ตอนที่ 356 ช่วงเวลาสำคัญ (I)
ทุกคนพากันตื่นเต้น ฉินเหลียนเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน ยังไงซะหลังจาก
ที่รับทหารพวกนี้มา เขาก็จะมีกองทัพที่ประกอบไปด้วยผู้คนที่อยู่
ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 หรือสูงกว่านั้น มันเป็นกองกำลังที่น่ากลัวซึ่ง
อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เขาจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง?
ด้วยกองทัพพวกนี้ เขาไม่ใช่เจ้าเมืองแค่ในนามอีกต่อไป !
“เฮ้อ” ฉันเหลียนสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ เขาได้บอก
กับหลัวซง “เริ่มได้”
หลัวชงพยักหน้าและให้ทหารออกไปเตรียมการทันที ก่อนหน้านี้
ฉินเหลียนได้เตรียมตัวสำหรับขั้นตอนในการรับสมัครทหารเอาไว้
แล้ว เขามั่นใจว่าเขาจะเลือกผู้ที่มีพรสวรรค์ตามแผนของเขาได้
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ตอนที่หลัวซงก็พร้อมที่จะพูดก็มีร่างหนึ่ง
กระโดดออกมาด้วยความเร็วที่น่าตกใจ
ปัง
ร่างนั้นอยู่ไม่ห่างจากฉินเหลียนนัก พื้นดินใต้เท้าร่างนั้นกลายเป็น
หลุม ตอนที่ฝุ่นซาลง ร่างของชายคนนั้นก็เผยออกมาอย่างช้า ๆ
ฉินเหลียนคิ้วขมวด ชายคนนี้เขาเคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่แค่เคยเห็นแต่
เขายังรู้ด้วยว่าชายคนนี้เป็นใคร
เย่ลั้วคนที่เคยเป็นหนึ่งในขยะของเมืองทะเลทราย เขาได้เข้าร่วมกับ
สำนักคังเฉียง และกลายเป็นหนึ่งในศิษย์ของสำนักคังเฉียง
“นายน้อยเย่” ฉินเหลียนแสดงท่าที่สุภาพออกมา เขาไม่อาจจะทำให้
คนจากสำนักทั้งเฉียงไม่พอใจได้ แม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้โดดเด่นอะไร
แต่เขาก็พัฒนาไปได้อย่างดี ฉินเหลียนไม่อาจจะทำตัวหยาบคายกับ
เด็กคนนี้ได้
“ข้าไม่รู้ว่านายน้อยเย่มีเรื่องอะไรกัน?”
เย่ลั้วมองไปที่ฉินเหลียนและพูดขึ้นมา “เจ้าสำนักสั่งให้ข้ามา”
ฉินเหลียนแปลกใจขึ้นมา “เจ้าสำนักรึ ?”
“เจ้าสำนักรู้ว่าท่านกำลังจะรับสมัครทหาร ดังนั้นจึงให้ข้ามาช่วย”
เย่ลั้วสลดเล็กน้อย เขาอยากจะบ่มเพาะอยู่เงียบ ๆ เขาไม่ได้อยากจะ
มายุ่งกับปัญหาต่าง ๆ แต่ศิษย์คนที่เหลือต่างก็ไม่รับงานนี้ จนทำให้
สีหน้าของเจ้าสำนักเปลี่ยนไปและเขาก็ต้องโดนบังคับให้ลงเขามา
เพื่อช่วยงานที่นี่
ช่วยงาน?
เย่ลั้วรู้สึกว่าเขาควรใช้เวลานี้ไปกับการบ่มเพาะจะดีกว่า
“ระดับการบ่มเพาะของข้าน้อยกว่าหลินหมิง หากปล่อยผ่านไปหนึ่ง
วันมันก็จะมากขึ้นกว่าเดิม” เย่ลั้วกดดันเป็นอย่างมาก
“นี่ไม่ใช่แค่หลินหมิง แม้แต่เหมาฉางเฟิง, จางเหิงหยาง, เหยามู่หว่าน
พวกนั้นก็จะก้าวข้ามข้า” ในบรรดาพวกเขา หลินหมิงมีระดับการบ่ม
เพาะแข็งแกร่งที่สุด และคนที่เหลือรวมถึงเขาก็มีระดับที่ทัดเทียมกัน
ระหว่างนี้ทุกคนทำการบ่มเพาะอย่างบ้าคลั่ง พยายามทะลวงผ่านขึ้น
ไปขอบเขตวอชวนให้ได้เพื่อตามหลินหมิงให้ทัน แต่ช่วงเวลาสำคัญ
แบบนี้ เจ้าสานักกลับส่งเซาลงมาช่วยงาน เขาจะดีใจได้ยังไง?
“บางทีข้าอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่บ่มเพาะขึ้นไปถึงขอบเขตว่อชวน
ได้ในชั้นเรียนของเรา” เย่ลั้วเหมือนจะมองเห็นสีหน้าพอใจของ
เพื่อนในหัวตัวเอง และรู้สึกราวกับถูกเยาะเย้ย
ยิ่งคิดเท่าไหร่ยิ่งอึดอัดเท่านั้น !
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะตามหลินหมิงนั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะ
ตามเขียวเหยียนได้เห็นด้วยซ้ำ แต่เขาไม่ต้องการเป็นคนสุดท้ายที่จะ
ทะลวงผ่านขึ้นไปยังขอบเขตวอชวนได้ เขาไม่อาจจะเสียหน้าได้
“ช่วย? คะ แค่ก ฉินเหลียนกระแอมออกมา อันที่จริง ข้าเตรียมพร้อม
เกือบหมดแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยหรือว่าเจ้าจะต้องมาตรวจสอบ?
หากมีอะไรผิดพลาด งั้นเจ้าค่อยแนะนำดีหรือไม่?” เขาไม่คิดว่าเย่ลั้ว
จะช่วยอะไรเขาได้ ในทางกลับกันแล้วมันคงไม่แย่หากเย่ลั้วจะไม่มา
ยุ่ง
เย่ลั้วส่ายหน้า “คงไม่ได้หรอก ข้ารับปากกับเจ้าสำนักเอาไว้แล้ว เป็น
ธรรมดาที่ข้าจะอยู่เฉยไม่ได้”
เขาวางแผนว่าจะแสร้งทำเป็นช่วย และทำการบ่มเพาะ แต่เมื่อเขา
รู้สึกถึงหลิงชี่รอบตัวที่เบาบาง เขาจะบ่มเพาะได้ยังไงกัน ?
หากเทียบกับที่สำนักคังเฉียงแล้ว หลิงชี่ที่นี่เบาบางกว่ามากมันเป็น
การเสียเวลาชัด ๆ และสิ่งที่เขาให้ค่ามากที่สุดในตอนนี้ก็คือเวลา!
อันที่จริงหลิงซี่ที่นี่ก็พอ ๆ กับหลิงชี่พื้นที่อื่น ๆ ของเมืองหรือพื้นที่
ส่วนมากของอาณาจักรโจว มีแค่ที่เมืองหลวงและไม่กี่ที่ทางเหนือที่
มีหลิงชี่สูงกว่าเล็กน้อยแต่ก็มีจำกัด เย่ลั้วรู้สึกว่าหลิงชี่พวกนี้เบาบาง
เพราะเขาชินกับหลิงชี่ที่อัดแน่นอยู่ที่สำนักคังเฉียงแล้วจากความ
หนาแน่นของที่นั่นแล้ว มันยากที่จะหาที่ที่มีหลิงชี่หนาแน่นแบบที่
สำนักคังเฉียงได้ แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะสนใจหลิงชี่ที่นี่อย่างน่นอน
เขากวาดตามองไปยังผู้คนตรงหน้าและรู้สึกอยากจะกลับขึ้นมา
“คนมากแบบนี้จะไม่ยุ่งหรอกรึ?”
ฉินเหลียนรู้สึกอายขึ้นมานิด ๆ “แต่…”
เย่ลั้วโบกมือและเปิดปากพูด “เจ้าเมืองฉิน ท่านใช้เกณฑ์อะไรในการ
รับทหาร ? มีเกณฑ์อะไรเจาะจงหรือไม่?”
ฉินเหลียนตอบกลับตามตรง “ตราบใดที่ข้ามเส้นนี้ไปได้ ไม่ว่าจะอยู่
ระดับไหนอย่างน้อยก็ควรแข็งแกร่งกว่าพวกขอบเขตฉีซวนขั้น 9
ทั่ว ๆ ไป” การที่มีสำนักคังเฉียงคอยหนุนหลัง เขาสามารถเลือกคน
ได้ตามใจชอบ แต่พวกขอบเขตฉีซวนขั้น 9 ที่แข็งแกร่งนั้น เขายังไม่
เคยเห็นเลยสักคน
สำหรับความประพฤติแล้ว ฉินเหลียนหวังว่าคนที่ด้อยกว่าจะผ่าน
การทดสอบ แต่เรื่องนี้ไม่อาจจะตัดสินกันได้ด้วยการทดสอบแบบ
สุ่ม ๆ คนชั่วไม่ได้เขียนประกาศไว้บนหน้าตัวเองว่าเขาชั่วและไม่มี
ใครคิดว่าพวกนั้นชั่วร้าย แม้ว่าจะเป็นโจรที่ฆ่าคน แต่พวกนั้นก็ไม่
คิดว่าตัวเองชั่ว พวกนั้นคิดว่าตัวเองโดนบังคับให้ทำ หรือไม่ก็คิดว่า
เป็นการทำความดีในการปล้นคนรวยช่วยคนจนและกำจัดความ
รุนแรงที่คนอื่นก่อไว้
แม้ว่าในมุมมองของฉินเหลียนแล้ว นี่มันจะไร้สาระแต่มันก็คือความ
จริงของโลกนี้
“ตราบใดที่ผ่านเส้นไปได้?” เย่ลั้วหัวเราะออกมาทันที “ง่าย ๆ เองนี่”
ง่าย ?
ฉินเหลียนไม่ได้คิดว่ามันจะง่าย และเขาถึงกับทดสอบด้วยแรงของ
ตัวเองแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายเลย
เย่ลั้วพยักหน้า “ง่าย ๆ เอง ข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“เอ่อ…”
ฉินเหลียน, หลัวซงและทหารกว่าสิบคน ต่างก็แสดงสีหน้าแปลกใจ
ออกมา
เย่ลั้ววาดวงกลมขึ้นมาและเดินเข้าไปหาผู้คน ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้า
แล้วพูดขึ้น “ข้าจะใช้ทักษะต่อสู้ในวงกลมนี้ หากใครอยู่ได้ 3 อึดใจ
และไม่ออกจากวงกลมไป พวกท่านจะถือว่าผ่านการทดสอบ
“นี่” ฉินเหลียนรู้สึกว่าวิธีนี้มันเกินไปหน่อย มันคงเกิดเรื่องวุ่นวาย
ขึ้นมาแน่ ๆ คนที่รับทดสอบการสมัครทหารกลับเป็นแค่เด็กงั้นรึ?
ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนี้ก็ยังมีพวกขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 หลายคนที่
เป็นฆาตกร ความแข็งแกร่งของพวกนี้บางทีอาจจะทัดเทียมกับพวก
ขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำได้ หากเอาจริงแล้วคงไม่มีทางบอกได้ว่าใคร
กันแน่ที่จะชนะ !
เย่ลั้วไม่ได้เปิดโอกาสให้ใครคัดค้าน เขาได้ตัดสินใจทันที “เอาล่ะ
เอาตามนี้ละกัน”
เขาหันกลับไปมองกลุ่มคนตรงหน้า “อย่าหาว่าข้ารังแกพวกท่านนะ
เข้ามาทีละ 30 คน หากคนน้อย ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะรับมือกันไม่
ไหว”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ฉินเหลียน หลัวซงและทหารคนอื่น ๆ ต่างก็
พากันตะลึง
กลุ่มคนที่มาสมัครต่างก็พากันโกรธ
ผู้บ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 7 และ 8 ไม่ได้รู้สึกอะไร มีแค่พวกขั้น
ที่ 9 ที่รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็อยู่ขั้นที่ 9 เช่นเดียวกัน จากอายุของเย่ลั้วการ
ขึ้นไปถึงขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องยาก เขาถือว่าเป็น
อัจฉริยะ !!
แต่…นั่นไม่ได้หมายความว่าเย่ลั้วจะดูหมิ่นพวกเขาเช่นนี้ได้ !
“ทีละ 30 คนรึ ?” พวกผู้บ่มเพาะขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 จากที่อื่น ๆ
ต่างก็ไม่พอใจคำพูดของเย่ลั้ว มันทำให้พวกเขาโกรธขึ้นมา
“แม้แต่พวกขอบเขตว่อชวนขั้นต่ำ ก็ไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะพวก
ขอบเขตฉีซวนขั้นที่ 9 กว่า 30 คนได้ เด็กนี่คิดว่าตัวเองอยู่ขอบเขต
ว่อซวนรึไง ?”
บ้าเกินไปแล้ว !
ในหมู่ฝูงชน มีหลายคนตาแดงก่ำและมองไปที่เย่ลั้ว
“ไม่ต้องใช้ถึง 30 คนก็เอาชนะเจ้าได้ !” ตอนนั้นเองชายวัยกลางคน
ตัวใหญ่ได้พุ่งออกมาด้วยสายตาเย็นชา
เมื่อเห็นชายคนนั้น ผู้คนก็พากันแสดงสีหน้าตกใจออกมา
“หยานซาน ! เป็นเขาจริง ๆ !”
“นักผจญภัยที่มีชื่อเสียงของเขตตงโจว เขาเอาตัวรอดจากคนที่อยู่
ขอบเขตว่อซวนขั้นต่ำมาได้ เขาเป็นอันดับหนึ่งในหมู่ผู้ที่อยู่ขอบเขต
ฉีซวน เขาถึงกับมาสมัครเป็นทหารที่นี่!”
“ฮ่าฮ่า นี่ต้องเป็นการแสดงที่ดีแน่ ๆ !”
ทุกระดับการบ่มเพาะก็จะมีสังคมของตัวเอง และพวกขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 9 ก็มีสังคมของตัวเองเช่นกัน หยานซานคือหนึ่งในคนที่แข็งแกร่ง
ที่สุดในแวดวงนี้ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ขอบเขตฉีซวน
ขั้นที่ 9 คนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้ แต่พลังในการต่อสู้ที่หยานซานมีนั้นน่า
ทึ่งจนทำให้เขาโด่งดังขึ้นมา
เย่ลั้วมองไปที่หยานซาน ก่อนจะยิ้มออกมา “ท่านมั่นใจรึ ?”
หยานซานฮึดฮัดออกมาอย่างเย็นชา “เข้ามา !”
ระดับการบ่มเพาะขั้นเดียวกัน แม้ว่าเย่ลั้วจะอยู่ในสำนักคังเฉียง แต่
หยานซานก็ไม่คิดว่าเขาจะแพ้
หากเป็นเซียวเหยียน, อูโม่, หลินหมิง หรือคนอื่น ๆ หยานซานคงไม่
กล้าพอที่จะสู้ด้วย แต่เย่ลั้วไม่ใช่คนโด่งดังอะไร ในสำนักคังเฉียงมี
หลายคนที่โดดเด่น แม้แต่จางเหิงหยาง, เหยามู่หว่านและเหมาฉาง
เฟิง ก็ยังโด่งดังกว่าเย่ลั้ว คนที่โด่งดังแบบนั้น หยานซานจะไม่รู้จัก
ได้ยังไง ?
“ข้าแนะนำว่าให้ท่านเรียกเพื่อนมาซะ ไม่งั้นแล้วท่านคงแพ้ขาดลอย”
เย่ลั้วบอกกับอีกฝ่าย “ข้าพูดจริง ๆ ไม่ได้โกหกท่าน”
สีหน้าของเย่ลั้วดูจริงใจ มันเหมือนว่าเขาเป็นห่วงหยานซาน
แต่หยานซานกลับโกรธยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าเขาโดนดูถูก
น่าสลด!
หยานซานอยากจะฆ่าเย่ลั้วทันที!
แต่เขารู้ว่าเย่ลั้วเป็นคนของสำนักคังเฉียง แม้ว่าเขาจะโกรธ แต่เขาก็
ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองและแรงของตัวเองให้ดี เพื่อที่เด็กนี่จะ
ได้ไม่ตาย เขาไม่อาจจะทำให้สำนักคังเฉียงไม่พอใจได้ และเจ้าสำนัก
ก็คือคนที่เขาเคารพที่สุด
“ข้าไม่อาจจะฆ่าเขาได้ แต่สั่งสอนบทเรียนเขาได้ !” หยานซาน
ตัดสินใจและรอให้เย่ลั้วเปิดช่องโหว่ เขาก้าวไปในวงกลมที่เย่ลั้ว
วาดเอาไว้ และจากนั้นก็พูดขึ้นมา
“ท่านเซียนคือคนที่ข้าเคารพมากที่สุดในชีวิต สำนักคังเฉียงเองก็เป็น
ที่ที่ข้าอยากเข้าร่วม ดังนั้นสบายใจได้ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่อย่างน้อยคง
สั่งสอนบทเรียนเจ้า สอนให้เจ้าเข้าใจความเป็นจริง ให้เจ้าเติบโตขึ้น!”
เย่ลั้วเพียงแค่ยิ้มออกมา “งั้นรึ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็รู้สึกสงสารหยานซานขึ้นมา ชายคนนี้แม้ว่า
จะดูไม่น่าพอใจ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ต้องการจะรับใช้สำนักคัง
เฉียง เขาต้องไว้หน้าอีกฝ่ายไม่ลงมือหนักเกินไปนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก