ตอนที่ 2006 : ปล้น
“ จักรพรรดิ !” เวลไม่ได้ยินเสียงข่งจู้อยู่นานก็เริ่มลนลาน
ข่งจู้พูดขึ้น “ หาทางหนีเอง ”
เวลยังไม่ทันได้ตอบกลับ ข่งจู้ก็ได้ปิดภาพฉายในเขตต้นกำเนิดคิดจะดูอีก
ข่งจู้หันกลับไปบอกกับหย่วนเหยี่ยน “ เจ้าติดต่อกับล็อค อย่าให้เขามาทางออกเขตข่งจู้เป็นอันขาด”
หย่วนเหยี่ยนพยักหน้าและรีบติดต่อหาล็อคทันที
หลังจากที่สั่งการแล้ว ข่งจู้ก็มองไปที่บลูด้วยสีหน้าซับซ้อน เพราะเขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง
ตอนนี้สุดท้ายพวกเขาก็เชื่อสิ่งที่บลูพูดมา สุดท้ายพวกเขาก็รู้ว่าทำไมบลูถึงบาดเจ็บหนักแบบนี้ได้
หากรอดกลับมาได้ก็ถือว่าดีแล้ว….
ตอนที่ 2006 : ปล้น
“ จักรพรรดิ !” เวลไม่ได้ยินเสียงข่งจู้อยู่นานก็เริ่มลนลาน
ข่งจู้พูดขึ้น “ หาทางหนีเอง ”
เวลยังไม่ทันได้ตอบกลับ ข่งจู้ก็ได้ปิดภาพฉายในเขตต้นกำเนิดคิดจะดูอีก
ข่งจู้หันกลับไปบอกกับหย่วนเหยี่ยน “ เจ้าติดต่อกับล็อค อย่าให้เขามาทางออกเขตข่งจู้เป็นอันขาด”
หย่วนเหยี่ยนพยักหน้าและรีบติดต่อหาล็อคทันที
หลังจากที่สั่งการแล้ว ข่งจู้ก็มองไปที่บลูด้วยสีหน้าซับซ้อน เพราะเขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง
ตอนนี้สุดท้ายพวกเขาก็เชื่อสิ่งที่บลูพูดมา สุดท้ายพวกเขาก็รู้ว่าทำไมบลูถึงบาดเจ็บหนักแบบนี้ได้
หากรอดกลับมาได้ก็ถือว่าดีแล้ว…. แต่ข่งจู้ยังคงสงสัยในใจ “ ทำไมพวกนั้นถึงได้ปล่อยเจ้ามา ?”
บลูได้ตอบกลับ “ พวกเขารับปากว่าตราบใดที่ข้าให้ลูกปัดจิตกับพวกเขา พวกเขาก็จะปล่อยข้ามา”
“ พวกเขาใจดีแบบนั้นเลยรึ ?” ข่งจู้สงสัย
หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาแล้ว เพื่อจะได้ลูกปัดจิตมา พวกเขาอาจจะรับปากแบบนั้นแต่หลังจากที่ได้มันมาแล้ว พวกเขาจะไม่มีทางทำตามที่รับปากเอาไว้แน่นอน
บลูยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ พวกนั้นไม่ได้ใจดี แต่แค่มันไม่ได้มีค่าในสายตาพวกเขาต่างหาก ”
หลังจากที่เงียบไปสักพัก บลูก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้นต่อ “ แม่ทัพสูงสุดกว่า 300 คน แม้ว่าจะปล่อยข้ามาแต่จะส่งผลอะไรกับพวกเขากัน ?”
แม่ทัพแค่ 1-2 คนจะเปลี่ยนสถานการณ์โดยรวมได้รึ ?
ต่อหน้าแม่ทัพสูงสุดกว่า 300 คนแล้ว แม้ว่าแม่ทัพเผ่าสวรรค์ทั้งหมดมารวมกันแต่อีกฝ่ายก็กำจัดได้อย่างง่ายดาย
นอกซะจากว่าจักรพรรดิเผ่าสวรรค์จะลงมือเองแล้ว งั้นก็ไม่อาจจะกำจัดแม่ทัพสูงสุดเหล่านี้ได้แน่ !
เมื่อได้ยินคำพูดของบลู เหล่าจักรพรรดิต่างก็พากันเงียบไปอีกครั้ง พวกเขาต่างก็พากันสลด
แม่ทัพสูงสุดเกือบ 300 คนอาจจะไม่ได้เป็นภัยต่อจักรพรรดิแต่จ้าวโกลาหลทั่วไปล่ะ ?
ต้องรู้ก่อนว่าพวกเขาคือผู้นำของเผ่าสวรรค์ จักรพรรดิไม่อาจจะลงมือกับจ้าวโกลาหลทั่วไปโดยไร้เหตุผลได้
ยิ่งไปกว่านั้นแล้วมันยังมีจักรพรรดิอีกสี่คนของฝั่งมนุษย์ที่แกร่งไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย ที่น่ากลัวกว่านั้นคือจักรพรรดิคังเฉียงหากจักรพรรดิคังเฉียงลงมือทำบางอย่าง งั้นกลัวว่ามันอาจจะสร้างหายนะกับเผ่าสวรรค์ก็ได้
ตัวตนของแม่ทัพสูงสุดกว่า 300 คนจากทีมนั้นบอกได้ว่าได้พังสมดุลของฝ่ายมนุษย์และเผ่าสวรรค์ไปแล้ว
“ ช่างเถอะ หากพวกเขาทำเกินไป มันจะเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกคนเอง” ข่งจู้ถอนหายใจออกมา สายตาของเขาแสดงความเย็นชาออกมา“ หากมีปัญหาขึ้นมาเราก็แค่ต้องปลุกจักรพรรดิกุลหลิงขึ้น
ตราบใดที่จักรพรรดิกุยหลิงปรากฏตัว ทุกคนก็จะต้องตาย
ครั้งที่แล้วจักรพรรดิคังเฉียงแค่โชคดี แต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาจะโชคดีแบบนี้ทุกครั้ง
….
ที่เขตต้นกำเนิด…..
เมื่อได้ยินที่ข่งจู้บอกมา เวลก็ต้องอึ้ง จักรพรรดิทิ้งพวกเขารึ ?
ทิ้งพวกเขาให้หนีเอาตัวรอดเองงั้นรึ ?
แต่…การเผชิญหน้ากับแม่ทัพกว่า 300 คนนี้พวกเขาจะหนีไปที่ไหนรอด ?
“ เอาล่ะ ถึงกำหนดเวลาแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าต้องตัดสินใจแล้ว “ ตอนนั้นจางลู่ก็ได้พูดขึ้นมาช้าๆ “ ใน 3 อึดใจ บอกตัวเลือกของพวกเจ้าออกมา การเงียบถือว่าเป็นการเลือกความตาย เริ่มนับเวลาได้”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่ว จนทำให้เหล่าแม่ทัพเผ่าสวรรค์พากันลนลาน
แรงกดดันอันหนักหน่วงกดทับพวกนั้นเอาไว้
แม้ว่าพวกนี้จะไม่เชื่อว่าจางลู่จะปล่อยพวกนี้ไปจริงๆ แต่เพื่อที่จะรอด พวกนี้ก็ยังต้องตัดสินใจเลือกด้วยตัวเอง
“ ข้าตกลง” แม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นมา “ข้าตกลงจะส่งสมบัติทั้งหมดให้เจ้า !”
เมื่อมีคนแรกก็ต้องมีคนที่สอง จากนั้นไม่กี่อึดใจก็มีแม่ทัพกว่าสิบคนที่พูดขึ้นมา ทุกคนต่างก็เอาแหวนมิติที่มีสมบัติ, ลูกปัดดั้งเดิม, อาวุธ, เกราะและหินอื่นๆของตัวเองออกมา
สมบัติทุกแบบลอยอยู่ในเขตต้นกำเนิด ฉากนี้ดูวุ่นวายอย่างมาก
เวลเองก็เอาสมบัติที่หาเก็บมานานหลายพันล้านปีออกมา
ทุกคนต่างก็พากันกังวล, ลนลานและกลัว พวกเขาต่างก็หวังพึ่งโชค
พวกได้แต่เสี่ยงว่าทีมคังเฉียงจะทำตามที่รับปากเอาไว้
ฐานะของ จางลู่ คือร่างแยกของจักรพรรดิคังเฉียง เขาไม่น่าจะหลอกแม่ทัพไม่ใช่รึไง ?
“ ยังไม่พอ “ จางลู่ กวาดตามองไปยังเหล่าแม่ทัพ
เวลใจหล่นวูบ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ เราเอาสมบัติทั้งหมดออกมาแล้ว หากยังบอกว่ามันไม่พอ เราก็ไม่อาจจะทำอะไรได้แล้ว”
ทุกคนต่างก็ใจสั่น หากจางลู่และคนอื่นๆลงมือกันจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจจะต้านทานรึหลบได้แต่พวกเราคงชิงเอาแหวนมิติกลับมาได้ พวกเขายอมทำลายมันแทนที่จะให้คนอื่นได้มันไป
“ อย่าลืมสิ่งที่พวกเจ้าใส่กันอยู่” จางลู่พูดขึ้นมาช้าๆ
เหล่าแม่ทัพเผ่าสวรรค์ต่างก็สีหน้าบิดเบี้ยวไป พวกเขาแทบกระอักเลือด นี่คือจะบีบเลือดบีบเนื้อเอาทุกอย่างเลยรึ ?
ขี้งกจริงๆ !
แม้แต่เกราะที่พวกเขาใส่กันอยู่ก็ไม่เว้น !
แต่ต่อหน้าแม่ทัพสูงสุดกว่า 300 คนแล้ว เวลและคนอื่นๆไม่กล้าจะต่อต้านและต้องทำตาม
ไม่นานทุกคนก็ได้เอาเกราะออกมาและเสนอให้กับจางลู่พร้อมกับแหวนมิติ
จางลู่ยิ้มออกมาอย่างพอใจ “ เจ้าไปได้ ” “ ผู้อาวุโส ” ซิงฮัวกังวลนิดๆ “ อย่าให้เสือกลับป่าจะดีกว่า”
“ เสือรึ ?” จางลู่ยิ้มออกมา “ เจ้าเห็นพวกเขาเป็นเสือรึ ?”
ต่อหน้าทีมคังเฉียงแล้ว เวลและคนอื่นๆต่างจากมดตรงไหนกัน ?
ยิ่งไปกว่านั้นการปล่อยพวกนี้ไปไม่ได้หมายความว่าครั้งหน้าจะต้องปล่อยไปด้วย ตราบใดที่ทีมคังเฉียงตั้งใจก็สามารถจัดการเผ่าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญที่สุดคือจางลู่คิดจะหาเรื่องแม่ทัพเผ่าสวรรค์ เพราะกลัวว่าพวกนั้นจะโกรธ
มันยังไม่ถึงเวลาที่จะฉีกหน้าเผ่าสวรรค์ อย่างน้อยก่อนที่จางหยูจะหาช่องโหว่เรื่องการทำลายล้างของทะเลโกลาหลและทางที่จะจัดการกับจักรพรรดิกุยหลิงได้แล้ว เขาก็ไม่คิดจะฉีกหน้าเผ่สวรรค์เพื่อกันไม่ให้พวกนี้ตื่นตูมไปก่อน เมื่อเห็นซิงฮัวและคนอื่นๆไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป เวลและคนอื่นๆก็อยากจะฉีกพวกนี้เป็นชิ้นๆแต่จางลู่ทำตามที่รับปากเอาไว้ และปล่อยพวกเขาไปดังเดิม พวกเขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ รีบไปซะตอนที่ข้ายังไม่เปลี่ยนใจ” จางลู่พูดขึ้นมา
เวลและพวกพากันตัวสั่นและไม่กล้าลังเล พวกเขารีบเดินทางออกไปโดยเร็วที่สุด
ในพริบตาพวกเขาก็ได้ออกจากเขตต้นกำเนิดไปยังเขตข่งจู้
เมื่อกลับมายังเขตข่งจู้ ทุกคนพากันเผยสีหน้าโล่งอกออกมากับการที่มีชีวิตรอด ในใจพวกเขายังเต็มไปด้วยความกลัว
ทุกคนพากันหอบหายใจ
“ พวกนั้นปล่อยพวกเจ้ามาจริงๆรึ ?” เสียงของข่งจู้ดังขึ้น
เวลและพวกพากันตัวสั่น พวกเขาเงยหน้าขึ้นและพบกับข่งจู้ที่ลอยอยู่ในอากาศมองดูพวกเขาอยู่
“ จักรพรรดิ !” เหล่าแม่ทัพพากันทำความเคารพทันที
ข่งจู้พูดขึ้นมาด้วยท่าทีสนใจ “ บอกข้ามาว่าพวกเจ้าหนีมาได้ยังไง ?”
หนี ?
เวลยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนจะส่ายหน้า “ ข้าได้ส่งสมบัติทั้งหมดที่มีรวมถึงลูกปัดดั้งเดิม, เกราะโกลาหลและของอื่นๆเพื่อแลกกับชีวิต เอาจริงๆแล้วทีมคังเฉียงนั้นปล้นเรา มันเพราะความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงนั้นสูงเกินไป เราจึงไม่อาจจะต่อต้านได้เลย”
“ ง่ายขนาดนั้นเลยรึ ?” ข่งจู้แปลกใจนิดๆ “ พวกเขาไม่คิดจะทำอะไรอย่างอื่นเลยรึ ?”
เวลส่ายหน้า “ บางทีในสายตาพวกเขาแล้วเราไม่ได้มีค่าอะไรเลย พวกเขาฆ่าเราตอนไหนก็ได้ที่ต้องการ”
แม้ว่าครั้งนี้พวกเขาจะหนีมาได้ แต่หากพบกับพวกนั้นอีกในอนาคต พวกเขาอาจจะต้องตาย เมื่อคิดแบบนั้นเหล่าแม่ทัพทุกคนต่างก็เผยสีหน้าหนักใจออกมา พวกเขาไม่อยากพบกับฝันร้ายแบบนั้นอีก พวกไม่กล้าจะออกจากเขตของตนเพราะการออกจากเขตลับของตนก็เท่ากับการเข้าไปในทะเลโกลาหล ซึ่งเสี่ยงอย่างมาก
…
ที่เขตต้นกำเนิด
“ ผู้อาวุโส” ซิงฮัวพูดขึ้นมา “ ท่านควรจะส่งคนของท่านไปยังทางออกสู่เขตหย่วนเหยี่ยน ข้าสงสัยว่าล็อคนั้นได้นำทัพไปที่นั่น”
ทางออกสู่เขตข่งจู้โดนเปิดโปงแล้ว ตราบใดที่ล็อคไม่ได้โง่ เขาก็ไม่มาที่นี่อย่างแน่นอน
จางลู่หัวเราะออกมา “ ไม่ มันมีคนของเราดูแลที่นั่นอยู่แล้ว ล้อคหนีไม่ได้หรอก”
“ แต่ความแข็งแกร่งของฝั่งนั้น…” ซิงฮัวหยุดพูดไป “ พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเราเลย” จางลู่ยิ้มออกมา “ เราแค่ต้องรอ แม่ทัพเผ่าสวรรค์ที่เหลือไม่อาจจะหนีรอดได้แน่” หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ จางลู่ก็พูดขึ้นต่อ “ แต่เจ้าก็คิดถูกที่เตือนเรา แผนของฝั่งเราโดนเปิดโปงแล้ว ล็อคอาจจะเดินทางออกไปยังมิติภายนอก เราต้องส่งคนไปต้อนเขาเอาไว้ ไม่อาจจะอยู่รอเฉยๆได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก