ตอนที่ 338 ความกังวลของเซี่ยเฟิง
ผู้บ่มเพาะจำนวนนับไม่ถ้วน ตื่นขึ้นเพราะการระเบิดพลังในครั้งนี้
และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึงไปกับ
ความผิดปกติบนท้องฟ้า
พวกเขามองไม่เห็นร่างของจางหยู แต่พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า
พลังนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัว พลังนี้น่ากลัวจนทำให้พวกเขาใจ
หล่นวูบ
“นี่อะไรกัน ?”
“สมบัติหายากรึ ?”
“เทพรึ?”
ไม่มีใครรู้ว่า สูงขึ้นไปกว่าหมื่นฟุตนั้นมีอะไร พวกที่ระดับการบ่ม
เพาะต่ำนั้นได้แต่เงยหน้าขึ้นมอง พวกที่มีระดับการบ่มเพาะสูงต่างก็
มุ่งหน้าไปยังจุดที่มีแสงระเบิดออกมา แม้ว่าพวกเขาจะหวาดกลัวก็
ตาม แต่พวกเขาไม่อยากที่จะพลาดโอกาสแบบนี้
แต่ตอนที่เพิ่งบินขึ้นมาจากพื้น แสงที่ระเบิดออกมานั้นก็ดับลง
การที่จางหยูขึ้นมาถึงขอบเขตตุ้นซวนได้ เช่นนั้นระยะการรับรู้จะ
กว้างแค่ไหน ?
ทั่วทั้งเขตตงโจว หรือแม้แต่เขตใกล้เคียงต่างก็อยู่ในการรับรู้ของเขา
การกระทำของพวกผู้บ่มเพาะด้านล่างไม่อาจจะหลบหลีกการรับรู้
ของเขาไปได้ ตอนที่ผู้บ่มเพาะจำนวนมากมายบินขึ้นมา เขาก็ได้
ปกปิดพลังของตัวเองและเคลื่อนย้ายกลับไปยังสำนักคังเฉียง
เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ผิดปกตินั้นหายไป ผู้บ่มเพาะนับไม่ถ้วนต่างก็
พากันถอนหายใจ ราวกับว่าพลาดโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิต
….
“ท่านพี่”
เมื่อเห็นว่าจางหยูกลับมาที่ห้องนอน อ้าวเสี่ยวหร่านก็พูดขึ้นด้วย
ดวงตาที่เป็นประกาย
จางหยูยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็เกิดลมพัดโหมมาที่บ้าน จากนั้นโอว
เสินเฟิง,โหวเทียนหมาง,หลินจื้อเป่ ยและคนอื่น ๆ รวมไปถึงสัตว์
อสูรต่างก็พากันแห่เข้ามาที่นี่ แม้แต่พวกศิษย์มนุษย์ก็ยังมาที่นี่ด้วย
พวกเขาต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
“เจ้าตัวน้อย เจ้านอนไปก่อน” จางหยูลูบหัวอ้าวเสี่ยวหร่าน และยิ้ม
ออกมา
อ้าวเสี่ยวหร่านกระพริบตาและตอบกลับ “โอ้” นางเข้าไปที่เตียงของ
นางและหลับตาลง ก่อนจะหลับไป
เมื่อเห็นว่าอ้าวเสี่ยวหร่านหลับไปแล้ว จางหยูก็มองไปที่หน้าต่าง
ก่อนที่จะหายตัวไป
ที่ประตูบ้านจางหยูยืนนิ่งและเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้า
โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ รีบลงมาที่พื้นหน้าประตูบ้านก่อนที่โอว
เสินเฟิงจะพูดขึ้นมา “เจ้าสำนัก! มัน…”
“ไม่ต้องลนลานไป !” จางหยูเผยรอยยิ้มออกมา “รอมากันครบแล้ว
ค่อยพูดกันทีเดียว”
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันนั้น โหวเทียนหมาง, หลินจื้อเป่ ย, ไป่ หลิง
และคนอื่น ๆ ก็มาถึง
สักพักเซียวเหยียนและคนอื่น ๆ ก็มาถึง ตอนนั้นนอกจากเหลยอ้าวที่
เฝ้าประตูสำนักแล้ว คนอื่น ๆ ของสำนักคังเฉียงต่างก็มารวมตัวกัน
ที่นี่ ทุกคนต่างก็มองมาที่จางหยู ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับ
บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ครบแล้วใช่รือไม่ ?” จางหยูมองไปรอบ ๆ เขาแปลกใจนิด ๆ เขาคิด
ไม่ถึงว่าทุกคนจะตื่นกลัวกับการระเบิดพลังในครั้งนี้
มังกรแดงรีบถามขึ้นมาด้วยความกังวล “เจ้าสำนัก ตะกี้เกิดอะไรขึ้น
กัน ? มีคนบุกโจมตีสำนักคังเฉียงรึ?”
เหตุการณ์ผิดปกติเมื่อครู่นี้ อยู่ใกล้สำนักคังเฉียงมากที่สุด พวกเขาจึง
พากันกังวล
จางหยูอยากจะพูดบางอย่าง แต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนที่เต็มไปด้วย
ความกังวลดังขึ้นมา “ท่านเซียน !”
“เฮ้อ…” จางหยูแผ่การรับรู้ออกไป และพบกับร่างของโจวถิงและ
เซินถูเส้อพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่แห่กันมา เขาได้บอกกับพวกศิษย์
มนุษย์ทันที
“เซียวเหยียน พวกเจ้ากลับไปพักก่อน ไม่ต้องกังวลอะไร” หลังจาก
นั้นเขาก็บอกกับคนอื่น ๆ
“คนที่เหลือมากับข้า”
ต่อมาจางหยูก็นำกลุ่มคนเหล่านั้นเดินทางประตูสำนัก
หลังจากนั้นหลายสิบอึดใจ ร่างของพวกเขาก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
สำนัก ตอนนั้นมีคนมากมายที่ประตู ไม่ว่าจะเป็นโจวถิง, เชินถูเส้อ
และคนอื่น ๆ รวมไปถึงคนแปลกหน้า นอกจากเชินถูเส้อและเถิงกวง
แล้ว คนอื่น ๆ อยู่ขอบเขตตันซวนกันหมด
เมื่อทุกคนเห็นจางหยู พวกเขาต่างก็พากันสบายใจขึ้น พร้อมกับใจที่
สงบลงอย่างรวดเร็ว
“ข้ารู้ว่าทุกคนอยากถามอะไร” ร่างของจางหยูลอยขึ้นไปในอากาศ
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป เหตุการณ์เมื่อครู่นี้คือการที่พวกระดับสูงสุด
ได้พลั้งมือทำขึ้นมา เขามาหาข้าแต่ไม่ได้ส่งผลเสียต่อทุกคน เขาไม่ได้
ตั้งใจจะรบกวนทุกคน ดังนั้นทุกคนสบายใจกันได้”
ด้วยการที่จางหยูรับรองมาแบบนั้น พวกเขาก็ต่างพากันโล่งใจ
โอวเสินเฟิงตะลึงอึ้งไป “เจ้าสำนัก ท่านหมายความว่าเมื่อครู่นื้ คือ
ฝีมือของพวกระดับสูงสุดรึ ?!”
หลินจื้อเป่ ย โหวเทียนหมาง และคนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่จางหยู
“ใช่ เขาเป็นพวกระดับสูงจริง ๆ” จางหยูยิ้มออกมา “สำหรับชื่อของ
เขาแล้ว ข้าจำไม่ได้ ข้ารู้แค่ว่าเขาถูกเรียกว่า เซียนกระบี่พเนจร”
มันได้เวลาที่จะทำให้ทุกคนรู้จัก เซียนกระบี่พเนจร
“เซียนกระบี่พเนจร !” ทุกคนต่างก็พากันเบิกตากว้าง
เรื่องของเฒ่าเทียนจีกับเซียนกระบี่พเนจรนั้นโด่งดังไปทั่วสำนักคัง
เฉียง แม้แต่คนนอกสำนักก็เคยได้ยิน เนื่องจากเรื่องนี้จางหยูยังไม่ได้
รับรอง หลาย ๆ คนจึงสงสัยในตัวหนิวซิงไห่,เหลยเจี้ยนและเซี่ยเฟิง
พวกเขาสงสัยว่าทั้งสองคนนั่นมีตัวตนจริงหรือไม่ และไม่คิดมาก
อะไรกับเรื่องนี้
แต่ฟังจากคำพูดของจางหยูตอนนี้แล้ว เซียนกระบี่พเนจรนั้นมีตัวตน
อยู่จริง และเป็นถึงพวกระดับสูงสุดด้วย !
ไม่มีใครสงสัยในคำพูดของจางหยู พวกเขาเชื่อจางหยูแบบสนิทใจ
แม้ว่าจะไม่ได้หลงงมงายแต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดสงสัยในเรื่องเหตุการณ์
ผิดปกติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ !
เซียนกระบี่พเนจรคือพวกระดับสูงสุด งั้นเฒ่าเทียนจี …ก็เป็นพวก
ระดับสูงสุดด้วยรึ ?
ทวีปป่ ามีพวกระดับสูงสุดเยอะแบบนี้เลยรึ ?
มังกรแดงถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “เจ้าสำนัก เซียนกระบี่พเนจร
ไปไหนกัน ? ท่านพาเราไปดูได้หรือไม่ ?”
สำหรับพวกระดับสูงสุดแล้ว พวกสัตว์อสูรไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะ
อาจารย์ของพวกเขาก็เป็นพวกระดับสูงสุดเช่นกัน !
การได้เรียนกับราชาสัตว์อสูรทุกวันนั้น ทำให้พวกเขาไม่ได้ตื่นกลัว
พวกระดับสูงสุด
จางหยูมองไปที่มังกรแดงและพูดขึ้นมา “เวลาของเซียนกระบี่พเนจร
นั้นล้ำค่า เขาไม่ได้มีเวลามาพบเจ้า”
“เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันได้” จางหยูโบกมือ
จางหยูหายตัวไปโดยไม่สนใจท่าทีของคนเหล่านั้น ตอนนั้นท้องฟ้า
เริ่มสว่างขึ้นแล้ว พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น
ผู้คนก็พากันตื่นเพราะเสียงระเบิดพลังเมื่อครู่นี้ และพวกเขาไม่อาจจะ
กลับไปนอนได้ ทุกคนพากันพูดถึงเรื่องเซียนกระบี่พเนจรด้วยความ
สนใจ
โอวเสินเฟิงและคนอื่น ๆ พากันกลับไปที่หอพักของตน
“อาจารย์ !”
โอวเสินเฟิงเดินเข้าไปในหอ และพบกับเหล่าศิษย์ พวกนั้นรีบมา
คารวะเขา จางหยูให้พวกเขากลับมาพัก แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ พวก
เขาจะใจเย็นลงกันได้ยังไง ?
“อาจารย์ เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้นกัน ?”เซียวเหยียนถามขึ้นมา
เมื่อได้ยินแบบนั้น โอวเสินเฟิงก็มองไปที่เซียวเหยียนและเซี่ยเฟิง
ก่อนจะพึมพำออกมา “เหตุการณ์ผิดปกติเมื่อครู่ เกิดขึ้นเพราะพวก
ระดับสูงสุดทำขึ้นตอนที่เขาจากไป”
เซี่ยเฟิงรู้สึกแปลก ๆ ทำไมโอวเสินเฟิงถึงได้มองเขาแปลก ๆ แบบนี้?
“เจ้าสำนักบอกว่า อีกฝ่ายคือเซียนกระบี่พเนจร !” โอวเสินเฟิงพูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าเซี่ยเฟิงจะไม่ได้โกหก เจ้าสำนักเพิ่งยืนยันว่า เซียนกระบี่
พเนจรคือพวกระดับสูงสุดจริง ๆ” เมื่อคิดว่าเซียนกระบี่พเนจรได้
แนะนำให้เซี่ยเฟิงเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียง โอวเสินเฟิงก็อดไม่ได้ที่
จะมองไปที่เซี่ยเฟิง ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับเซียนกระบี่พเนจร
“คนที่เกี่ยวข้องกับเซียนกระบี่พเนจร ไม่น่าจะเป็นคนธรรมดาได้”
เซียวเหยียนและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันอึ้งไป “ในพริบตาก็มีพวก
ระดับสูงสุดโผล่มาอีกคนแล้วรึ ?”
เซี่ยเฟิงแปลกใจ “ท่านเซียนกระบี่พเนจร !”
เขาถามขึ้นมาอย่างกังวล “ท่านเซียนกระบี่พเนจรอยู่ที่ไหนกัน ? เขา
พูดอะไรไว้รึไม่ ?”
“ไม่ต้องกังวล เจ้าสำนักบอกว่า เซียนกระบี่พเนจรมาหาเขา ดูเหมือน
ว่าจะมาพูดคุยบางอย่างกัน สำหรับเรื่องที่ว่าเขาอยู่ไหนนั้น….ข้าบอก
ไปแล้วไม่ใช่รึ ? เขาเพิ่งไปเมื่อตะกี้ เขาไปแล้วและไปที่ไหนนั้น
บางทีคงมีแค่เจ้าสำนักเท่านั้นที่รู้” โอวเสินเฟิงอธิบายออกมา
“ข้าจะไปถามเจ้าสำนัก !” เซี่ยเฟิงรีบออกจากหอพักไป
โอวเสินเฟิงห้ามเอาไว้ “ตอนนี้เจ้าสำนักอาจจะพักผ่อนอยู่ การที่เจ้า
ไปหาเขาตอนนี้ไม่ใช่ว่าเท่ากับเป็นการรบกวนเขารึไง ?”
เซี่ยเฟิงชะงักและหยุดทันที “แต่ว่า…ข้าอยากพบกับท่านเซียนกระบี่
พเนจรอีกครั้ง !”
เซียนกระบี่พเนจร คือหนึ่งในคนไม่กี่คนที่เขาเคารพ หากเขาไม่ได้
รับการแนะนำโดยเซียนกระบี่พเนจร เขาคงไม่มีโอกาสเข้าร่วมสำนัก
คังเฉียง ดังนั้นเขาจึงเคารพและซาบซึ้งในบุญคุณเซียนกระบี่พเนจร
อย่างมาก ที่สำคัญกว่านั้นเซียนกระบี่พเนจรเหมือนจะสูญเสียบาง
อย่างที่มีค่า เพื่อให้เขาได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียง ซึ่งทำให้เขารู้สึกผิด
และตื้นตันอย่างมาก
“เซียนกระบี่พเนจรรู้ว่าเจ้าอยู่ในสำนักคังเฉียง เมื่อเขาไม่มาหาเจ้า
มันก็หมายความว่าตอนนี้ยังไม่สะดวก แม้ว่าเจ้าจะถามว่าเขาอยู่ที่
ไหน แต่เจ้าจะทำอะไรได้?” โอวเสินเฟิงส่ายหน้า “ข้าแนะนำว่าเจ้า
ควรทุ่มเทสมาธิไปกับการบ่มเพาะ หากความแข็งแกร่งของเจ้า
เพิ่มขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุด เจ้าจะสามารถช่วยเซียนกระบี่พเนจร
ได้จริง ๆ “
แม้ว่าคำพูดของโอวเสินเฟิงจะโหดร้าย แต่เซี่ยเฟิงก็ยอมรับว่ามันคือ
ความจริง สีหน้าเขาบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย เขาเงียบอยู่นานก่อนจะพยัก
หน้า และพูดขึ้น “อาจารย์โอวพูดถูก ตอนนี้ข้ามีแต่จะสร้างปัญหา
ให้กับท่านเซียนกระบี่พเนจร ข้า…”
เขาก้มหน้าและหันกลับเดินเข้าไปในห้องพัก “ข้าต้องไปบ่มเพาะ “
หากมองจากด้านหลังจะรู้สึกได้ว่าเขารู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใด
หนิวซิงไห่และเหลยเจี้ยนเองก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้องพัก
ของตนเพื่อทำการบ่มเพาะ
“ทุกคนแยกย้ายกันได้แล้ว” โอวเสินเฟิงถอนหายใจออกมา และ
บอกกับผู้คนรอบ ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก