื่องนี้
“ ทีมคังเฉียงรึ ? ดี ข้าก็อยากจะรู้เช่นกันว่าเป็นเจ้าสารเลวตัวไหนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ !” ซื่อเซียวหายตัวไปจากจวนทันที
เขาแผ่การรับรู้ออกไปทั่วเขตซื่อเซียวแต่ก็ต้องคิ้วขมวด
เขาค้นหาคนของทีมคังเฉียงแต่กลับไม่พบร่างของหัวหน้าทีมหรือสมาชิกคนอื่นๆเลย
ต่อมาเขาก็เดินทางเข้าไปในเขตซื่อเซียวก่อนจะตรงไปที่เมือง
ภัตตาคารฮุ้ยชุ่ย เป็นภัตตาคารอาหารที่หรูหราที่สุดในเมืองเทียนซิง ที่นี่มักจะมีคนจากตระกูลใหญ่, นิกาย,ทีมทหารรับจ้าง รวมถึงสมาชิกระดับสูงของกองทัพมารวมตัวกัน
ตอนนั้นเองลั่วชาและคนในทีมก็ได้นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง นางดื่มเหล้าอย่างเงียบๆ ส่วนยอดฝีมือระดับผู้บัญชาการทั้งสามคนในทีม กำลังพูดคุยถึงเรื่องการร่วมมือกับทีมคังเฉียงในการฆ่าคนเผ่าสวรรค์ สีหน้าของพวกเขาดูภูมิใจอย่างมาก
ตอนนั้นเองที่นอกหน้าต่างกลับมีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ในเวลาเดียวกันแรงกดดันก็ครอบคลุมไปทั้งตึกทันที นี่คือแรงกดดันจากจักรพรรดิ
ทุกคนในตึกต่างก็พากันตัวสั่น
แม้แต่ลั่วชาก็ยังมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าตะลึง นางรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้น “ จักรพรรดิ ! “
แม้ว่าจะไม่เคยเห็นซื่อเซียวตัวเป็นๆ แต่รูปปั้นของซื่อเซียวก็มีอยู่ทั่วทุกที่ ลั่วชาไม่มีทางจำผิดแน่และแรงกดดันที่ไม่อาจจะต้านทานได้นี้ นอกจากซื่อเซียวแล้วจะมีใครอีกที่มีมันได้
คนที่เหลือต่างก็พากันคุกเข่าลงไปกับพื้น “ จักรพรรดิ !”
ภายใต้แรงกดดันอันน่ากลัวนี้ทุกคนต่างก็พากันกังวลอย่างมาก พวกเขากลั้นหายใจและไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง ราวกับว่าจะกลัวทำให้จักรพรรดิไม่พอใจ
“ ลั่วชา” ซื่อเซียวพูดขึ้น “ เจ้าเคยพบกับทีมคังเฉียงรึไม่ ?” แม้ว่าในใจจะโกรธแค้นทีมคังเฉียง แต่ซื่อเซียวก็ยังต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้
“ ใช่เจ้าค่ะ จักรพรรดิ !” ลั่วชาไม่ลังเลและตอบกลับทันที
“ เจ้ารู้รึไม่ว่าทีมคังเฉียงนั้นมาจากไหน ?” ซื่อเซียวถามขึ้น
“ ขออภัยด้วย ข้าน้อยก็มิทราบ ” ลั่วชารีบตอบกลับ
“ จริงรึว่าทีมคังเฉียงได้โจมตีกองทัพเผ่าสวรรค์ ? ” ซื่อเซียวถามต่อ
“ จริงเจ้าค่ะ !” ลั่วชาตอบกลับตามจริง “ ข้าเห็นทีมคังเฉียงเอาชนะทหารเผ่าสวรรค์และหัวหน้าหน่วยมากมายมาได้ รวมถึงปะทะกับผู้บัญชาการใหญ่ซือหมิงด้วย…”
“ จริงรึไม่ที่หัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นทำให้แม่ทัพเผ่าสวรรค์บาดเจ็บสาหัส! ”
“ นี่…” ลั่วชานิ่งไปชั่วครู่ “ ข้าน้อยไม่รู้ ”
หากซื่อเซียวไม่พูด ลั่วชาคงไม่เชื่อว่าจางหยูจะทำให้แรนเดลบาดเจ็บสาหัส นางคิดว่าจางหยูอาจจะแกร่งกว่าแรนเดลเล็กน้อย แต่ไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งจะต่างกันถึงเพียงนี้
ซื่อเซียวมองลั่วชาอยู่สักพัก ลั่วชารู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นมา จากนั้นซื่อเซียวก็ละสายตากลับมาก่อนที่แรงกดดันนั้นจะหายไป เมื่อแรงกดดันสลายไป นางก็พบว่าซื่อเซียวหายตัวไปแล้ว
เขาไม่หวังจะได้คำตอบจากลั่วชา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ผิดหวัง
จนกระทั่งซื่อเซียวจากไปสักพัก ทุกคนถึงได้สติกันกลับมา
ลั่วชาค่อยๆลุกขึ้นยืน ในใจนางยังคงอึ้ง “ เขาแกร่งจริงๆ !”
คนที่เหลือเองก็ใจสั่นเช่นกัน
“ จักรพรรดิมาถามหาทีมคังเฉียงด้วยตัวเอง !”
“ พระเจ้า หัวหน้าทีมคังเฉียงทำให้แม่ทัพเผ่าสวรรค์บาดเจ็บสาหัสรึ ?”
“ ทีมคังเฉียงนี่มันอะไรกัน ! น่ากลัวจริงๆ !”
“ นั่นคือจักรพรรดิ ! แม้แต่ตอนที่เสียเทียนโด่งดัง จักรพรรดิก็ไม่ได้สนใจเขาไม่ใช่รึ ?”
“ ไร้สาระ เสียเทียนกับจักรพรรดิไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ทำไมจักรพรรดิต้องสนใจเสียเทียนด้วย ?”
ก็แค่ระดับแม่ทัพคนหนึ่งไม่ใช่หรือ
ซื่อเซียวไม่ได้สนใจผลกระทบที่ตนถามหาทีมคังเฉียง ตอนนี้เขาต้องการค้นหาตัวทีมคังเฉียงโดยเร็วที่สุดเพื่อหาว่าใครกันที่ป้ายความผิดใส่เขา
“ เก่อเย่ ” หลังจากที่ออกจากภัตตาคาร ซื่อเซียวก็ได้ไปที่สำนักงานของกองทัพสังเกตการณ์
“ จักรพรรดิ ! ” เก่อเย่ที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนต้องเกรงกลัว ได้คุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคารพ
“ ข้าจะให้เวลาเจ้า 1 ปี ใน 1 ปีนี้เจ้าต้องไปหาว่าทีมคังเฉียงมาจากไหน หากเจ้าทำไม่ได้ คงไม่ต้องถามใช่ไหมว่าข้าจะทำเช่นไร ” ซื่อเซียวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก