ระบบเจ้าสำนัก นิยาย บท 340

ตอนที่ 340 ความกังวลที่ซ่อนเร้นอยู่
“ดีกว่าราชามังกรรึ?”เซียนโอสถถึงกับตะลึง
ตอนนี้เซียนโอสถรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่ง
เครียด “เป็นไปไม่ได้ ! ความแข็งแกร่งของราชามังกร พวกเราต่างก็รู้กัน
ดี ความแข็งแกร่งแบบนั้นแทบจะเป็นขีดจำกัดของพวกระดับสูงสุด มัน
จะแข็งแกร่งกว่าราชามังกรไปได้ยังไง ?”
ราชามังกรคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปป่ าแห่งนี้ และเป็นตัวตนที่
สูงส่งที่สุด แม้แต่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามนุษย์เมื่อหลายพันปี ก่อน ที่
เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นในรอบหลายหมื่นปี ก็ยังไม่กล้าไปหาเรื่องราชา
มังกร ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าราชามังกรนั้นน่ากลัวแค่ไหน
มันไม่เกินไปที่จะบอกว่าราชามังกรคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป !
เซียนหลอมคิ้วขมวดและถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “แม้แต่ราชาสัตว์อสูร
ก็ไม่มั่นใจว่าจะสู้กับราชามังกรได้ ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เผ่ามนุษย์จะมีคนที่
แข็งแกร่งเหนือกว่าราชามังกรได้ หรือว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะเทียบเท่ากับ
ท่านเป้ยหลง?”
“ข้าแค่บอกว่าความเข้าใจกฎมิติของเขาลึกซึ้งกว่าราชามังกร ไม่ได้บอก
ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าราชามังกร” เซียนค่ายกลพูดขึ้นมา
“พลังของราชามังกรนั้น นอกจากความเข้าใจกฎมิติแล้ว ด้วยพรสวรรค์
อันน่ากลัวและร่างกายของเขา ก็ไม่มีใครที่จะก้าวข้ามราชามังกรไปได้
ในด้านเหล่านี้ อย่างน้อยมนุษย์ก็ทำไม่ได้”
แต่ราชาสัตว์อสูรนั้นต่างออกไป บางทีสักวัน ราชาสัตว์อสูรอาจจะทัดเทียม
กับราชามังกรได้ แต่เผ่ามนุษย์นั้นเป็นไปไม่ได้เพราะร่างกายของมนุษย์
อ่อนแอเกินไป แม้ว่าจะเข้าใจกฎมิติได้ลึกซึ้งกว่า แต่มันก็ยังยากที่จะ
ทัดเทียมกับราชามังกรได้
เซียนค่ายกลพูดขึ้น “ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ความแข็งแกร่งที่เขามี ก็ใช่ว่า
เราจะทัดเทียมได้ พวกเราสี่คนใช่ว่าจะเป็นคู่มือของเขาได้ ความเข้าใจ
กฎมิติของเขานั้นลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งกว่าราชามังกรเสียอีก หรือไม่เขาอาจจะ
ไม่ได้ด้อยไปกว่าราชามังกรมากนัก”
เซียนโอสถขมวดคิ้ว “เขาเป็นใครกัน ? มนุษย์มีคนระดับสูงสุดแบบนี้
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”
เซียนหลอม, เซียนอักษรและเซียนค่ายกลต่างก็พากันส่ายหน้า ชัดแล้วว่า
พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“จากที่เขาเข้าใจกฎมิติ เขาคงก้าวขึ้นมาในระดับสูงสุดได้นานแล้ว บางที
อาจจะขึ้นมาพร้อมกับราชาสัตว์อสูรก็เป็นได้” เซียนอักษรพูดขึ้นและ
วิเคราะห์
“เราไม่รู้เรื่องของเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยังไงซะเวลาที่พวกเราก้าวขึ้น
มาถึงจุดนี้ก็สั้นเกินไป ต่อหน้าราชาสัตว์อสูรแล้ว พวกเราก็ยังถือว่าเป็น
เด็กน้อย”
อายุขัยของพวกระดับสูงสุดนั้นมีจำกัด ในแต่ละยุคจะมีพวกระดับสูงสุด
หน้าเก่าและหน้าใหม่ แม้ว่าจะอยู่ในยุคเดียวกัน แต่ราชาสัตว์อสูรคือผู้ที่
อาวุโสที่สุดในยุคนี้ และเซียนค่ายกลกับคนอื่น ๆ คือพวกระดับสูงสุด
รุ่นใหม่
เซียนหลอมตะลึงและพูดขึ้นมา “หากเขาเป็นคนรุ่นเก่า งั้นที่เจ้าพูดมาก็มี
เหตุผล”
เซียนโอสถคิ้วขมวด “แต่หากเขาเป็นคนรุ่นเก่า ทั้ง ๆ ที่เขาอยู่ในโลกนี้
มานาน แต่ทำไมถึงได้เพิ่งโผล่มากัน?”
เซียนค่ายกลเงียบไปสักพัก และพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “จะตัวตน
หรือเป้าหมาย พวกเราก็ได้แต่สงสัย เป็นไปไม่ได้ที่จะเดาออก บางทีเรา
คงต้องหาโอกาสเข้าพบกับราชาสัตว์อสูร เพื่อถามดูว่าเขาเกิดขึ้นมาใน
ยุคเดียวกับราชาสัตว์อสูรหรือไม่ ราชาสัตว์อสูรน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขา
บ้าง”
“ถามราชาสัตว์อสูรรึ ?” เซียนโอสถฮึดฮัดออกมา “นี่เจ้าคิดว่าเขาจะบอก
พวกเรารึ ?”
ราชาสัตว์อสูรนั้นมีอคติต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกนักฝึก
สัตว์อสูรของเผ่ามนุษย์ ที่เกือบจะโดนราชาสัตว์อสูรสังหารเอาเกือบหมด
เขาไม่คิดว่าราชาสัตว์อสูรจะบอกพวกเขา
“หากเจ้าอยากไปก็ไปเถอะ ข้าไม่ไป” เซียนอักษรส่ายหน้า “เขาอารมณ์
รุนแรงและพูดคุยด้วยลำบาก ข้าไม่อยากไปถามเขา”
เซียนหลอมไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ท่าทีของเขาก็เหมือนกับอีกสองคน
ชัดแล้วว่าเขาไม่คิดจะไปหาราชาสัตว์อสูร
เซียนค่ายกลมองไปยังทั้งสามคน และพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะกลัวอะไรในตัวราชาสัตว์อสูร ถึงเขาจะแข็งแกร่ง
แต่หากพวกเราสี่คนร่วมมือกัน เขาก็ใช่ว่าจะเป็นคู่มือของพวกเราได้
แล้วทำไมพวกเจ้าต้องกลัวเขาด้วย ! ?”
“แน่ล่ะสิ คนยืนพูดไม่ปวดเอว” แม้ว่าเซียนโอสถจะอ่อนแอกว่าเซียน
ค่ายกล แต่เขาก็ไม่นึกกลัวอีกฝ่ายเลย “พูดกันตามตรง หากพวกเราร่วมมือ
กัน ก็อาจจะเป็นภัยต่อราชาสัตว์อสูรได้ แต่…หากเจ้ากดดันเขา เจ้าเชื่อ
หรือไม่ว่าเขาจะฆ่าพวกเราสักคนหรือสองคนให้ตายตามเขาไปได้?”
เขาฮึดฮัดออกมา “ในหมู่พวกเราสี่คน เจ้าแข็งแกร่งที่สุด เป็นธรรมดาที่
เจ้าจะไม่กลัว แต่พวกเราสามคนล่ะ ?”
หากราชาสัตว์อสูรไม่โผล่ขึ้นมา เผ่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นภัยคุกคาม
ต่อมนุษย์จะยังเหลืออยู่อีกหรือ ทำไมพวกเขาจะไม่อยากกำจัดราชาสัตว์
อสูรกัน ?
แต่การจะกำจัดราชาสัตว์อสูรนั้น…ต้องเสียอะไรหลาย ๆ อย่าง!
เซียนค่ายกลเงียบไป แม้ว่าเซียนโอสถจะพูดถากถาง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้
เหตุผล หากต้องต่อสู้กับราชาสัตว์อสูรจริง ๆ โอกาสรอดของเขานั้นมาก
ที่สุด ทว่าอันตรายของทั้งสามคนนั้นมากกว่าเขาหลายเท่า !
“งั้นเราจะมองข้ามคนลึกลับผู้นี้ไปเหรอ?” เซียนค่ายกลถามขึ้นมา
“จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง ?” เซียนโอสถพูดขึ้น “แต่เราไม่จำเป็นต้องลง
มือเอง ให้คนของเราไปสืบหาข่าวนี้ เมื่ออยู่ในทวีปป่ า ไม่ว่าจะเก่งแค่
ไหนก็ต้องทิ้งเบาะแสเอาไว้บ้าง”
“นี่ไม่เสียเวลามากไปรึ ?” เซียนค่ายกลไม่พอใจกับแผนนี้
“เวลา? สิ่งที่พวกเราไม่ขาดแคลนมากที่สุดก็คือเวลา!” เซียนโอสถมั่นใจ
ในตัวเองเป็นอย่างมาก “สิ่งสำคัญก็คือ วิธีนี้ปลอดภัยมากที่สุด! ยังไงซะ
ข้าก็ไม่อยากไปยุ่งกับราชาสัตว์อสูร ข้าไม่อยากพูดกับเขา และไม่อยาก
ทนกับความป่าเถื่อนของเขา…”
เซียนค่ายกลมองไปที่เซียนหลอมและเซียนอักษร “พวกเจ้าคิดว่าไง ?”
เซียนหลอมและเซียนอักษรพยักหน้าตอบรับ “พวกเราก็คิดว่าวิธีนี้ดี
ที่สุดและปลอดภัยที่สุด !”
ยิ่งมีชีวิตนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งกลัวตายมากเท่านั้น พวกเขาเคยเจอกับ
อันตรายมานับไม่ถ้วน และในที่สุดก็ก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ เป็นธรรมดาที่
พวกเขาไม่คิดจะเสี่ยงเพราะตัวตนลึกลับที่อยู่ ๆ ก็โผล่มา
“ดี งั้นเอาตามแผนของเซียนโอสถ” เซียนค่ายกลถอนหายใจออกมา การ
ที่ทั้งสามคนยืนกรานว่าจะไม่ไปพบราชาสัตว์อสูรนั้น เป็นธรรมดาที่เขา
คนเดียวจะไม่กล้าไป หากราชาสัตว์อสูรไม่พอใจและเกิดการต่อสู้ขึ้น ด้วย
ความแข็งแกร่งที่เขามีแล้ว บางทีเขาอาจจะตายก็ได้ จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“พวกเจ้าคุยกันต่อเถอะ ข้าขอตัว “เมื่อพูดจบร่างของเขาก็หายไปทันที
“เย่อหยิ่งจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกิดก่อนข้าแค่พันปี รึไง? หากข้าเกิดในยุคเดียวกับ
เขา ใช่ว่าข้าจะอ่อนแอกว่าเขามากนัก!” เมื่อเซียนค่ายกลหายไป เซียน
โอสถถึงได้พูดขึ้นมา
“พวกเราเป็นพวกระดับสูงสุดเหมือนกัน แต่เขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้นำรึไง?”
พวกระดับสูงสุดคนไหนบ้างที่ไม่มีพรสวรรค์ ?
ยิ่งเป็นอัจฉริยะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหยิ่งทะนงมากเท่านั้น เป็นธรรมดาที่
พวกเขาจะรับไม่ได้กับท่าทีเย่อหยิ่งของคนอื่น !
เซียนหลอมมองไปที่เซียนโอสถและพูดขึ้นมา “ระวังคำพูดไว้หน่อย”
“เขามีดีให้หยิ่งนั่นแหละ” เซียนอักษรพูดขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่ง หลังจาก
วิเคราะห์อะไรหลาย ๆ อย่าง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “เขาเกิดมาก่อนเจ้าพันปี
แต่ความเข้าใจกฎมิติของเขามากกว่าเจ้า นอกจากนี้เขายังเป็นปรมาจารย์
วางค่ายกลระดับ 6 ดาว ความเชี่ยวชาญค่ายกลที่เขามีนั้นสูงส่ง บางที
หลายพันปีต่อจากนี้ เขาอาจจะกลายเป็นเป้ยหลงคนต่อไปก็ได้”
เป้ยหลงคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ในรอบหมื่นปี!
และเซียนค่ายกล ก็มีแววที่จะก้าวไปถึงระดับเป้ยหลงได้ !
“ข้าแค่ระบายอารมณ์ ทำไมพวกเจ้าต้องคิดจริงจังด้วย?” เซียนโอสถยิ้ม
ออกมาอย่างขมขื่น
“ข้ารู้ดีว่าพรสวรรค์เขาดีกว่าข้า แต่ข้าแค่รับท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อพวกเรา
ไม่ได้! ทุกคนต่างก็เป็นพวกระดับสูงสุด แม้ว่าพวกเราจะอ่อนแอกว่า แต่
ฐานะของเขาก็สูงพอ ๆ กับพวกเราไม่ใช่รึ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เซียนหลอมก็ถอนหายใจออกมา “ผ่านมาหลายปี นิสัย
ของเจ้าก็ยังหุนหันเหมือนเดิม บางครั้งข้าก็สงสัยว่าเจ้าขึ้นมาถึงขอบเขต
ตุ้นซวนขั้นสมบูรณ์ได้ยังไง”
สำหรับพวกระดับสูงสุดแล้ว เซียนค่ายกล, เซียนอักษรและเซียนหลอม
ต่างก็คิดว่า เซียนโอสถทำตัวราวกับเด็กน้อย แน่นอนสิ่งที่เรียกว่าเด็ก
น้อยนั้นไม่ใช่ความใสซื่อ ยังไงซะเซียนโอสถก็เป็นคนที่อยู่มาแล้ว
2,000-3,000 ปี แม้ว่าจะมีนิสัยแบบเด็ก ๆ แต่ก็ผ่านประสบการณ์มา
มากมาย ความคิดของเขาต้องไม่ธรรมดา แต่นิสัยของเขานั้นเอาแต่ใจ
เกินไป นิสัยไม่เหมาะกับอายุเขา บางทีนี่อาจจะเป็นนิสัยจริง ๆ ของเขา
หรือว่าเขาอาจจะเสแสร้งก็ได้
การขึ้นมาถึงระดับนี้ได้ ไม่มีใครกล้าบอกว่าพวกเขามองคนอื่นออก
ทั้งหมด เซียนอักษรมั่นใจว่าตัวเองมองคนออก แต่เขาก็ไม่กล้าบอกว่า
เขามองเซียนโอสถออก
“ข้าแค่คิดว่าการได้พูดอะไรออกมาตรง ๆ ก็น่าพอใจกว่าเก็บเอาไว้”
ความสัมพันธ์ระหว่างเซียนโอสถกับเซียนหลอมนั้นดี พวกเขาจึงไม่ได้
โกรธกัน “ข้าไม่เหมือนเจ้าที่เอาแต่เก็บความคิดไว้ในใจ เจ้าไม่เหนื่อย
บ้างรึไง ?”
เซียนหลอมเงียบไป
เซียนอักษรพูดขึ้น “การที่คนลึกลับนั้นปรากฏตัวขึ้นมา ข้ากลัวว่าเผ่า
มนุษย์และทวีปป่ า อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พวกเรายังไม่
มั่นใจเรื่องตัวตนและเป้าหมายของเขา แต่พวกเรามั่นใจจากการปรากฏ
ตัวของเขาได้ว่า จะต้องส่งผลต่อทวีปเป็นอย่างมาก จากนี้ไป พวกเรา
ต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน”
“ไม่คาดฝัน ? มันจะมีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง ? เซียนโอสถสงสัย
ขึ้นมา
“แม้ว่าเขาจะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่ก็ไม่จำเป็นว่าเขาจะเข้าข้างพวกเรา” เซียน
อักษรพูดขึ้น
“เราต้องเตรียมรับมือเอาไว้ล่วงหน้า หากเขาเต็มใจจะเข้าร่วมกับพวกเรา
ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เมื่อถึงตอนนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวกสัตว์อสูร
หรือแม้แต่เผ่ามังกรก็ต้องก้มหัวให้กับมนุษย์…แต่หากเขาร่วมมือกับฝ่าย
อื่นล่ะ? เจ้าลองคิดเรื่องนี้ดูหรือยัง ?”
ประวัติศาสตร์ไม่เคยมีเรื่องที่พวกระดับสูงสุดของมนุษย์ร่วมมือกับสัตว์
อสูร แต่ความกลัวที่เซียนอักษรมีนั้นก็ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
เซียนโอสถกับเซียนหลอมต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา สายตา
ของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล หากคิดตามสถานการณ์นั้นแล้ว เผ่า
มนุษย์จะตกอยู่ในอันตรายจริง ๆ !
แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คิดจะช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ แต่พวกเขาแค่เป็นห่วง
ตัวเอง หากคนลึกลับเป็นคนของสัตว์อสูร งั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็ต้อง
เผชิญหน้ากับอันตรายอย่างมาก !
“เราต้องหาตัวเขาให้เจอ !” เซียนอักษรพูดขึ้น “แม้ว่าจะดึงเขาเข้าร่วมไม่ได้
แต่ก็ไม่อาจจะปล่อยให้เขาเข้าร่วมกับสัตว์อสูรได้ ! เจ้าก็รู้ว่าราชาสัตว์
อสูรต้องการจะทำลายเผ่ามนุษย์ไม่ใช่รึ ข้าไม่คิดจะสู้กับเขา….”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก