ตอนที่ 339 พวกระดับสูงสุดทั้งสี่
แม้ว่าเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่หัวข้อเรื่องเซียนกระบี่
พเนจรก็ยังเป็นที่พูดถึงกันอยู่ ชื่อของเซียนกระบี่พเนจรได้โด่งดังไปทั่ว
เมืองทะเลทรายในชั่วข้ามคืน คนเริ่มรู้ว่าสำนักคังเฉียงมีพวกระดับสูงสุด
ถึง 2 คน คนหนึ่งคือราชาสัตว์อสูร อีกคนคือเซียนกระบี่พเนจร
ต้องรู้ก่อนว่าพวกระดับสูงสุดทุกคนคือตัวตนที่สูงส่งราวกับเทพที่ยังมี
ชีวิตอยู่ การเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกเขา ทำให้ผู้คนมากมายสนใจ
และถูกตีความหมายนับไม่ถ้วน สถานะของพวกเขาถูกยกให้อยู่สูงสุด
กระทั่งองค์จักรพรรดิของอาณาจักรใหญ่ ๆ ก็ยังต้องนอบน้อมต่อพวก
เขา และไม่กล้ามองข้าม
สำนักคังเฉียงมีพวกระดับสูงสุดถึง 2 คน มันยากที่จะไม่ตะลึงกับเรื่อง
แบบนี้
ท้องฟ้ายังสว่างไม่เต็มที่ แต่ในเมืองทะเลทรายผู้คนมากมายกลับรีบแห่
กันออกจากเมือง ข่าวเกี่ยวกับเซียนกระบี่พเนจรได้ถูกส่งต่อไปยังกอง
กำลังหลักของแต่ละฝ่ายด้วยความเร็วอันน่าตกใจ
จางหยูแค่จับตาดู ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเผยแพร่ข่าวราชาสัตว์อสูร
กับเซียนกระบี่พเนจร
“ข้าเก็บตัวอยู่นาน ตอนนี้ถึงเวลาที่สำนักคังเฉียงจะสร้างชื่อขึ้นมาแล้ว”
จางหยูไม่ได้กังวลเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน เขากลับมั่นใจเป็นอย่าง
มาก
ด้วยระดับการบ่มเพาะขอบเขตตุ้นซวน หากใช้ทักษะหลอกลวงตอนนี้
แล้ว แม้แต่พวกระดับสูงสุดก็ไม่อาจที่จะต้านทานได้ เขามีไพ่ลับมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นทักษะหลอกลวง, ร่างทองคำ, สร้างร่างเทียม, เคลื่อนย้าย
พริบตาและอื่น ๆ ต่อให้เผชิญหน้ากับพวกระดับสูงสุด เขาก็ไม่ได้กลัว
หลังจากที่ตรวจสอบดูรอบ ๆ สักพักจางหยูก็ลุกขึ้นจากม้านั่งที่สวนและ
เดินออกมา เขามองไปทางป่ าหวงหยวน จางหยูถอนหายใจออกมา จากนั้น
ร่างของเขาก็กลับขึ้นไปในจุดที่สูงจากพื้นกว่าหมื่นฟุต
“ข้ายังไม่ได้ลองทดสอบระยะการรับรู้ ข้าหวังว่ามันจะไม่ทำให้ข้าต้อง
ผิดหวัง!” จางหยูแผ่การรับรู้ออกไป พริบตาฉากของทั้งเนินเขาก็ปรากฏ
ขึ้นมาในหัวของเขา แต่เขารู้สึกว่าการรับรู้ยังแผ่ออกไปได้อีก หลังจาก
นั้นแค่อึดใจเดียวภาพของเขตตงโจวก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขา
เขตตงโจว, จ้านเจียง, เหอตง, เหอซี…
หลายสิบอึดใจ ในที่สุดจางหยูก็รู้สึกว่าระยะการรับรู้ แผ่ไปถึงขีดจำกัด
แล้ว และไม่อาจจะขยายต่อไปได้อีก
จางหยูหลับตาลงและเพ่งสมาธิตรวจสอบก่อนจะต้องตกตะลึง “อาณาจักร
โจว….”
ตอนนี้อาณาจักรโจวได้ก่อภาพขึ้นมาในหัวของเขา แม้แต่เมืองหลวงก็ยัง
อยู่ในการรับรู้ของเขาด้วย อิฐและกระเบื้องในเมืองหลวงก็ราวกับว่าอยู่
ตรงหน้าเขา
เขาถึงกับมองเห็นชายแดนทางตะวันออกของอาณาจักรโจว ทหารหลาย
ร้อยคนทำการรบกับทหารอีกชาติ
“ข้าจะเร็วแค่ไหนกัน ?” จางหยูคิดแบบนั้น และลงมือทดสอบทันที
ตู้มมม !
เสียงระเบิดดังก้อง พร้อมกับร่างของจางหยูที่หายไป หลังจากนั้นไม่กี่
อึดใจ เขาก็ออกจากเนินเขาไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ปรากฏตัวขึ้นที่
ชายแดนตะวันออกของอาณาจักรโจว
“เร็วจริง ๆ ! ” จางหยูตะลึง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็เดินทางจาก
ตะวันออกเฉียงเหนือ มาถึงชายแดนทางตะวันออกได้
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือเขาใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีในการเดินทางไป
กลับ ความเร็วนี้สูงยิ่งกว่าพวกขอบเขตหลี่ซวนขั้นสูงหรืออาจจะเร็วกว่า
พวกขอบเขตตุ้นซวนทั่วไปด้วย !
ทักษะเงาเวหาที่เขาภูมิใจ ก็ช้าราวกับหอยทาก !
“ดรรชนีแห่งการสูญสิ้นกับเงาเวหาไม่อาจจะใช้การได้แล้ว!” จางหยูลอง
ทดสอบทักษะทั้งสอง แล้วก็พบว่าทักษะที่สมบูรณ์ที่เขาถือว่าเป็นที่พึ่ง
ตอนนี้กลับไร้ประโยชน์ ความเร็วของทักษะเงาเวหาไม่ได้เร็วเท่ากับ
ความเร็วปกติที่เขาบินมา เขาใช้ดรรชนีแห่งการสูญสิ้นแต่ก็พบว่ามันไม่
อาจจะเทียบกับพลังหลิงชี่ธาตุได้
“กฎแข็งแกร่งที่สุด ! เคล็ดวิชาต่อสู้แบบไหนกันที่จะเทียบเท่ากับกฎได้?”
บางทีหากเป็นขอบเขตหลิงซวน เคล็ดวิชาต่อสู้อาจจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
แต่เมื่อรับรู้ถึงกฎแล้ว บทบาทของเคล็ดวิชาต่อสู้ก็จะลดลงไปเรื่อย ๆ
จางหยูถึงกับควบคุมหลิงชี่ธาตุได้ แล้วเคล็ดวิชาต่อสู้จะจำเป็นอะไร ?
ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ไหน แต่สำหรับจางหยูมันก็เป็นแค่เรื่องตลก !
“ระยะอาณาเขตก็พัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ” จางหยูแผ่อาณาเขตของตัวเอง
ออกไป พริบตาพื้นที่ประมาณ 30 กม.ก็กลายเป็นอาณาเขตของเขา ระยะนี้
ใหญ่ยิ่งกว่าเมืองเมืองหนึ่ง กระทั่งเมืองหลวงก็ไม่อาจจะใหญ่เท่านี้ได้
ในอาณาเขตนี้ หลิงชี่ธาตุไหลวนไปอย่างสงบราวกับน้ำลึก
จางหยูรู้ว่าตราบใดที่เขาคิด เขาก็สามารถดึงหลิงชี่ธาตุพวกนี้มาใช้ได้
หลิงชี่ธาตุภายในอาณาเขตหากอัดแน่นเป็นบอลธาตุ แล้วระเบิดออกมา
มันจะมีพลังน่ากลัวแค่ไหนกัน ?
“ความแข็งแกร่งของข้า เกรงว่าอาจจะไม่ได้ด้อยกว่าพวกระดับสูงสุดเลย
ไม่ใช่รึ?” จางหยูตะลึง “แค่คิดเมืองทั้งเมืองก็ถูกทำลายได้ โลกนี้ก็จะเกิด
ความวุ่นวาย แต่ว่าพวกขอบเขตตุ้นซวนทั่วไปคงไม่ทำแบบนั้น”
จางหยูสูดหายใจเข้าลึก ๆ และแผ่การรับรู้ออกไป ก่อนจะใช้เคลื่อนย้าย
พริบตาทันที
จางหยูที่ตอนแรกอยู่ชายแดนตะวันออก ได้กลับมายังสำนักคังเฉียง
ในทันที จากนั้นร่างของเขาก็หายไปปรากฏตัวที่ชายแดนทางใต้ของ
อาณาจักรโจว
แค่ไม่กี่อึดใจ จางหยูก็เดินทางแทบจะทั่วอาณาจักรโจว หากเทียบกับ
ความเร็วในการบินที่น่าทึ่งของเขาแล้ว ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตานี่น่า
กลัวจริง ๆ !
ทันใดนั้นจางหยูก็อยากรู้ว่าขีดจำกัดของการเคลื่อนย้ายพริบตานี้อยู่
ตรงไหนกัน ?
ครั้งนี้เขาได้แผ่การรับรู้ออกไปจนถึงขีดจำกัด เขาเคลื่อนที่ไปทางทิศ
ตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง และออกจากอาณาจักรโจวไป เงาร่าง
ของเขาข้ามทะเลทรายทางเหนือ ข้ามที่ราบตอนกลาง และผ่านป่าทาง
ใต้…เขารับรู้ได้ถึงผู้บ่มเพาะเป็นจำนวนมาก ยิ่งเขาไปใกล้เขตกลาง
เท่าไหร่ ก็ยิ่งรับรู้ได้ว่ามีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งพวก
ขอบเขตตุ้นซวนก็มีกันอยู่หลายคน นอกจากนี้เขายังรับรู้ได้ถึงพวกระดับ
สูงสุดที่มีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าราชาสัตว์อสูรถึง 4 คน แต่ผู้บ่มเพาะ
เหล่านั้นต่างก็อยู่กันคนละที่ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือพวกเขา
เป็นมนุษย์
ทันใดนั้นบนพื้นดินกลับมีพลังอันน่ากลัวระเบิดออกมา ตามมาด้วยเสียง
ที่ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ใครกัน !”
ในเวลาเดียวกัน ร่างทั้งสี่ร่างก็ได้ลุกขึ้นยืน และมุ่งหน้าไปยังจุดเดียวกัน
ในฐานะพวกระดับสูงสุดแล้ว การรับรู้ของพวกเขาจะสูงแค่ไหนกัน ?
ตอนที่การรับรู้ของจางหยูกวาดผ่านตัวพวกเขาไป การับรู้ของพวกเขาก็
แจ้งเตือนขึ้นมาทันที
….
ที่สำนักงานใหญ่สมาคมนักปรุงยา ประธานสมาคมหันไปมองที่หุบเขา
ต้องห้ามด้านหลังอย่างตกตะลึง “เสียงเมื่อครู่นี้….ท่านเซียนโอสถ ! ใคร
กันที่ท้าทายผู้อาวุโส? ”
เซียนโอสถคือหนึ่งในสี่ของพวกระดับสูงสุดของมนุษย์ ไม่ใช่แค่มีฐาน
การบ่มเพาะที่สูงส่ง แต่ทักษะในการปรุงยาเองก็ร้ายกาจเช่นกัน
“ท่านเซียนหลอม เกิดอะไรขึ้น?” ที่สมาคมนักหลอม เซียนหลอมที่ทำ
การชี้แนะประธานสมาคมและนักหลอมคนอื่น ๆ อยู่ ก็พลันเงยหน้าขึ้น
มองฟ้าพร้อมกับคิ้วขมวด ซึ่งทำให้หลายคนต้องตกใจจนอดไม่ได้ที่จะ
ถามออกมา
เซียนหลอมลุกขึ้นยืนและพูดขึ้นมา “ข้าคงต้องออกไปด้านนอกสักหน่อย”
เมื่อพูดจบโดยที่คนอื่น ๆ ยังไม่ทันได้ตอบกลับ เซียนหลอมก็หายตัวไป
จากห้องโถง
นอกจากเซียนโอสถและเซียนหลอมที่เลืองชื่อแล้ว ยังมีเซียนค่ายกลกับ
เซียนอักษรที่ระดับการบ่มเพาะไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนโอสถหรือเซียน
หลอมเลย ทักษะค่ายกลของเขาก็ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง ในด้านการ
ต่อสู้แล้ว เซียนค่ายกลถึงกับแข็งแกร่งกว่าทุกคน และเป็นผู้บ่มเพาะที่
แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของเผ่ามนุษย์
หลังจากที่รู้สึกได้ถึงการรับรู้นี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ร่างของเขาก็
ได้หายไปจากห้องลับทันที
ณ.สำนักแห่งหนึ่ง เซียนอักษรนั่งเขียนบางอย่างอยู่ ตอนที่การรับรู้ของ
จางหยูกวาดผ่านมา สายตาเขาก็แสดงความสับสนออกมา ก่อนที่เขาจะ
หายตัวไปปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า
การรับรู้ของจางหยู ได้ทำให้พวกระดับสูงสุดทั้งสี่ของมนุษย์ตื่นตัว !
เมื่อพวกเขาเคลื่อนที่ไปยังจุดที่การรับรู้แผ่ออกมา พวกเขาต่างก็ต้องตะลึง
“นอกจากพวกเราทั้งสี่คนแล้ว ยังมีพวกระดับสูงสุดในหมู่มวลมนุษย์อีก
รึ ?”
ทั้งสี่คนเคยปะมือกันจนนับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาคุ้นเคยพลังของกันและ
กันดี พลังที่แข็งแกร่งแบบนี้ไม่ใช่ของพวกเขา พวกเขาตัดสินได้ทันทีว่า
นี่คือระดับสูงสุดคนใหม่ และเป็นระดับสูงสุดที่พวกเขาไม่เคยพบเห็น
มาก่อน !
พวกเขาเคลื่อนที่รวดเร็วมาก แค่ไม่กี่อึดใจพวกเขาก็ขึ้นไปสูงกว่าหมื่น
ฟุต แต่ตอนที่ไปถึง จางหยูก็ได้ไปยังอีกที่แล้ว ซึ่งทำให้พวกเขาต้อง
หงุดหงิด
“ไล่ตามไป ! ” พวกเขาไม่ลังเลและใช้พลังทั้งหมดเพื่อไล่ตามจางหยู
พวกเขาอยากรู้ว่าคนลึกลับที่ก้าวขึ้นมาระดับสูงสุดได้นี้เป็นใครกัน และ
ต้องการอะไร
แต่หลังจากที่เคลื่อนย้ายมาหลายครั้ง พวกเขาก็ต้องตะลึง เพราะไม่พบ
กับเป้าหมายเลย
“เขาหายตัวไป ! ” สีหน้าของเซียนค่ายกลพลันบิดเบี้ยว เขาคือคนที่
แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทั้งสี่คน แต่คนลึกลับนี้กลับเคลื่อนย้ายไปเร็วมาก
และระยะทางในการเคลื่อนย้ายก็น่าเหลือเชื่อ และทิ้งระยะห่างออกไป
เรื่อย ๆ “เขาเป็นใครกัน ! ”
ตอนนั้นเองเซียนโอสถ, เซียนหลอมและเซียนอักษรก็มาถึง พวกเขารับรู้
ได้ถึงพลังของเซียนค่ายกล พวกเขาจึงเคลื่อนย้ายไปหาเซียนค่ายกลทันที
เซียนโอสถได้ถามขึ้นมา “เขาไปไหนแล้ว ? เจ้าหยุดทำไมกัน ?”
พวกเขามองไปที่เซียนค่ายกล แม้ยากจะยอมรับความจริง แต่เขาก็ต้อง
ยอมรับว่าตัวเองไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทัน “เขาหายตัวไปแล้ว !”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเซียนโอสถก็แปลกใจขึ้นมา “หายตัวไป ? เจ้าตามเขา
ไม่ทันด้วยความเร็วที่เจ้ามีรึ ?”
พวกเขาเป็นระดับสูงสุดของมนุษย์ พวกเขารู้ความแข็งแกร่งของกันและ
กันดี ความแข็งแกร่งของเซียนค่ายกลนั้นสูงส่งแค่ไหน ไม่มีใครรู้ดีไป
กว่าพวกเขา มันไม่เกินไปเลยที่จะบอกว่า หากต้องสู้กันเพียงลำพังแล้ว
ทั้งสามคนคงไม่อาจที่จะเป็นคู่มือได้
แม้ว่าจะร่วมมือกัน แต่พวกเขาก็คงต้องเสียสักสองคนไป หรืออาจจะทั้ง
สามคน เพื่อเอาชนะเซียนค่ายกลได้ ทว่าด้วยพลังระดับนี้แล้ว ก็ยังตาม
ไม่ทันรึ ?
“เจ้ารู้จักเขาเลยปล่อยเขาไปรึ ? ” เซียนโอสถถาม
“เขาเร็วกว่าข้า เร็วกว่ามากด้วย ” เซียนค่ายกลมองไปที่เซียนโอสถและ
พูดขึ้น “ความเข้าใจกฎมิติของเขาดีกว่าข้า แม้ว่าจะเอาความเข้าใจของ
พวกเรามารวมกัน แต่ก็คงเทียบกับเขาไม่ได้ พวกเจ้าควรขอบคุณที่ตาม
เขาไม่ทัน หากตามทันและทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมา จะเป็นปัญหา
ได้ เพราะพวกเราทั้งสี่คนอาจจะไม่ใช่คู่มือของเขา ”
“ตามที่เจ้าบอกมา เขาแข็งแกร่งกว่าราชามังกรรึ ? นี่มันไม่เกินไปหน่อย
เหรอ!” เซียนโอสถส่ายหน้า
เซียนค่ายกลฮึดฮัดออกมา “ราชามังกร ? ข้าสงสัยว่าความเข้าใจกฎมิติ
ของเขานั้น ดียิ่งกว่าของราชามังกรเสียอีก ! ”
ถึงเขาจะหัวเสีย แต่ในใจเขากลับตกตะลึงเป็นอย่างมาก สายตาของเขา
เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก