ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1973

เรนไนแพ้
  มันไม่ใช่ความแข็งแกร่งส่วนตัวแต่เป็นเพราะอาวุธกับเกราะต่างหากที่เอามาตัดสิน
  ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แล้วมันยังห่างกับอู่หมิงอยู่ หากสู้กันปกติแล้วเรนไนก็จะแพ้เพราะอาวุธของทั้งสองนั้นห่างชั้นกัน หากสู้กันเอาเป็นเอาตายจนต้องใช้ทักษะทุกอย่างก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเช่นกัน
  บางที…อาจจะ 4 ต่อ 6
  อู่หมิง6 เรนไน 4 !
  “การปะมือจบแล้ว ได้เวลาพักฟื้นแล้ว ข้าขอตัวก่อน” เรนไนพยักหน้าให้กับซื่อเซียวและคนอื่นก่อนจะบอกกับหว่านเก่อ “ไปกันเถอะ ”
  ทั้งสองคนได้หายตัวไปจากสายตาของทุกคน
  ซื่อเซียวสับสน จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเรนไนเกือบจะเสมอกับอู่หมิงได้
  มันส่งผลกระทบต่อพวกเขาอย่างมาก !
  หลังจากที่บ่มเพาะอย่างยากลำบากมาหลายยุค, การดูดซับลูกปัดจิตและความเบื่อหน่าย สุดท้ายพวกเขาก็ไม่อาจจะเทียบกับคนที่เพิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ ?
  “ ลดความหยิ่งทะนงของพวกเจ้าลงซะ” อู่หมิงเงียบสักพักก่อนจะส่ายหน้า “ เรนไนไม่ใช่คนที่เราจะจัดการได้”
  ซื่อเซียวมองไปทางที่เรนไนและหว่านเก่อจากไปอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นมา “ เจ้าจะบอกว่าเราด้อยกว่าเรนไนรึด้อยกว่าจักรพรรดิทะเลบรรพกาลงั้นรึ ?”
  เย่าหยางพูดขึ้น “ แน่นอน จักรพรรดิทะเลโกลาหลนั้นไม่ได้แกร่งเท่ากับจักรพรรดิทะเลบรรพกาล”
  พวกเขาไม่อยากยอมรับว่าตัวเองด้อยกว่า…แต่ก็ต้องยอมรับ
  อู่หมิงวางมือไปบนม่านแสงด้านหลังก่อนจะมองไปยังบรรพกาลที่กว้างใหญ่ภายนอก เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่นาน
  …
  ที่มิติของเรนไน
  “ นี่คือมิติลับที่เจ้าสร้างขึ้นมารึ ?” หว่านเก่อเข้ามาในมิติลับกับเรนไน มิติลับนี้ไม่ได้ใหญ่นัก มันมีขนาดไม่ถึง 1 ใน 10 ของเขตซื่อเซียวแต่มันแกร่งพอที่จักรพรรดิทั่วไปยากที่จะทำลายได้”
  ในด้านความแข็งแกร่งของมิติรวมถึงการยับยั้งความแข็งแกร่งแล้ว มิตินี้ไม่ด้อยกว่าเขตของหว่านเก่อเลย
  เรนไนไม่ได้ปฏิเสธเพราะหว่านเก่อพูดความจริง
  “ ตอนนี้เขตของข้ายังมีขนาดเล็ก มันยังไม่มีอะไรกำเนิดขึ้นมา” เรนไนพูดขึ้น “ ความแข็งแกร่งที่เพิ่มให้กับข้าแทบจะมองข้ามได้”
  เขตที่เหล่าจักรพรรดิสร้างขึ้นมานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่ายๆ  ในด้านพลังแล้ว เรนไน อ่อนแอกว่าจักรพรรดิเก่า บางทีอาจจะแกร่งกว่าในตอนแรกแต่ในด้านพลังด้านอื่นๆแล้วยังด้อยกว่าจักรพรรดิเก่าอยู่
  หว่านเก่อพยักหน้า “ เขตที่เจ้าได้สร้างขึ้นมาอีกสักพักคงจะพัฒนาขึ้น อย่างน้อยเงื่อนไขในตอนแรกก็แกร่งกว่าเขตที่เราได้สร้างขึ้นมา มันไม่ได้ยากที่จะพัฒนา”
  “ ถูกแล้ว” เรนไน ยิ้มออกมา “ การพัฒนาเขตนั้นไม่อาจจะเร่งรีบได้” หลังจากที่เงียบไปสักพักเรนไนก็พูดขึ้นต่อ “ หากเจ้ามีโอกาส เจ้าควรหาทางรับจ้าวโกลาหลเข้ามาเพื่อให้เขตของเจ้าพัฒนาได้เร็วกว่าเก่า”
  “ ง่ายแบบนั้นเลยรึ ?” หว่านเก่อยิ้มออกมา “ มันมีจ้าวโกลาหลนับไม่ถ้วนในเขตหว่านเก่อ หากมีโอกาสให้พวกเขาเข้าได้มาที่นี่ งั้นเดาว่าพวกเขาคงพอใจอย่างมาก”
  ต้องรู้ก่อนว่าทะเลบรรพกาลนั้นไม่มีกุยหลิง มันไม่มีจักรพรรดิกุยหลิง ตราบใดที่มาที่นี่ได้ งั้นก็ไม่ต้องกังวลอันตรายจากกุยหลิงและจักรพรรดิกุยหลิง
  เรนไนคิดสักพัก เขาเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ “หากพวกเขาเต็มใจจะมา งั้นข้าก็จะเก็บลูกปัดดั้งเดิมให้พวกเขา”
  การที่เขาไม่ได้สร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมา นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีลูกปัดดั้งเดิมอยู่กับตัว เขาได้มันมาจากภารกิจต่างๆ ตราบใดที่มันมากพอก็เพียงพอที่จะเอาไว้ดูแลเขตของเขาได้
  “ หลังจากที่ก้อนแก่นกำเนิดขึ้นมาแล้ว ข้าจะลองถามจักรพรรดิคังเฉียงดู” หว่านเก่อพูดขึ้น “ หวังว่าเขาจะไม่ปฏิเสธ”
  จ้าวโกลาหลจำนวนมากนั้นมีแต่จะส่งผลดีต่อทะเลบรรพกาล แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะตกลง
  …
  เวลาผ่านไป ในพริบตาก็ผ่านไปหลายแสนปี
  หลายแสนปีในโลกภายนอกภายใต้การเร่งเวลากว่าร้อยล้านเท่านั้นก็เท่ากับสิบล้านล้านปีในทะเลบรรพกาล !
  สิบล้านล้านปีนี้เป็นเวลาที่ยาวนานอย่างมาก
  มันคือช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด ทะเลบรรพกาลได้พัฒนาไปอย่างมาก บรรพกาลกำเนิดเองนับไม่ถ้วนได้เติบโตเป็นบรรพกาลที่สมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา มันมีจ้าวบรรพกาลกำเนิดขึ้นมาจำนวนมาก
  ทั่วทั้งทะเลบรรพกาล มีจ้าวบรรพกาลปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนเดินทางไปมาในทะเลบรรพกาล บางคนเข้ามาในเขตเรนไน ในหมู่พวกนั้นมีแม่ทัพกำเนิดขึ้นมาด้วย !
  แม่ทัพแต่ละคนคือตัวตนที่สูงส่ง แต่ละคนคือคนที่มีพรสวรรค์ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์และอาจารย์ในสำนักคังเฉียง ! หากพวกเขาได้รับการดูแลแบบเดียวกับคนของสำนักคังเฉียง พวกเขาอาจจะมีหวังเป็นแม่ทัพสูงสุดได้ !
  แม้ว่าจะไม่มีสำนักคังเฉียงคอยดูแล แต่พวกเขาก็ยังพึ่งพรสวรรค์และโชคของตัวเองบ่มเพาะขึ้นมาถึงระดับแม่ทัพได้
  มีเวลามากพอ มันคงไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาจะขึ้นเป็นแม่ทัพขั้นสูง
  ทั้งทะเลบรรพกาลเปลี่ยนแปลงไปราวกับเข้าสู่ยุคใหม่ มันคือยุคของทะเลบรรพกาล !
  ซื่อเซียวและคนอื่นๆไม่ได้สร้างปัญหาอะไร แม่ทัพของพวกเขาพากันบ่มเพาะกันในบรรพกาลรอคอยการกำเนิดของก้อนแก่นอยู่ที่นั่นอย่างสงบ
  ส่วนแม่ทัพของหว่านเก่อก็ถูกเรียกให้ไปที่เขตเรนไนและได้อยู่ในมิติลับ
  ทั้งทะเลบรรพกาลอยู่ในความเงียบสงบไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
  จิตของจางหยูฟื้นฟูกลับมาถึงขีดสุด ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปถึงขีดจำกัดของจักรพรรดิซึ่งถือว่าเป็นระดับที่จักรพรรดิทะเลโกลาหลต้องเงยหน้ามอง
  เกราะและดาบได้รับการซ่อมแซมตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ พลังของมันมากกว่าในอดีต จางหยูมั่นใจว่าหากต้องสู้กับจักรพรรดิกุยหลิงอีกครั้งแล้ว เกราะบรรพกาลคงจะสามารถต้านทานการโจมตีได้นานกว่านี้ มันอาจจะทนได้ถึง 10 ครั้ง
  ด้วยที่พลังของเกราะและดาบนั้นเหมือนจะมาถึงขีดจำกัด ในเวลาสั้นๆนี้คงยากจะทะลวงผ่านขีดจำกัดของมันไปได้…
  “ ร่างหลัก” ในวันนั้น จางหยูได้รับข้อความจากจางลู่และร่างแยกอื่นๆ “ เราขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดแล้ว”
  จางหยูใจสั่นทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น ต่อมาจางลู่และร่างแยกอื่นๆก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของเขา
  “ กว่าแสนปี…ใช้เวลานานกว่าที่ข้าคิดเอาไว้” จางหยูคิดว่าพวกนี้คงใช้เวลาแค่หลักหมื่นปีรึพันปีเพื่อขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุด ยังไงซะทะเลบรรพกาลก็มีการเร่งเวลากว่าร้อยล้านเท่า “ ดูเหมือนว่าความยากในการขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดนั้นจะสูงกว่าที่ข้าคิดเอาไว้”   แม้แต่ร่างแยกก็ต้องใช้เวลาเป็นแสนปีเพื่อขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดแล้วศิษย์กับอาจารย์คนอื่นๆล่ะ ?
  เดาว่าอาจจะใช้หลักล้านปี แต่เขาก็ยังไม่อยากจะคิดถึงเรื่องนี้
  “ การขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดนั้นไม่ง่ายจริงๆ” จางหยูถอนหายใจออกมา “ ถึงจะบ่มเพาะอย่างหนักก็ยังยากสำหรับเรา คนในทะเลโกลาหลนั้นคงยากจะทำได้…”
  ไม่แปลกเลยที่เหล่าแม่ทัพของจักรพรรดิถึงต่างก็ถือว่าเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่บ่มเพาะกันมาเป็นล้านยุค
  เขาไม่สงสัยเลยว่าแม่ทัพสูงสุดของทะเลโกลาหลอาจจะต้องบ่มเพาะเป็นล้านล้านปี
  หลังจากที่เงียบได้สักพัก จางลู่ก็เปลี่ยนเรื่องทันที “ ร่างหลัก เจ้าช่วยให้เราขึ้นเป็นจักรพรรดิได้รึไม่ ?”
  “ การขึ้นเป็นจักรพรรดินั้นควบคุมพลังสร้างรอบตัวพวกเจ้าได้ พวกเจ้าเป็นร่างแยกของข้า พวกเจ้าควบคุมสิทธิ์พลังสร้างได้ พวกเจ้ามีสิทธิ์เต็มที่ พวกเจ้ายังมีจิตไร้เทียมทานอีก” จางหยูพูดขึ้น “ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้ว่าจะช่วยพวกเจ้ายังไงเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิ ยังไงซะพวกเจ้าก็มีสิทธิ์ในการพลังสร้างเหล่านี้อยู่แล้ว”
  เมื่อได้ยินแบบนั้น จางลู่และคนอื่นๆก็มองหน้ากัน
  พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนแต่เมื่อลองคิดดูดีๆแล้ว มันก็ดูน่าสับสน
  “ งั้นมาลองดูก่อน” จางหยูพูดขึ้น “ ทำตามตอนที่เรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ไม่ว่าจะสำเร็จรึไม่เราจะรู้เองหลังจากที่ทดลอง”
  จางลู่และคนอื่นๆพยักหน้า ตราบใดที่มีความหวัง พวกเขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ยังไงซะพวกเขาก็ไม่พอใจกับการเป็นแม่ทัพสูงสุดอยู่ดี
  “ ใครก่อน ?” จางหยูถามขึ้นมา
  “ ข้าเอง” จางลู่ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูด
  เขาก้าวออกมาและดึงเศษเสี้ยวจิตออกจากตัวก่อนจะภาวนาเรียกจิตของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล
  มันแค่ว่า…เขาภาวนากว่าครึ่งวันแต่ทะเลบรรพกาลกลับสงบเงียบดังเดิม
  “ ล้มเหลว” จางลู่คิ้วขมวด
  เจ้าสำนักมองไปที่ความว่างเปล่าแล้วพูดขึ้น “ มาลองดูกัน”
  เศษเสี้ยวจิตของทั้งสองลอยออกมาก่อนที่ทั้งสองจะทำการภาวนา
  ทะเลบรรพกาลยังสงบดังเดิม
  ร่างแยกที่เหลือได้ทดลองดูแต่ทุกคนต่างก็ล้มเหลว
  “ ขีดจำกัดของเราคือแม่ทัพสูงสุดรึ ?” จางลู่ไม่คิดจะยอมแพ้ “ เพราะเราคือร่างแยก เราจึงไม่อาจจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้รึ ?” นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกับทางตันในการบ่มเพาะ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกหมดหนทาง  ไม่ พวกเขามีทางทะลวงผ่านได้ มันคือ…ตัดการเชื่อมต่อกับจางหยู และกลายเป็นตัวตนจริงๆขึ้นมา
  แต่ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่มีความสามารถขนาดนั้น มีแค่จางหยูที่เป็นร่างหลักเท่านั้นที่จะทำได้
  ทุกคนพากันมองไปที่จางหยูและเงียบไป
  จางหยูเหมือนจะเดาความคิดของพวกนี้ออก ตอนนั้นเขาจึงเริ่มลังเลอยู่สักพัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก