หลังจากที่ซุนหยานและซุนวูกลับไปแล้ว จางหยูก็คิดว่าจะเพ่งสมาธิไปกับการเพิ่มพลังให้กับดาบบรรพกาลและเกราะบรรพกาลต่อ แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาหาเขา
“ จักรพรรดิคังเฉียง” ซื่อเซียวยิ้มและทักทายออกมา
หากเทียบกับความเป็นกันเองของซื่อเซียวแล้ว เย่าหยาง, หว่านเก่อและอู่หมิงนั้นดูจะสำรวมกว่า
จางหยูมองไปยังจักรพรรดิทั้งสี่และยิ้มออกมา “ พวกเจ้าชินกับการอยู่ในทะเลบรรพกาลรึยัง ?”
ซื่อเซียวยิ้มออกมา “ เราชินกันแล้ว !”
วันที่อิสระแบบนี้คือวันเวลาที่พวกเขาฝันถึง พวกเขาแทบไม่เชื่อว่านี่จะเป็นความจริงได้
จนถึงตอนนี้พวกเขายังรู้สึกว่าตัวเองฝันอยู่ ต้องบอกว่าชีวิตที่อิสระและผ่อนคลายเช่นนี้คือชีวิตที่พวกเขาเกือบลืมไปแล้ว
“ ก็ดี” จางหยูพอใจกับคนเหล่านี้อย่างมาก ไม่ว่าพวกนี้จะคิดอะไรแต่ตราบใดที่ไม่สร้างปัญหาสักหมื่นปีก็เพียงพอแล้ว “ หากพวกเจ้าต้องการอะไรก็บอกข้าได้เลย ข้าจะพยายามช่วย”
ด้วยลูกปัดดั้งเดิมกว่า 20 ล้านล้านลูกที่ได้มา จางหยูก็ไม่รังเกียจที่จะดูแลพวกนี้เป็นพิเศษ
ทั้งสี่คนมองหน้ากันก่อนที่ซื่อเซียวจะพึมพำออกมา “ พูดไปแล้วเราก็ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่ เราอยากให้เจ้าร่วมมือด้วย”
จางหยูมองไปยังทั้งสี่ด้วยความแปลกใจ “ ร่วมมือรึ ?”
ซื่อเซียวพยักหน้า “ ข้าไม่รู้ว่าทะเลบรรพกาลนั้นบ่มเพาะจักรพรรดิกันยังไงแต่จักรพรรดิในทะเลโกลาหลนั้นจะดึงเอาจิตและพลังจิตจากทุกชีวิตในการบ่มเพาะ มันคือพลังหลักของเราแต่นอกจากนี้แล้วมันก็มีอีกทางที่จะเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเราได้ มันคือลูกปัดจิต”
พูดไปแล้วซื่อเซียวก็แสดงท่าทีตื่นตัวขึ้นมา “ ลูกปัดจิตอัดแน่นขึ้นมาจากพลังจิตจำนวนมาก มันคล้ายกับลูกปัดดั้งเดิมแต่ลูกปัดดั้งเดิมเล็งเป้าไปที่จ้าวโกลาหล ลูกปัดจิตนั้นส่งผลโดยตรงกับจักรพรรดิ ตราบใดที่ดูดซับลูกปัดจิต ระดับการบ่มเพาะของจักรพรรดิก็จะเพิ่มขึ้น หากจำนวนลูกปัดจิตมีมากพอ งั้นความแข็งแกร่งของจักรพรรดิก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่ามาก มากกว่าพลังจิตที่มีในมิติลับของเราอีก…”
จางหยูแปลกใจยิ่งกว่าเก่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องลูกปัดจิต
ลูกปัดดั้งเดิมนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาแต่ลูกปัดจิตนั้นไม่แน่
“ แล้วทำไมพวกเจ้าถึงเพิ่งมาบอกข้าในตอนนี้”
“ ในทางทฤษฎีแล้วจักรพรรดิทุกคนสร้างลูกปัดจิตขึ้นมาได้ มันเหมือนกับจ้าวโกลาหลที่สร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมาแต่อันที่จริงแล้วไม่มีจักรพรรดิคนไหนที่จะเต็มใจสร้างลูกปัดจิตขึ้นมาเพราะมันเสียเวลาเกินไป มันถ่วงการบ่มเพาะของพวกเขา ดังนั้นวิธีที่จะได้ลูกปัดจิตมาจึงเหลือแค่ทางเดียวซึ่งก็คือ….แก่นกำเนิด !”
“ แก่นกำเนิด ?” จางหยูแปลกใจ
ซื่อเซียวพยักหน้าตอบรับ “ แก่นกำเนิดเต็มไปด้วยพลังจิตนับไม่ถ้วน พลังจิตเหล่านั้นกระจัดกระจายกันไม่ได้อยู่ในการควบคุมของใคร พลังจิตบางส่วนได้รวมตัวกันกลายเป็นก้อน หลังจากที่ขัดเกลาด้วยพลังจิตสักพักมันจะกลายเป็นสมบัติที่คล้ายกับลูกปัดจิต” หลังจากนั้นสักพักซื่อเซียวก็พูดขึ้นต่อ “ทุกๆร้อยล้านปีแก่นกำเนิดจะก้อนแก่นขึ้นมา ก้อนแก่นจะส่งผลไปทั้งแก่นกำเนิด ก้อนแก่นจะแผ่พลังพิเศษออกมา มันคล้ายกับลูกปัดจิต สุดท้ายแล้วก้อนแก่นจะเปลี่ยนเป็นลูกปัดจิต”
แก่นกำเนิดเหมือนกับขุมทรัพย์ ไม่ใช่แค่สร้างจักรพรรดิทั้ง 9 แต่ยังมีแหล่งร่วมพลังจิตด้วย
“ ตั้งแต่ที่เรารู้จักแก่นกำเนิดมา วงจรสำหรับปรากฏการณ์นี้ก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไปแต่พลังของปรากฏการณ์นี้กลับเข้มข้นขึ้นกว่าเก่า ตอนที่เราขึ้นเป็นจักรพรรดิ มันเคยเกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้นครั้งหนึ่ง ตอนแรกก้อนแก่นนั้นให้ลูกปัดจิตแค่ไม่กี่ลูก หลังจากนั้นก็หลายสิบลูก ผ่านมาหลายล้านปี ก้อนแก่นก็ให้ลูกปัดจิตมากกว่าเดิมกว่าร้อยเท่า จำนวนลูกปัดจิตนั้นเพิ่มขึ้นไปถึงร้อยลูก”
จากไม่กี่ลูกเป็นร้อยลูก แก่นกำเนิดนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแต่ว่าจะให้ลูกปัดจิตกว่าร้อยลูกแต่เมื่อแบ่งกันแล้วก็ได้แค่คนละแค่ 10 กว่าลูกเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นความแข็งแกร่งของเผ่าสวรรค์และมนุษย์ก็ไม่เท่ากัน จักรพรรดิเผ่าสวรรค์อาจจะไม่ยอมตกลงกับการแบ่งลูกปัดจิตกันอย่างเท่าเทียม
“ ก่อนหน้านี้ 100 ล้านปีมีก้อนแก่นปรากฏขึ้นมา มันให้ลูกปัดจิตทั้งหมด 113 ลูกเราสี่คนได้มาแค่ 39 ลูก” ซื่อเซียว พูดขึ้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว “ นั่นไม่ใช่ว่าเพิ่งเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้เราก็ได้ลูกปัดจิตน้อยกว่าเผ่าสวรรค์ สถานการณ์มันแย่ลงเรื่อยๆ …”
จางหยูพยักหน้าเขาไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ ยังไงซะความแข็งแกร่งของเผ่าสวรรค์ก็เหนือกว่ามนุษย์
แม้ว่ามนุษย์จะได้เปรียบในตอนแรกแต่เมื่อเวลาผ่านไป ความได้เปรียบก็กลายเป็นเสียเปรียบ
“ ก้อนแก่นจะปรากฏขึ้นมาในอีก 3 ล้านปี ฝั่งมนุษย์ยังเสียเปรียบ มันยากที่เราจะสู้กับเผ่าสวรรค์ได้ ดังนั้น…” ซื่อเซียวสูดหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่จางหยู “ เราหวังว่าทีมคังเฉียงนั้นจะเข้าร่วมกับเราและแข่งเพื่อแย่งเอาลูกปัดจิตมา”
ด้วยความช่วยเหลือจากทีมคังเฉียง ซื่อเซียวก็มั่นใจว่าจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
“ ทีมคังเฉียงรึ ?” จางหยูยักคิ้ว “เจ้าหมายความว่าการสู้กันเพื่อแย่งลูกปัดจิตนี้ต้องพึ่งแม่ทัพรึ ? “
ซื่อเซียวพยักหน้าและพูดขึ้น “ การต่อสู้นี้จักรพรรดิไม่อาจจะยุ่งเกี่ยวด้วยได้ นี่คือข้อตกลงของเรากับเผ่าสวรรค์ ดังนั้นแม่ทัพจึงเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ”
อันที่จริงแม้ว่าจะไม่ได้ตกลงกันแต่จักรพรรดิทั้งสองฝ่ายก็กลัวที่จะออกไปสู้เอง ยังไงซะด้านนอกแก่นกำเนิดนั้นก็มีจักรพรรดิกุยหลิงอยู่ หากพวกเขากล้าเข้าไปในแก่นกำเนิด เดาว่าคงยังไม่ทันได้ลูกปัดจิต พวกเขาคงโดนจักรพรรดิกุยหลิงฆ่าเอาซะก่อน
ความแข็งแกร่งของแม่ทัพรวมถึงจำนวนแม่ทัพนั้นจึงเป็นกุญแจสำคัญว่าใครจะได้ลูกปัดไปเท่าไหร่ !
“ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทีมคังเฉียงจะเข้าร่วม “ จางหยูมองไปรอบๆ “ ส่วนที่สำคัญคือข้าจะได้ประโยชน์อะไร ?” เขาเพิ่งจะรู้จักพวกนี้ หากเขาไม่ได้ประโยชน์มากกว่าครึ่ง งั้นเขาจะช่วยไปทำไม ? “ หากทีมคังเฉียงยอมช่วย เราจะแบ่งลูกปัดกันอย่างเท่าเทียม เจ้าได้ไป 1 ใน 5” ซื่อเซียวมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น
ตราบใดที่เอาชนะเผ่าสวรรค์ได้ แม้ว่าจะได้ลูกปัดน้อยลงแต่พวกเขาก็ไม่คิดมาก
จางหยูส่ายหน้า “ไม่พอ”
“ 1 ใน 5 ยังไม่พออีกรึ ?” ซื่อเซียวคิ้วขมวด “ เจ้านี่โลภจริงๆ..”.
ในมุมมองของพวกเขาแล้วเงื่อนไขนี้ส่งผลดีต่อทุกคน การที่แบ่งให้ จางหยู 1 ใน 5 ส่วนถือว่าแสดงความจริงใจแล้ว
“ เจ้ารู้ทางเข้าไปยังแก่นกำเนิดรึไม่ มันอยู่ในมิติลับของเรา ใครเข้าไปได้ไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับเราตัดสินใจ เรามาเสนอให้เจ้าร่วมมือด้วยนั้นก็ถือว่าเป็นการให้โอกาสเจ้าเช่นกัน” เย่าหยางพึมพำออกมา “ ยิ่งไปกว่านั้น 1 ใน 5 ก็ถือว่ามากแล้ว เราให้ได้เต็มที่แค่ 1 ใน 5 ข้าเชื่อว่าเผ่าสวรรค์คงไม่อาจให้เงื่อนไขที่ดีแบบนี้ได้ไ หว่านเก่อคิ้วขมดเขามองไปที่เย่าหยางด้วยสายตาไม่พอใจ “ เรามาหาเขาด้วยความจริงใจ ทำไมต้องอ้างถึงเผ่าสวรรค์ด้วย ?”
“ อีกแค่ 3 ล้านปี ก้อนแก่นก็จะปรากฏขึ้นมาไม่ใช่รึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
ซื่อเซียวพยักหน้า “ ใช่”
“ อีก 3 ล้านปี…” จางหยูมั่นใจว่าตอนนั้นศิษย์และอาจารย์รวมถึงร่างแยกของเขาคงขึ้นไปถึงระดับแม่ทัพขั้นสูงสุดแล้ว “ หากข้าบอกว่าเมื่อทีมคังเฉียงเข้าร่วมการต่อสู้นี้ เราจะได้ลูกปัดจิตมากกว่า 9 ใน 10 ของลูกปัดทั้งหมด พวกเจ้าจะเชื่อรึไม่?”
พวกเขาคิดกันทันทีว่าเป็นไปไม่ได้
“ หากทีมคังเฉียงทำได้ อย่าพูดถึง 1 ใน 5 เลย เจ้าเอาไปครึ่งหนึ่งเลยก็ได้ ฟังดูเป็นยังไง ?” อู่หมิงคิดว่าจางหยูพูดเล่น
ซื่อเซียวแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา “ จักรพรรดิคังเฉียง เรามาหาเจ้าดีๆ ทำไมเจ้าต้องมาพูดปั่นหัวเราเช่นนี้ด้วย ?” “ เราซาบซึ้งกับการที่เจ้าให้ที่อยู่กับเรา แต่ไม่ใช่ว่าจะยอมให้เจ้าปั่นหัวเราได้” หว่านเก่อที่งดงามได้เผยท่าทีไม่พอใจออกมา
“ ปั่นหัวรึ ?” จางหยูหัวเราะออกมา “ ข้าไม่ได้ปั่นหัวพวกเจ้า”
ทั้งสี่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมาจางหยูก็พูดต่อ “เมื่อพวกเจ้าไม่เชื่อ งั้นก็มาพนันกัน”
ทั้งสี่มองหน้ากันก่อนจะมองไปที่จางหยู “ พนันยังไง ?”
“ หากทีมคังเฉียงเข้าร่วมและได้ลูกปัดจิตมามากกว่า 9 ใน 10 ข้าจะเอาลูกปัดจิตไปครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเป็นของพวกเจ้า” จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“ หากไม่ถึงล่ะ ?” ซื่อเซียวยักคิ้วและถามขึ้นมา
“ หากไม่ถึงงั้นข้าจะช่วยเหลือฟรีๆ ข้าจะไม่เอาลูกปัดจิตแม้แต่ลูกเดียว” จางหยูพูดขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก