ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1980

จางหยูแสดงสีหน้าเย็นชาออกมา อุณหภูมิรอบตัวของเขาก็ลดลงไปจนหนาวถึงกระดูก
  ซื่อเซียวชะงักไปชั่วครู่ ไม่คิดเลยว่าจางหยูที่ยิ้มแย้มมาตลอดกลับเปลี่ยนท่าทีไปเช่นนี้ เขาไม่ทันๆได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
  ซื่อเซียวหน้าแดง เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพอ ในตอนนั้นใจของเขาหล่นวูบ
  ที่นั่นเหมือนกับโดนแช่แข็งเอาไว้
  หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเย่าหยางก็พูดขึ้นมาช้าๆเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบงันนี้ “ ซื่อเซียว หวังแค่จะรีบเปิดมิติของกล่องกระบี่ให้ได้เร็วๆ เขาไม่ได้คิดจะยึดกล่องกระบี่เอาไว้ สหายคังเฉียงอย่าโกรธไปเลย”
  คำพูดนี้เพื่อหาทางออกให้กับซื่อเซียว เพื่อไม่ให้ซื่อเซียวต้องอับอายเกินไป  เมื่อเห็นเย่าหยางพูดขึ้นมา ซื่อเซียวก็มองเย่าหยางด้วยสายตาขอบคุณก่อนจะพูดขึ้น “ ข้าไม่ได้คิดอะไร บางทีข้าอาจจะพูดไม่ชัดเจนพอ สหายคังเฉียงอาจจะเข้าใจผิด ต้องขอโทษด้วย ข้าหวังว่าสหายคังเฉียงจะไม่ใส่ใจ”
  แม้ว่าในใจจะหงุดหงิดอย่างมากแต่เขาก็ได้แต่ต้องให้เกียรติจางหยู เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์5 คนแทนที่จะต้องมาเป็นศัตรูกับจางหยู
  “ ใช่ ใช่ ซื่อเซียวพูดไม่คิด เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เจ้าไม่พอใจ สหายคังเฉียงยกโทษให้เขาด้วย” เย่าหยางพูดขึ้นมา
  ตอนนั้นไม่มีใครกล้าขัดจางหยู คนที่สู้กับจักรพรรดิหลิงได้นั้นหากโจมตีพวกเขาจริงๆแล้วทั้งสามคงไม่อาจจะรับมือไหว
  หากเย่าหยางและเม่ยหมิงไม่สนิทกับซื่อเซียว พวกเขาคงไม่คิดจะเสี่ยงทำให้จางหยูไม่พอใจเพื่อซื่อเซียว
  “ แค่ครั้งนี้เท่านั้น ห้ามมีครั้งหน้าอีก” จางหยูพูดขึ้น “ ข้าไม่อยากได้ยินอะไรแบบนี้อีก”
  หลังจากนั้นไม่นานทั้งสามก็ต้องกลับไปด้วยความอับอาย
  จางหยูมองไปที่กล่องกระบี่ กล่องกระบี่ที่เปล่งแสงออกมาตะกี้ได้กลับไปสงบอีกครั้ง จนทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย “ ให้พวกนั้นใส่พลังจิตเข้าไปจะทำให้เปิดมิติของกล่องกระบี่ได้จริงๆรึ ?”
  ตามเบาะแสที่มีแล้วจ้าวแห่งทะเลโกลาหลน่าจะเป็นบรรพชนของตระกูลซุน มันไม่น่าจะผิด หากจ้าวแห่งทะเลโกลาหลเป็นบรรพชนตระกูลซุนจริงๆ งั้นคนอื่นจะเปิดกล่องกระบี่ได้ยังไง ?
  ต้องบอกว่าฐานะของจักรพรรดิในใจจ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นสูงกว่าตระกูลซุนนั้น จางหยูไม่อาจจะเชื่อได้ ไม่ว่าจักรพรรดิจะแกร่งแค่ไหนแต่ในสายตาของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวกเลย
  จางหยูสังหรณ์ใจกว่าการถ่ายเทพลังจิตเข้าไปแบบนี้อาจจะไม่มีทางเปิดมิติของกล่องกระบี่ได้
  เขาคิดว่าวิธีนี้คงไม่ได้ผล !
  แต่มันก็เป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น จางหยูไม่มั่นใจว่าวิธีนี้จะไม่ได้ผลหรือๆไม่
  ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปฏิเสธทั้งสามคน มันจำเป็นต้องทำการทดสอบ มันถือว่าดีหากเปิดมิติของกล่องกระบี่ได้ หากทำไม่ได้ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร ยังไงซะก็ไม่ใช่ตัวเขาที่ต้องเสียพลังจิตไป
  สักพักจางหยูก็ส่ายหน้าก่อนจะกลับไปทำสมาธิอีกครั้ง
  ….
  “ เจ้าบัดซบนั่น !” ในบรรพกาลแห่งหนึ่ง บรรพกาลกลับสั่นไหวพร้อมกับพายุที่ก่อตัวขึ้นมา
  หลังจากที่ระบายความโกรธได้สักพัก ซื่อเซียวก็ใจเย็นลงเล็กน้อย
  เย่าหยางมองไปที่ซื่อเซียว “ เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว ทำไมเจ้าต้องไปขอเขาอีก ?”   เม่ยหมิงเห็นด้วย “ โชคดีที่เขายังไว้หน้าเรา ไม่งั้นแล้วเราคงไม่มีโอกาสที่จะได้ทดสอบต่อ”
  เมื่อได้ยินแบบนั้นซื่อเซียวก็มองไปที่เย่าหยางและเม่ยหมิงด้วยท่าทีไม่พอใจ “ พวกเจ้าโทษข้ารึ ?”
  “ ข้าแค่พูด” เย่าหยางพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “ ยังไงซะเราก็ลองเปิดมิติของกล่องกระบี่ตอนไหนก็ได้ ทำไมเราต้องเก็บกล่องกระบี่นั้นไว้กับตัวด้วย ? ยิ่งไปกว่านั้นคังเฉียงก็ไม่ได้โง่ เขาจะให้เราดูแลกล่องกระบี่ได้ยังไง ? ในอีกความหมายคือหากเจ้าแข็งแกร่งเพียงพอ เจ้าจะยอมมอบกล่องกระบี่ให้คนอื่นดูแลรึ ?”
  เม่ยหมิงพูดขึ้นมา “ หากกล่องกระบี่อยู่ในมือเรา เอาจริงๆแล้วข้าก็ไม่อาจจะรับรองได้ว่าข้าจะไม่ยึดมันไว้เพียงลำพังและนำมันกลับไปยังทะเลโกลาหล”
  แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจจะเดินทางไปทะเลโกลาหลกับทะเลบรรพกาลได้อย่างอิสระ แต่จิตของพวกเขาก็ยังเชื่อมต่อกับเขตของพวกเขาอยู่ พวกเขากลับไปยังเขตตัวเองตอนไหนก็ได้ที่ต้องการ
  นอกซะจากว่าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลเข้ามายุ่งและผนึกทะเลบรรพกาลเอาไว้
  “ ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะต้องเก็บกล่องกระบี่เอาไว้…” เสียงของซื่อเซียวเริ่มเบาลงแต่เขาก็ยังยืนกรานดังเดิม “ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการเช่นนั้น แต่เขาปฏิเสธก็พอแล้ว ทำไมเขาต้องหยามหน้าข้าด้วย !”
  หากไม่ใช่เพราะเย่าหยางพูดช่วยแล้วเขาอาจจะเสียหน้าจริงๆ
  “ พอเถอะ พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์” เม่ยหมิงพูดขึ้นมา “ ตอนนี้เราควรใช้เวลาในการฟื้นฟูพลังจิต เจ้าไม่อยากเปิดมิติของกล่องกระบี่ได้เร็วๆรึ ?”
  เมื่อได้ยินแบบนั้น ซื่อเซียวก็หยุดโวยวาย การเปิดมิติกล่องกระบี่และไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลสำคัญกว่าเรื่องอื่น แม้แต่การแข่งขันเอาก้อนแก่นก็ไม่ได้สำคัญเท่า
  ….
  ในพริบตาก็ผ่านไปอีกล้านปีในทะเลโกลาหล
  ทะเลบรรพกาลได้ผ่านไปกว่าแสนล้านปี
  ภายใต้เวลาที่มากแบบนี้นี้ศิษย์และอาจารย์ต่างก็ขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดกันหมด !
  แต่ละคนทัดเทียมกับเรนไนรวมถึงบลูและล็อคของเผ่าสวรรค์ด้วย
  บางทีถึงพวกเขายังขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ แต่ระดับการบ่มเพาะก็มาถึงขีดจำกัด พวกเขาไม่อาจจะพัฒนาตัวเองต่อได้
  ระหว่างนี้ซื่อเซียว , เย่าหยาง, อู่หมิง,หว่านเก่อ และเรนไนได้มาพบจางหยู 3 ครั้ง แต่ละครั้งพวกนี้ต่างก็ใช้พลังจิตจนหมดแต่ทุกครั้งก็ไม่อาจจะมีวี่แววว่ามิติของกล่องกระบี่จะเปิดออก มันมีแค่รอยแยกเล็กๆของกล่องกระบี่ที่แง้มออก รอยแยกเล็กๆนี้หายไปในพริบตาก่อนที่กล่องกระบี่จะกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
  กล่องกระบี่ที่เหมือนกำลังพัฒนากลับเป็นสภาพเดิมของมัน
  การเปลี่ยนแปลงของกล่องกระบี่นี้ทำให้ซื่อเซียวและคนอื่นๆเห็นความหวังกับการเปิดมิติของกล่องกระบี่ อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่เสียแรงเปล่า
  แทนที่จะสลด แต่พวกเขากลับมั่นใจมากกว่าเก่า ….
  พวกเขาเชื่อว่าหากมีพลังจิตที่มากพอ มิติของกล่องกระบี่ก็จะเปิดได้ในสักวัน
  แต่จางหยูไม่ได้บอกสิ่งที่เขาคิดกับพวกนี้ เขาพอใจกับผลงานของพวกนี้ แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ชัดเจนว่าการฉีดพลังจิตเข้าไปนั้นจะเปิดมิติของกล่องกระบี่ได้รึไม่ แต่แน่นอนว่าพลังจิตที่พวกนี้ใส่เข้าไปนั้นทำให้กล่องกระบี่ฟื้นตัวกลับมา มันราวกับผ่านการยกระดับซึ่งเป็นผลดีต่อตัวกล่องกระบี่เอง
  บางทีการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะส่งผลดีต่อซุนเหมิงที่อยู่ด้านในก็ได้
  “ แรงงานพวกนี้ดีจริงๆ ข้าหวังว่าพวกเขาจะขยันกันแบบนี้ตลอด” จางหยูอยากให้ใบประกาศกับพวกนี้จริงๆ
  …..
  เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
  ในพริบตาก็ผ่านไปอีกล้านปี
  มันเหลืออีก 1 เดือนก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น !
  ในวันนั้นจางหยูกลับลุกขึ้นยืนและแสดงสีหน้าดีใจออกมา
  เขามองทะลุบรรพกาลออกไปราวกับมองไปยังจุดสิ้นสุดของทะเลบรรพกาล
  มันมีบรรพกาลอีก 800,000 แห่ง แต่ละแห่งนั้นมีจ้าวบรรพกาลที่หน้าตาเหมือนกับจางหยู แม้แต่คลื่นพลังก็ยังเหมือนกับจางหยู
  ตอนนั้นร่างแยกทั้งแปดแสนร่างนี้ราวกับรับรู้ได้ถึงบางอย่างและพากันลุกขึ้นยืน  “ สุดท้ายก็ได้ผล !” จางหยูหายตัวไป วินาทีต่อมาเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นในทะเลบรรพกาล การรับรู้ของเขาแผ่ไปทั่วร่างแยกทั้งหมดแล้วยิ้มออกมากว้างกว่าเก่า “ แม่ทัพสูงสุด !”
  ตะกี้นี้ร่างแยกร่างสุดท้ายนั้นได้ขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดแล้ว !
  แม่ทัพสูงสุดกว่าแปดแสนคน !
  แม้ว่าซื่อเซียวและจักรพรรดิคนอื่นเจอกับฉากนี้ พวกนั้นต้องแสดงท่าทีตะลึงออกมาแน่ นี่คือกองทัพแม่ทัพสูงสุด
  “ ร่างหลัก” จางลู่และร่างแยกอื่นๆได้โผล่มาข้างๆจางหยู ก่อนที่จางลู่จะพูดขึ้น “ ตามที่เราตกลงกันไว้ ภารกิจเราเสร็จสิ้นแล้วสินะ ?”
  จางหยูให้พวกนี้บ่มเพาะร่างแยก แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำให้ร่างแยกเหล่านี้ขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดได้หมด
  จางหยูถึงกับคิดว่าจะให้ร่างแยกเหล่านี้เข้าร่วมการแข่งขันชิงก้อนแก่นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก