จางหยูแสดงท่าทีออกมาราวกับหยอกล้อพวกนี้
ซื่อเซียวและคนอื่นๆได้ยินคำตอบของจางหยูก็ตื่นเต้นขึ้นมา พวกเขาไม่เห็นรอยยิ้มของจางหยูเลยแม้แต่น้อย
“ กล่องกระบี่อยู่กับเจ้าจริงๆ !” ซื่อเซียวมองไปที่เย่าหยางและอู่หมิงด้วยตาที่เป็นประกาย
เย่าหยางเองก็ตื่นเต้นขึ้นมา ตาของเขาเหมือนจะส่องแสงได้
มีแค่อู่หมิงที่กดความตื่นเต้นในใจเอาไว้เขาไม่กล้าจะรีบดีใจ
เขาเห็นรอยยิ้มของจางหยูและรู้สึกหนาวใจขึ้นมาทันที เขามีลางสังหรณ์ร้าย
ถึงรู้ว่ากล่องกระบี่อยู่ในมือจักรพรรดิคังเฉียงแล้วยังไง ?
หากจักรพรรดิคังเฉียงไม่คิดยกมันให้กับพวกเขา พวกเขาจะแย่งมันมาได้รึ ?
อู่หมิงควบคุมสติและเตือนเพื่อนทั้งสอง “ อย่าเพิ่งรีบดีใจไป”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทั้งสองก็ใจเย็นลงทันที
ทั้งสองมองหน้ากันก่อนที่ซื่อเซียวจะรวบรวมความกล้าพูดขึ้นมา “ สหายคังเฉียง กล่องกระบี่แต่เดิมเป็นของซุนเหลียนเชิงแม่ทัพของเขตซื่อเซียว เมื่อเขาตายไป ข้าในฐานะจักรพรรดิก็ควรจะได้ของของเขาไปเจ้าคงเข้าใจ….”
เขามองไปที่จางหยูก่อนที่จะหยุดพูดไป ถึงเขาจะพูดไม่ครบแต่ก็บอกความหมายได้ชัดเจนแล้ว
“ โชคร้ายที่ลูกหลานเพียงคนเดียวของซุนเหลียนเชิง ร่างแยกของซุนกวนเป็นสมาชิกของสำนักคังเฉียงของข้า นอกจากซุนกวนแล้ว เรายังมีลูกหลานคนอื่นๆของเขาในสำนักอีก…ในอดีตเก่อเย่โดนพวกเขาฆ่าไป” จางหยูผายมือแล้วพูดขึ้นมา “ ดังนั้นข้าเกรงว่าข้าคงไม่อาจจะยกกล่องกระบี่นี่ให้กับเจ้าได้ ยังไงซะข้าก็รับปากกับพวกเขาแล้วว่าข้าจะดูแลกล่องกระบี่นี้ให้”
“ เอ่อ…” สีหน้าของซื่อเซียวแน่นิ่งไป เขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะอ้างเหตุผลแบบนี้ออกมา
ในฐานะจักรพรรดิแล้ว เขาควรได้สมบัติของคนของเขา เหตุผลนี้พอฟังขึ้นแต่เหตุผลของจางหยูน่ะฟังขึ้นมากกว่า
ซื่อเซียวพูดออกมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “ งั้นรึ ? ฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าซุนเหลียนเชิงจะมีลูกหลานด้วย..”
พูดไปแล้วซื่อเซียวก็เงียบไปสักพัก เขาไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกมาต่อ เขาได้แต่หัวเราะแห้งๆออกมา
“ สำหรับสิ่งที่ซุนเหลียนเชิงทำ” เย่าหยางบ่นออกมา “ ก็โดนซื่อเซียวขัดขวางเอาไว้”
ปากของซื่อเซียวกระตุกและรีบอธิบายออกมา “ ข้าแค่คิดว่านี่เป็นเหตุผลที่พอเพียงไม่คิดเลยว่าลูกหลานของซุนเหลียนเชิงจะอยู่ในสำนักคังเฉียง..”
เขาไม่สงสัยว่าจางหยูจะโกหก ยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็รู้ได้ด้วยการตรวจสอบเพียงเล็กน้อย
“ ทำตัวฉลาดเข้าไว้” เย่าหยางกัดปากแล้วพึมพำออกมา
“ พอแล้ว เจ้าฉลาดนิ ทำไมเจ้าไม่พูดเอง” ซื่อเซียวบ่นออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ ข้าแค่พูดเฉยๆ” ชัดแล้วว่าเย่าหยางน่ะหน้าด้านยิ่งกว่าซื่อเซียวเสียอีก
เขากระแอมออกมาเรียกความสนใจจากจางหยูแล้วพูดขึ้น “ ข้าไม่ขอปิดบัง สหายคังเฉียง เรามาทีนี่ก็เพราะกล่องกระบี่เรื่องซุนเหลียนเชิงเป็นแค่ข้ออ้าง” เขามองไปที่จางหยูไม่ละสายตา “ กล่องกระบี่เป็นสมบัติทะเลโกลาหล เจ้าเป็นจักรพรรดิทะเลบรรพกาล มันไม่เหมาะไม่ใช่รึที่จะเก็บกล่องกระบี่เอาไว้ ?” เลิกชักแม่น้ำทั้งห้า
ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังจุดประสงค์ของตัวเองแล้ว
รอยยิ้มของจางหยูไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย “ งั้นรึ ? งั้นการที่ข้าจะยกมันให้ลูกหลานของซุนเหลียนเชิง ดูแลกล่องกระบี่นี่ก็ดูไม่เหมาะงั้นสินะ ? ยังไงซะพวกเขาก็มาจากทะเลโกลาหล พวกเขาคือลูกหลานของซุนเหลียนเชิง”
เย่าหยางคิ้วขมวดเขารู้สึกว่าจางหยูกำลังปั่นหัวพวกเขาอยู่แต่เขาก็ต้องอดทนแล้วพูดขึ้นมา “ มันดูไม่เหมาะ”
“ งั้นรึ ? ทำไมกัน ?” จางหยูยักคิ้วทำท่าราวกับแปลกใจ
“ ลูกหลานของซุนเหลียนเชิงนั้นอ่อนแอเกินไป กล่องกระบี่มีค่าแค่ไหนนั้น หากเจ้าจะให้พวกเขาดูแลมัน ไม่ใช่ว่าเจ้าจะชิงมันมาจากพวกเขาตอนไหนก็ได้รึ ?” เย่าหยางไม่สนใจว่าจางหยูจะไม่เข้าใจจริงๆรึเสแสร้ง เขาได้อธิบายตามคำพูดของ จางหยู จางหยูถามขึ้นมา “ งั้นใครกันที่พวกเจ้าคิดว่าเหมาะที่จะดูแลกล่องกระบี่นี่ ?”
ซื่อเซียวพูดขึ้นโดยไม่ลังเล “ แน่นอนว่าต้องเป็นเรา !”
“ พวกเจ้าน่ะรึ ?”
“ เราคือจักรพรรดิของทะเลโกลาหล เราคือคนของทะเลโกลาหลและแกร่งพอที่จะดูแลกล่องกระบี่ มันเหมาะที่สุดที่จะให้เราดูแลกล่องกระบี่เอาไว้” ซื่อเซียวพูดขึ้น “ ยังไงซะเราก็ต้องระวังความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลเอาไว้”
จางหยูยังยิ้มออกมาดังเดิม เขามองไปที่เย่าหยางและอู่หมิงแล้วพูดขึ้น “ พวกเจ้าคิดเห็นยังไง ?”
เย่าหยางเริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมาแต่ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นยั่วยวนอย่างมาก เขาจึงรวบรวมความกล้าพูดขึ้น “ ข้าคิดเห็นตามที่ซื่อเซียวพูดมา” เมื่อมาก็มาด้วยกัน พวกเขาจึงไม่อาจจะทิ้งกันกลางทางได้ อู่หมิงลังเลนิด ๆแน่นอนว่าเขาอยากรู้ความลับจ้าวแห่งทะเลโกลาหล เขาหวังว่าจะได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าการได้กล่องกระบี่จากจางหยูมานั้นเป็นได้แค่ความฝัน ในอีกความหมายคือหากเขาได้กล่องกระบี่มา แม้ว่าจะใช้จักรพรรดิทั้งหมดมากดดันเขาแต่เขาก็ไม่มีทางยอม !
เขาไม่คิดว่าจักรพรรดิคังเฉียงจะใจดีแบบนั้น เมื่อรู้ว่ากล่องกระบี่มีความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล งั้นก็คงไม่มีทางส่งมันให้กับคนอื่น
แต่….
หากต้องยอมทิ้งโอกาสนี้ไป เขายอมตายจะดีกว่า
เขาเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ ข้าไม่คิดจะบังคับให้เจ้าส่งกล่องกระบี่มาให้ ข้าได้แต่หวัง….”
พูดไปแล้วเขาก็เงียบไปชั่วครู่ “ เจ้าต้องการอะไร ?”จางหยูถามขึ้นมา
“ หากเมื่อสหายคังเฉียงไขความลับของมันออกได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะแบ่งปันมันกับเราบ้าง” ยังไงซะอู่หมิงก็ไม่อาจจะทนต่อความเย้ายวนนี้ได้ เขามองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น “ การที่สหายคังเฉียงนั้นแข็งแกร่งขนาดนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับกล่องกระบี่ แต่เมื่อเจ้ายังไม่อาจจะจัดการกับจักรพรรดิกุยหลิงได้ ข้าจึงคิดว่าเจ้ายังไขความลับทั้งหมดของกล่องกระบี่ไม่ได้ และยังไม่อาจจะขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล หากเจ้าแบ่งปันความลับนี้กับเรา เจ้าอาจจะไขความลับทั้งหมดได้ …” อู่หมิงเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ บางทีเราอาจจะช่วยเจ้าได้” ซื่อเซียวและเย่าหยางคิ้วขมวดแต่หากได้แบ่งปันความลับกับจักรพรรดิคังเฉียง พวกเขาก็ไม่รังเกียจ
แน่นอนว่าหากได้ความลับนี้ไปฝ่ายเดียวก็ถือว่าดีที่สุด
แต่แค่ว่าพวกเขารู้ตัวดีว่าไม่อาจจะเป็นแบบนั้นได้ “ มีความจริงอยู่บ้าง” จางหยูพยักหน้าทำให้ทั้งสามยินดีขึ้นมา
แต่หลังจากนั้นน้ำเสียงของจางหยูก็เปลี่ยนไป “ จ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นมีได้แค่คนเดียว หากทุกคนแบ่งปันความลับนี้ หากสุดท้ายพวกเจ้าได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล งั้นข้าก็ไม่ได้อะไร ไม่ใช่ข้ารึที่ขาดทุน ?”
“ เจ้าจะขาดทุนได้ยังไง ?” ซื่อเซียวกังวลอย่างมาก “ ถึงเจ้าไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล แต่เจ้าก็จะได้ประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างเช่นความแข็งแกร่งของเจ้าอาจจะเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก…นอกจากนี้แล้วเจ้าก็แกร่งกว่าเรามากอยู่แล้ว เจ้าศึกษากล่องกระบี่มานาน หากเราร่วมมือกัน เจ้าก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้ !”
จางหยูพูดขึ้นมา “ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงไม่ใช่รึ ?”
“ แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ?” ซื่อเซียวเริ่มหมดความอดทน “ หากเจ้าบังคับเรา งั้นมันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เราคงต้องเรียกจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลมา ข้าเชื่อว่าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะต้องสนใจความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลเป็นแน่ “
จักรพรรดิทั่วไปไม่อาจจะอยู่ในสายตาจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลได้แต่จ้าวแห่งทะเลโกลาหลยิ่งใหญ่พอๆกับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลต้องสนใจความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลเป็นแน่
เมื่อเย่าหยางได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นทันที “ ใช่ เมื่อไม่อาจจะตัดสินเรื่องนี้ได้ งั้นก็เรียกจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลมา”
อู่หมิงมองไปที่จางหยูโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา
เมื่อได้ยินคำขู่ของซื่อเซียวและเย่าหยาง จางหยูก็แทบหลุดหัวเราะออกมา จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลรึ ?
นั่นก็แค่โชว์จากเขามันคือการทำงานของทะเลบรรพกาล ! “ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า” จางหยูพูดขึ้น “ หากพวกเจ้าไขความลับของกล่องกระบี่ได้ ข้าจะแบ่งปันความลับมันกับพวกเจ้า แต่หากพวกเจ้าทำไมได้ อย่าพูดถึงกล่องกระบี่อีกในอนาคต”
จางหยูพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเย็นชา “ จำไว้ว่านี่คือคำสั่งไม่ได้คิดปรึกษาพวกเจ้า !”
ซื่อเซียวเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดขึ้นมา “ ได้ !”
“ จำที่เจ้าพูดเอาไว้ด้วย” จางหยูมองไปยังทั้งสาม “ หากพวกเจ้ายังมาพูดเรื่องนี้อีก งั้นก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย”
เขาไม่รังเกียจที่จะลองให้พวกนี้ไขความลับของกล่องกระบี่ หากพวกนี้ทำได้จริงๆ เขากลับต้องขอบคุณพวกนี้แทน ยังไงซะ ซุนเหมิงก็โดนขังไว้ในกล่องกระบี่มานานแล้ว เขายังเป็นกังวลนิดๆ หากพวกนี้เสนอตัว งั้นมันก็ไม่เสียหายที่จะให้พวกนี้ลองดู ทันใดนั้นจางหยูก็พลิกฝ่ามือก่อนจะมีกล่องกระบี่ปรากฏขึ้นมา กล่องกระบี่ไม่ได้แผ่พลังผันผวนออกมาแม้แต่น้อยมันราวกับกล่อง
มีแค่ต้องตรวจสอบดูดีๆถึงจะรับรู้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งที่ไหลอยู่ภายใน….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก