ด้วยความแข็งแกร่งของจางหยูในตอนนี้แล้ว จางลู่, เจ้าสำนัก และร่างแยกอื่นๆนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเขามาก
สิ่งเดียวที่พวกนี้ช่วยจางหยูได้ก็คือช่วยส่งคนมายังทะเลบรรพกาล หากไม่มีพวกนี้ช่วย จางหยูก็ต้องลงมือเอง
แต่จางหยูในฐานะจักรพรรดิแล้วเป็นจักรพรรดิที่แกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของทะเลจักรวาล เขาเกือบจะแตะเพดานของจักรพรรดิแล้ว เขาสร้างร่างแยกขึ้นมาและส่งร่างยากไปจัดการธุระต่างๆได้ เรื่องที่ร่างแยกเก่าเขาทำได้ ร่างแยกที่เขาสร้างขึ้นมาก็ทำได้เช่นกัน นอกจากไม่ต้องบ่มเพาะและไม่ได้มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว ร่างแยกทั้งสองแบบไม่ได้ต่างกันมาก
เมื่อคิดแบบนั้น จางหยูก็รู้สึกว่ามันเป็นไปได้ที่จะตัดการเชื่อมต่อกับพวกนี้และให้อิสระกับพวกนี้จริงๆ “ ข้าจะให้อิสระกับพวกเจ้า” จางหยูมองไปรอบๆ “ แต่พวกเจ้าควรคิดให้ดีๆเพราะ…” เขาพูดขึ้นมาช้าๆ “ เมื่อตัดขาดการเชื่อมต่อทางจิตแล้ว พวกเจ้าจะกลายเป็นตัวตนของพวกเจ้าเอง พวกเจ้าจะไม่ได้รับสิทธิ์สูงสุดที่นี่อีก แม้แต่ในทะเลบรรพกาล เหล่าจักรพรรดิก็อาจจะเป็นภัยต่อชีวิตของพวกเจ้าได้ สักวันในอนาคตพวกเจ้าอาจจะโดนคนอื่นๆในสำนักคังเฉียงแซงหน้าไป…”
การกลายเป็นจักรพรรดิต้องแลกมาด้วยบางอย่าง
ในอดีตนั้นพวกเขามีพลังไร้เทียมทานในทะเลบรรพกาล พวกเขาสามารถควบคุมพลังสร้างสูงสุดได้ เมื่อจางหยูตัดขาดการเชื่อมต่อกับพวกเขาไป พวกเขาก็จะกลายเป็นแม่ทัพทั่วไป
จางลู่และคนอื่นๆเงียบไป สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นตัวเลือกที่ยาก
หลังจากนั้นสักพัก จางลู่ก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ ข้ายังหวังว่าร่างหลักจะให้อิสระกับเรา”
จางหยูไม่ได้พูดอะไร เขามองไปยังคนอื่นๆแล้วถามขึ้นมา “ พวกเจ้าล่ะ ?”
ร่างแยกอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะพูดขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน “ ข้าเองก็อยากจะขอให้เจ้าให้อิสระกับเรา !”
หากพวกเขาเป็นร่างแยกทั่วไปที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองแล้ว งั้นพวกเขาคงไม่สนเรื่องอิสระแต่จากตอนที่พวกเขากำเนิดขึ้นมา พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตัวเอง พวกเขามีตัวตนของตัวเอง แน่นอนว่าพวกเขาอยากจะได้อิสระ แม้ว่าจะต้องแลกด้วยราคาที่สูงและทิ้งผลประโยชน์ต่างๆแต่พวกเขาก็ยังหนักแน่น
เมื่อได้ยินแบบนั้น จางหยูก็ไม่ได้แปลกใจเขาพยักหน้า “ ได้ ข้ารับปากว่าจะให้อิสระกับพวกเจ้า แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องทำหนึ่งสิ่งให้ข้าก่อน”
“ อะไรกัน ?” จางลู่ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ มันยังอีก 2 ล้านปีกว่าที่ก้อนแก่นจะกำเนิดขึ้นมา ในสองล้านปีนี้ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยร่างแยกบ่มเพาะของข้าพัฒนาการบ่มเพาะขึ้นมา…ด้วยระดับของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าสามารถสร้างลูกปัดดั้งเดิมขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นลูกปัดของใครแต่ข้าก็กลัวว่าคงไม่มีใครเทียบลูกปัดของพวกเจ้าได้” จางหยูพูดขึ้น “ ข้ารับปากว่าหลังจากที่ได้ก้อนแก่นมา ข้าจะตัดขาดการเชื่อมต่อทางจิตระหว่างเราและให้อิสระกับพวกเจ้าทันที”
“ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” จางลู่ตกลงทันที
สองล้านปีแลกกับอิสระ…มันถือว่าคุ้มค่า
คนอื่นๆเองก็ตกลงไม่คิดจะปฏิเสธ
เห็นได้ว่าพวกเขาอยากได้อิสระเพียงใดกัน
“ งั้นก็ตกลงตามนี้ ” จางหยูยิ้มออกมา “ ร่างแยกบ่มเพาะทั้งแปดแสนร่างนั้นข้าจะให้พวกเจ้าดูแล”
ผ่านไปสักพักกลุ่มร่างแยกก็ได้แยกย้ายออกไป จางหยูได้รวบรวมความคิดบ่มเพาะพลังจิตต่อ แม้ว่ามันจะพัฒนาได้ช้าแต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไร
….
ในพริบตาก็ผ่านไปอีกห้าแสนปีในทะเลโกลาหล ในทางกลับกันแล้วในทะเลบรรพกาลแล้วผ่านไปกว่าห้าร้อยล้านล้านปี
ทั้งทะเลบรรพกาลมีจ้าวบรรพกาลนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด มีแม่ทัพเพิ่มขึ้นมาจำนวนมากมันถึงกับมีแม่ทัพขั้นสูงกำเนิดขึ้นมา มันถือว่าน่าทึ่งอย่างมาก ยังไงซะจ้าวบรรพกาลเหล่านี้ก็กำเนิดขึ้นมาจากทะเลบรรพกาลโดยไม่มีใครชี้แนะ พวกเขาเติบโตกันเอง การที่พัฒนามาได้ถึงระดับนี้นั้นก็ถือว่าน่าเหลือเชื่อมากแล้ว
หากเทียบกันแล้วทะเลโกลาหลนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากว่าล้านล้านปีแล้ว แต่ทะเลบรรพกาลขยายตัวจนไร้ขีดจำกัด มันเปลี่ยนไปทุกวัน ทุกช่วงราวกับมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ผ่านไปกว่าห้าร้อยล้านล้านปี ในวันนั้นกลับมีแม่ทัพสูงสุดในสำนักคังเฉียงกำเนิดขึ้นมา !
หยวนเทียนจี !
ศิษย์ของจางหยู !
จางหยูไม่ได้ให้จางลู่และร่างแยกอื่นๆชี้แนะพวกนี้ แต่เขาได้สร้างร่างแยกขึ้นมา ร่างหนึ่งบ่มเพาะ ส่วนอีกร่างนั้นไปยัง
บรรพกาลของหยวนเทียนจี การสร้างร่างแยกนั้นง่ายอย่างมากแต่ร่างแยกนั้นจะมีความแข็งแกร่งเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยิ่งร่างหลักแข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลต่อร่างแยกมากเท่านั้น
ในอีกความหมายคือร่างแยกนี้เท่ากับร่างที่แยกตัวออกมาจากร่างหลักซึ่งสามารถรวมตัวกันตอนไหนก็ได้
ยิ่งร่างแยกแกร่งแค่ไหน พลังของร่างหลักก็ลดลงเท่านั้น นอกจากนี้แล้วทั้งสองร่างก็มีความแข็งแกร่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน จักรพรรดิอย่างซื่อเซียวและเย่าหยางสร้างร่างแยกที่เป็นแม่ทัพสูงสุดได้เท่านั้น เพราะความแข็งแกร่งของร่างกายพวกเขาจำกัดและไม่อาจจะสร้างร่างแยกระดับจักรพรรดิได้ แต่จางหยูนั้นต่างออกไป ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แล้ว ตราบใดที่เขาต้องการ เขาก็สามารถสร้างร่างแยกระดับจักรพรรดิขึ้นมาได้
ร่างแยกมีความแข็งแกร่งได้ 1 ใน 10 ของร่างหลัก
ความแข็งแกร่งของจางหยูนั้นแกร่งกว่าจักรพรรดิใหม่เป็นสิบเท่า !
ดังนั้นเทียบกันง่ายๆคือความแข็งแกร่งของจางหยูก็มากกว่าเรนไนเป็นสิบเท่า จึงสามารถสร้างจักรพรรดิหน้าใหม่ขึ้นมาได้
บางทีก่อนที่จะสู้กับจักรพรรดิกุยหลิง จางหยูอาจจะไม่แกร่งเท่านี้ด้วยซ้ำแต่หลังจากที่พัฒนาตัวเองมานาน ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากโดยเฉพาะการที่เรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาลมันทำให้เพิ่มขีดจำกัดของความแข็งแกร่งที่จางหยูขึ้นไปอีก…
หลังจากที่สร้างร่างแยกระดับจักรพรรดิขึ้นมาได้ ความแข็งแกร่งของจางหยูก็ยังเหนือกว่าตอนที่สู้กับจักรพรรดิหลิงอย่างมาก
จางหยูควบคุมบรรพกาลส่งร่างแยกไปยังบรรพกาลของหยวนเทียนจี หยวนเทียนจีได้เข้ามาทำความเคารพทันที “ อาจารย์”
“ ทำได้ดี” ร่างแยกของจางหยูชมออกมา “ ข้าคิดว่าเย่ฟานจะเป็นคนแรกที่เป็นแม่ทัพสูงสุดก่อน ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะแซงหน้าเขามาได้”
“ อาจารย์ก็ชมเกินไปแล้ว” หยวนเทียนจียังรักษาท่าทีถ่อมตัว “ ศิษย์แค่โชคดี”
“ ไม่จำเป็นจะต้องถ่อมตัวไป” จางหยูยิ้มออกมา “หากเทียบกับพวกเขาแล้วเจ้าน่ะขยันที่สุด นี่คือผลของความพยายามของเจ้า” หลังจากที่เงียบไปสักพัก จางหยูก็พูดต่อ “ แต่แม่ทัพสูงสุดไม่ใช่จุดจบ เหนือกว่านั้นยังมีจักรพรรดิอยู่อีก” หยวนเทียนจีถามขึ้นมา “ ศิษย์ได้ยินว่าทะเลบรรพกาลกำเนิดจักรพรรดิอย่างเรนไนได้ เขาเป็นแม่ทัพสูงสุดจากเขตหว่าเก่อมันจริงรึ ?”
เขาไม่ใช่แค่ได้ยินว่าเรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิทะเลบรรพกาล แต่ยังเคยได้ยินวิธีที่เรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิอีกด้วย
จางหยูยิ้มออกมาและพูดขึ้น “ เจ้าตั้งใจจะถามว่าหากเจ้าสละจิตและภาวนาเรียกจิตของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล เจ้าก็จะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้จริงๆแบบนี้ใช่รึไม่ ?”
หยวนเทียนจีหัวเราะแห้งๆออกมา เขาแสดงท่าทีเขินอาย เขาถามออกมาอย่างระวังแล้ว “อาจารย์รู้งั้นรึ?”
“ คำถามนี้ข้าตอบเจ้าได้ คำตอบคือ….ใช่” จางหยูพูดขึ้น “ หากเจ้าขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุด เจ้าจะรอดจากการรับพลังของจักรพรรดิและขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ ! แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแม่ทัพสูงสุดแต่ก็เรียกจิตของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลมาได้แต่การรับพลังนั้นอันตรายเกินไป มีแค่แม่ทัพสูงสุดที่ผ่านการรับพลังนี้ไปได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังอันตรายอย่างมาก หากประมาทก็อาจจะตายได้”
“ การรับพลังของจักรพรรดิ…” หยวนเทียนจีถึงกับอึ้ง
อันที่จริงแม่ทัพสูงสุดทะลวงผ่านเป็นจักรพรรดินั้นไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้ากับหายนะ
มันเหมือนกับผู้บ่มเพาะที่ทะลวงผ่านเป็นผู้อมตะไปยังขอบเขตที่สูงกว่าและได้ความอมตะกลับมา
แม่ทัพสูงสุดต้องรับพลังจักรพรรดิถึงจะทำลายขีดจำกัดขึ้นไปเป็นจักรพรรดิและควบคุมพลังสร้างที่แท้จริงได้
“ การรับพลังจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องง่าย เรนไนเป็นแม่ทัพสูงสุดมาหลายยุค ตอนที่รับพลังนั้นก็ยังอันตรายอยู่ดี…” จางหยูแสดงสีหน้าจริงจังออกมา “เจ้าเพิ่งขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุด ขอบเขตยังไม่มั่นคง หากเจ้าฝืนรับพลัง มันก็จะอันตรายอย่างมาก” หยวนเทียนจีอึ้ง
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาจะรับพลังจักรพรรดิเลยดีรึไม่ แต่ตอนนี้เขาควรอัดแน่นระดับการบ่มเพาะของเขาก่อน
“ มันยังเหลืออีก 2 ล้านปีกว่าที่ก้อนแก่นจะกำเนิด เจ้าควรกลับไปอัดแน่นพลังและลองข้ามขอบเขตนี้หลังจากที่การแข่งขันชิงก้อนแก่นจบลง” จางหยูพูดขึ้น “ ก่อนหน้านี้อย่าเพิ่งลองเลย เพื่อความปลอดภัยของเจ้าแล้ว แม้ว่าเจ้าจะรับพลังจักรพรรดิไปแต่ข้าก็จะขัดขวางเอง”
หยวนเทียนจีตอบกลับ “ เข้าใจแล้ว !”
จางหยูพูดขึ้น “ อีกอย่างแล้วเจ้าไปบอกคนอื่นๆเรื่องนี้ด้วย บอกทุกคนว่าให้รอจนกว่าการแข่งขันชิงก้อนแก่นจะจบลงก่อน”
เมื่อจางหยูพูดจบเขาก็สลายกลายเป็นควันไป……………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก