ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 1998

เมื่อเห็นท่าทีเยือกเย็นของเหล่ามนุษย์ บลูก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ
  ทำไมพวกนี้ถึงมั่นใจว่าจะหยุดเขาได้ ?
  พวกนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ?
  มันจึงทำให้บลูระวังตัวขึ้นและพุ่งออกไป เพราะเขาไม่อยากที่จะเสี่ยง
  ซิงฮัวสูดหายใจเข้าลึกแล้วก้าวออกไป ตอนนั้นพลังของแม่ทัพขั้นสูงได้แผ่ออกมาอย่างช้าๆ
  ในฐานะแม่ทัพที่แกร่งที่สุดในทีม นางต้องเป็นแนวหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับบลู เพื่อให้ทีมคังเฉียงแสดงความสามารถออกมาได้บ้าง ไม่งั้นแล้วแม้ว่าจะหยุดบลูเอาไว้ได้ แต่ก็ต้องเสียหายอย่างมาก
  แต่ตอนที่ซิงฮัวกำลังจะโจมตีนั้น จางลู่กลับกดไหล่ของนางเอาไว้
  ซิงฮัวตัวสั่น นางหยุดและหันกลับไปมอง
ตอนที่ 1998 : แค่นี้รึ ?
  เมื่อเห็นท่าทีเยือกเย็นของเหล่ามนุษย์ บลูก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ
  ทำไมพวกนี้ถึงมั่นใจว่าจะหยุดเขาได้ ?
  พวกนี้เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน ?
  มันจึงทำให้บลูระวังตัวขึ้นและพุ่งออกไป เพราะเขาไม่อยากที่จะเสี่ยง
  ซิงฮัวสูดหายใจเข้าลึกแล้วก้าวออกไป ตอนนั้นพลังของแม่ทัพขั้นสูงได้แผ่ออกมาอย่างช้าๆ
  ในฐานะแม่ทัพที่แกร่งที่สุดในทีม นางต้องเป็นแนวหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับบลู เพื่อให้ทีมคังเฉียงแสดงความสามารถออกมาได้บ้าง ไม่งั้นแล้วแม้ว่าจะหยุดบลูเอาไว้ได้ แต่ก็ต้องเสียหายอย่างมาก
  แต่ตอนที่ซิงฮัวกำลังจะโจมตีนั้น จางลู่กลับกดไหล่ของนางเอาไว้
  ซิงฮัวตัวสั่น นางหยุดและหันกลับไปมองจางลู่ทันที แต่ก่อนที่นางจะได้หันกลับไปนั้น นางก็รู้สึกได้ถึงพลังจากไหล่ที่ดึงนางให้ถอยกลับไป
  “ เรื่องสู้ปล่อยให้เราจัดการเอง” จางลู่ยิ้มออกมา “ พวกเจ้าคอยอยู่ด้านหลังและดูการต่อสู้เพื่อจะได้ไม่บาดเจ็บ”
  ทันทีที่เขาพูดจบ ไม่ใช่แค่ซิงฮัวที่อึ้งไปแต่แม่ทัพคนอื่นๆรอบตัวนางก็อึ้งไปตามเช่นกัน
  “ ท่านจางลู่” ซิงฮัวรีบพูดขึ้นมา “ ความแข็งแกร่งของบลูนั้นไม่อาจจะประมาทได้ หากข้าไม่ลงมือ แม้ว่าทีมคังเฉียงจะจัดการเขาได้แต่ก็ต้องเสียหายอย่างมาก…”
  แม่ทัพของเขตเย่าหยางพากันพยักหน้า พวกไม่กล้าจะดูหมิ่นจางลู่ แต่ในนาทีวิกฤตเช่นนี้ เมื่อเห็นว่าจางลู่ทำตัวราวกับคนโง่ พวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
  คิดจะสวมบทวีรบุรุษรึไง ?
  จักรพรรดิคังเฉียงเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้เลยรึ ?
  ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะไม่พอใจ ยังไงซะในสายตาของพวกเขาแล้ว คนของทีมคังเฉียงนั้นเพิ่งจะขึ้นมาเป็นแม่ทัพ
  “ ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร” จางลู่ยิ้มออกมาและโบกมือ “ แม่ทัพสูงสุดแค่คนเดียวไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร”
  เมื่อได้ยินแบบนั้น ซิงฮัวก็คิ้วขมวด ตอนนี้นางรู้สึกแย่กับจางลู่ยิ่งกว่าเก่า
  แม่ทัพจากเขตเย่าหยางพากันสีหน้าบิดเบี้ยวไปทันที
  หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้นมา “ ท่านจางลู่ ท่านควรคิดให้ดีๆ หากเราไม่ลงมือ คนของทีมคังเฉียงอาจจะบาดเจ็บรึล้มตายได้ ท่านมั่นใจรึว่าจะทำแบบนี้จริงๆ ?”
  จางลู่ยังคงยิ้มออกมา “ ขอบคุณสำหรับความหวังดีแต่ไม่จำเป็นหรอก”
  มันมีแม่ทัพสูงสุดกับเขากว่าสามร้อยคน หากพวกเขาสู้กับแม่ทัพสูงสุดเพียงคนเดียวไม่ได้ งั้นมันจะไม่หน้าอายรึไง ?
  ช่วยรึ ?
  ใครที่ช่วยใครกันแน่ ?
  ซิงฮัวโกรธนิดๆแต่นางไม่กล้าแสดงท่าทีออกมา นางสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น “ เมื่อท่านจางลู่ตัดสินใจเช่นนี้ งั้นข้าจะฟังคำพูดของท่าน”
  หลังจากที่พูดจบ ซิงฮัวก็ได้ถอยกลับไปเพื่อจะได้ไม่หงุดหงิดไปมากกว่านี้
  ในเวลาเดียวกันนางก็บอกกับแม่ทัพคนอื่นๆด้านหลัง “ ไม่ต้องห่วงพวกเขา พวกเขาตัดสินใจเอง หากมีอะไรเกิดขึ้น มันก็เป็นเพราะพวกเขาเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา”
  นางคิดว่านางทำถูกแล้ว หากนางพูดเรื่องนี้ต่อ มันก็มีแต่จะทำให้นางดูไร้ค่ามากกว่าเก่า
  “ ข้าอยากเห็นว่าท่านจะจัดการกับบลูยังไง” ซิงฮัวทำราวกับไม่สนใจแต่ก็ยังแอบมองดูการต่อสู้อยู่ดี  นางเองก็มีเกียรติของตัวเอง หลังจากที่โดนปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า นางก็ยอมแพ้ที่จะกล่อมพวกนี้ต่อ
  ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ความผิดของนาง จักรพรรดิไม่อาจจะโทษนางได้
  ที่ทะเลบรรพกาล…..
  “ นี่…” ซื่อเซียวมองไปที่จางหยู “ สหายคังเฉียง เจ้า…มั่นใจเกินไปรึไม่ ?”
  จางหยูพูดด้วยท่าทีเฉยเมย “ มั่นใจเกินไปรึ ? ไม่ ข้าคิดว่าพวกเขาทำได้ดีแล้ว ! การจัดการกับแม่ทัพสูงสุดแค่คนเดียวนั้นไม่จำเป็นต้องให้เด็กสาวนั่นลงมือหรอก”
  เมื่อได้ยินแบบนั้น ซื่อเซียวและคนอื่นๆก็พากันชะงักไป พวกเขารู้สึกว่าจางหยูนั้นเหมือนจะหลงตัวเองยิ่งกว่าร่างแยกเสียอีก
  “ สำหรับเราแล้วแม่ทัพสูงสุดนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรก็จริง แต่อย่าลืมว่าเขาเป็นร่างแยกของเจ้า คนในทีมคังเฉียงเองก็เป็นศิษย์และอาจารย์ในสำนักของเจ้า” เย่าหยางคิ้วขมวด “ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่ทัพ แม้ว่าจะมีจำนวนมากกว่าแต่ก็อาจจะหยุดบลูไม่ได้ ?”
  จางหยูยิ้มรับ “ ดูต่อไปแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง”
  หมายความว่ายังไงกัน ?
  ซื่อเซียวและคนอื่นๆไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู มันมีความหมายอะไรพิเศษในคำพูดนี้กัน ?
  ที่เขตต้นกำเนิด…
  ตรงหน้าช่องทางสู่เขตดูจี
  เมื่อเห็นว่าซิงฮัวถอยกลับ บลูก็ต้องแปลกใจ เขาไม่รู้ความแข็งแกร่งของจางลู่และคนอื่นๆ แต่เขารู้ความแข็งแกร่งของ ซิงฮัว
  แม้ว่าซิงฮัวจะไม่ใช่แม่ทัพสูงสุดแต่ความแข็งแกร่งก็เกือบใกล้เคียงกัน นางอาจจะขึ้นเป็นแม่ทัพสูงสุดตอนไหนก็ได้
  บอกได้ว่าคนที่บลูกลัวที่สุดคือจางลู่, เจ้าสำนักและซิงฮัว
  และเมื่อซิงฮัวถอยกลับไป บลูก็โล่งอกแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมซิงฮัวถึงถอยกลับไปแต่ชัดแล้วว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
  “ นอกซะจากว่าพวกเจ้าทั้งสองจะเป็นแม่ทัพสูงสุด งั้นหากคิดจะหยุดข้าไว้ก็ได้แต่ฝันเท่านั้นแหละ” บลูเริ่มรวบรวมสติตัวเอง
  อันที่จริงแม้ว่าจางลู่และเจ้าสำนักจะเป็นแม่ทัพสูงสุด แต่เขาก็มั่นใจว่าจะหนีไปได้
  แม้ว่าจะสู้ไม่ได้แต่ก็ยังหนีได้ แม้ว่าจะหนีกลับไปไม่ได้แต่ก็แค่เข้าไปยังมิติภายนอก
  แม้ว่ามิติภายนอกของเขตต้นกำเนิดนั้นจะใหญ่กว่ามิติภายนอกของเขตทั้งเก้า แต่เขาก็เชื่อว่าจักรพรรดิของเผ่าสวรรค์จะช่วยเขาอย่างแน่นอน !
  หนึ่งคือเขามีบทบาทสำคัญต่อเผ่าสวรรค์ สองคือลูกปัดจิตทั้งหมดอยู่กับเขา จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ต้องออกไปช่วยเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อจะเอาลูกปัดจิตทั้งหมด
  นี่คือความมั่นใจของเขา !
  เมื่อเห็นทีมคังเฉียงที่รายล้อมเขาเอาไว้บลูก็เผยรอยยิ้มออกมา “ เมื่อพวกเจ้าคิดจะจัดการกับข้า งั้นพวกเจ้าก็น่าจะเตรียมใจที่จะโดนข้าฆ่าสินะ ?”
  เมื่อพูดจบ บลูก็ตัวสั่นและแผ่พลังอันน่ากลัวออกมา ร่างของเขาลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีดำราวกับราชาปีศาจที่น่ากลัว
  ต่อมาบลูก็ได้กำหมัด พลังจิตอันน่ากลัวได้ระเบิดออกมาจนทำให้พลังจิตโดยรอบถูกดึงเข้ามาสร้างแรงกดดันที่น่าตกใจ
  ตรงหน้าบลูนั้นมีแสงปรากฏขึ้นแผ่กระจายครอบคลุมร่างของคนจากทีมคังเฉียงหลายสิบคนในพริบตาเดียว คนแรกที่โดนแสงนี้คือหยวนเทียนจี
  เขาไม่ลืมว่าหยวนเทียนจีนั้นหาเรื่องเขาโดยการถามเขาว่าเขาจะฆ่าพวกนี้ยังไง
  ตอนนี้เขาจะแสดงให้ดู !
  “ ข้าจะฆ่าคนของเจ้าก่อนแล้วดูว่าเจ้าจะหัวเราะได้อีกรึไม่ …” รอยยิ้มของบลูดูชั่วร้ายยิ่งกว่าเก่า เขาพอใจกับการฆ่ามนุษย์ ยิ่งเขาได้ยินเสียงกรีดร้องและโอดครวญมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
  แต่ตอนที่แสงสลายไปนั้น รอยยิ้มของบลูก็แข็งทื่อไป
  ฉากนองเลือดที่เขาคิดไว้ไม่ได้เกิดขึ้น เสียงกรีดร้องและโอดครวญไม่ดังขึ้นมา สมาชิกทีมคังเฉียงทุกคนรวมถึงจางลู่, เจ้าสำนักและคนอื่นๆยังแสดงท่าทีเยือกเย็นราวกับว่ามองดูตัวตลกอยู่
  เขาเพิ่งจะใช้พลังไปครึ่งหนึ่งแต่เหมือนกับแค่เป็นการไปสะกิดพวกนี้ก็เท่านั้น มันไม่อาจจะทำอะไรได้เลย
  “ แค่นี้รึ ?” หยวนเทียนจีมองไปที่บลูด้วยสีหน้าแปลกใจ “ แม่ทัพสูงสุดมีพลังแค่นี้เองรึ ?”
  คนอื่นๆด้านหลังอย่างซิงฮัวและแม่ทัพคนอื่นๆที่กังวลอย่างมาต้องพากันตะลึง
  ซิงฮัวอ้าปากค้างและแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ ตะกี้นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”   บลูเองก็อึ้ง เขาไม่อาจจะเชื่อได้ ชัดแล้วว่าเขาโจมตีพวกนี้โดนแต่ทำไมพวกนี้ถึงไม่ได้เป็นอะไรเลย ?
  ต้องรู้ก่อนว่าเขาเป็นแม่ทัพสูงสุด !
  แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พลังออกมาเต็มที่ แม้ว่าการโจมตีนี้จะธรรมดาแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่แม่ทัพทั่วไปจะรับมือไหว แม้แต่แม่ทัพขั้นสูงอย่างซิงฮัวก็ไม่กล้าจะประมาทการโจมตีนี้ !
  แต่ตอนนี้….การโจมตีของเขากลับไม่อาจจะทำอะไรได้เลย !
  เขาเป็นแม่ทัพสูงสุดที่จัดการกับแม่ทัพหน้าใหม่มามากมาย แต่ครั้งนี้กลับทำลายการป้องกันของพวกนี้ไม่ได้เลย !
  ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย !
  ใครจะเชื่อได้ ?
  คนของทีมคังเฉียงมองดูเขาราวกับมองดูคนโง่ สายตาของพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะรับได้ !
  สายตาเหยียดหยาม !   พวกนี้เหยียดหยามเขาอยู่ !
  …ที่ทะเลบรรพกาล
  “ เจ้าทำเกราะโกลาหลให้พวกเขารึ ?” ซื่อเซียวและคนอื่นๆเองก็ผงะแต่ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ เกราะโกลาหลขั้นสมบูรณ์ การโจมตีระดับนี้มีแค่เกราะโกลาหลขั้นสมบูรณ์เท่านั้นที่จะรับไหว”
  เย่าหยางอึ้งและสูดหายใจเข้าลึกๆ “ เกราะโกลาหลขั้นสมบูรณ์มากแบบนี้….”
  ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาสามารถสร้างสมบัติโกลาหลขั้นสมบูรณ์ขึ้นมาได้ง่ายๆแต่เพื่อจะทำให้มันมีพลังเพียงพอ มันต้องสั่งสมพลังอยู่นาน ยิ่งสั่งสมพลังนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเหนือกว่าสมบัติขั้นสมบูรณ์ชิ้นอื่นๆ มันเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้ยกสมบัติขั้นสมบูรณ์ให้กับแม่ทัพทั่วไป มันจะดีกว่าที่จะสร้างแม่ทัพเพิ่มขึ้นไม่ก็ให้พวกนั้นพัฒนาตัวเองแทน
  ซื่อเซียวนึกถึงความเป็นไปได้หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย “เจ้าสร้างเกราะขั้นสมบูรณ์ให้กับทุกคนในทีมคังเฉียงเลยรึ ?”
  ว่างแค่ไหนกันถึงจะมีเวลาเพื่อสร้างเกราะมากมายแบบนี้ได้ ?
  มันดูเกินจริงไปหน่อย !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก