ตอนที่ 392 ปรมาจารย์ปรุงยา 5 ดาว
เมื่อจางหยูพูดจบ กลุ่มผู้ช่วยรวมไปถึงอู่ฉิงฉวนและซู่เหยียนต่างก็
ตื่นเต้นขึ้นมา
เรื่องน่าแปลกใจครั้งใหญ่ !
“ข้าเองก็บ่มเพาะได้ด้วยรึ ?” ซู่เหยียนดีใจอย่างมาก เขาเข้าร่วม
สำนักคังเฉียงได้ไม่นาน และไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับทักษะจี๋อู่ แต่จาก
ที่อู่ฉิงฉวนบอกมา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทักษะจี๋อู่นี้น่ากลัวแค่ไหน
การที่ได้บ่มเพาะทักษะที่น่ากลัวแบบนี้แน่นอนว่าเขาคงไม่ปฏิเสธ
คนส่วนมากต่างก็ตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก มีแค่ศิษย์ชั้นเรียนสัตว์
อสูรรวมถึงศิษย์อย่างหนิวซิงไห่ที่ยังดูใจเย็นอยู่
ทักษะจี๋อู่ที่น่ากลัวนี้ เป็นทักษะบ่มเพาะของมนุษย์ สัตว์อสูรไม่อาจจะ
บ่มเพาะมันได้
โอวเสินเฟิงไม่มีกายเนื้อ เขามีแค่ร่างวิญญาณ ร่างวิญญาณจะบ่มเพาะ
ทักษะจี๋อู่ของมนุษย์ได้ยังไง ?
สำหรับหนิวซิงไห่แล้ว ร่างกายเขาพิเศษกว่านั้น มองบางมุมมัน
เหมือนกับร่างกายของสัตว์อสูร แต่มันก็ต่างกันอยู่ เอาสั้น ๆ คือ
หนิวซิงไห่ไม่อาจจะปมเพาะทักษะจี๋อู่ได้..
หลังจากที่ประกาศข่าวนี้แล้วจางหยูก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “อู่โม่กับสัตว์
อสูรอยู่ต่อ ส่วนคนที่เหลือกลับไปได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเพราะกลัวว่าจะทำให้
จางหยูไม่พอใจ
โอวเสินเฟิงยิ้มออกมา ก่อนจะถอนหายใจแล้วเดินออกมา
หนิวซิงไห่ ดูใจเย็นอย่างมาก ด้วยพรสวรรค์ราชาปิศาจวัวที่เขามี
ความแข็งแกร่งของเขาพัฒนาขึ้นเร็วกว่า เซียวเหยียน และคนอื่น ๆ
แม้ว่าเขาจะบ่มเพาะทักษะจี๋อู่ไม่ได้แต่เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องไม่พอใจ
เขาเชื่อว่าตราบใดที่เขาขยันมากพอ ความสำเร็จในอนาคตก็คงไม่
ด้อยกว่า เซียวเหยียน และคนอื่น ๆ
เมื่อทุกคนกลับไปแล้วจางหยูก็หันไปมองที่อูโม่
“เจ้าสำนัก” อูโม่กังวลอยู่นิด ๆ เขาไม่รู้ว่าทำไมจางหยูถึงอยากให้เขา
อยู่ต่อ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องกังวล
“ไม่ต้องกังวลไป” จางหยูยิ้มออกมา เสียงของเขานุ่มนวล
“การปรุงยาของเจ้าช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง ?”
เมื่อได้ยินว่าจางหยูจะสอบถามเรื่องการฝึกฝนของตัวเองอู่โม่ก็ถอน
หายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาตอบกลับด้วยความเคารพ “การปรุงยาขั้น 3 ข้าทำได้หมดแล้ว แม้ว่า
จะปรุงยาไม่ได้ออกมาเป็นจำนวนมากและคุณภาพสูงไม่เท่ากับเจ้า
สำนัก แต่ข้าก็มั่นใจว่าข้าเชี่ยวชาญความรู้ที่ท่านสอนมา!”
“ดีมาก” จางหยูชมออกมา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้เกียจคร้าน”
อูโม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินคำชมจากปากของจางหยู แต่เมื่ออยู่ต่อ
หน้าจางหยูเขาก็ต้องสะกดอารมณ์ของตัวเองไว้
“เข้ามานี่” อยู่ ๆ จางหยูก็พูดขึ้น
อู่โม่ตกใจ เขาไม่เข้าใจว่าจางหยูหมายถึงอะไร แต่เขาก็ยังเดินเข้าไป
หาจางหยูอย่างเชื่อฟัง
ตอนที่เขากำลังจะหยุด จางหยูก็ยื่นมืออกมา ฝ่ามือนั้นแทบจะจับไป
ที่หัวของอู่โม่ “ฟู่ !”
ต่อมามันก็มีข้อมูลมากมายไหลเข้ามาในหัวของอู่โม่
“นี่…” นัยน์ตาของอู่โม่หดลงทันที และเข้าใจได้ว่าจางหยูจะทำอะไร
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จางหยูใช้ทักษะถ่ายทอดความรู้กับอู่โม่ ดังนั้นอู่โม่
จึงคุ้นเคยกับมันดี เมื่อเขารวบรวมสติได้ เขาก็เข้าใจความคิดที่จางหยูมี
การส่งข้อมูลทางจิตนั้นจะส่งผลเสียต่อจางหยูอย่างมาก อู่โม่อึดอัดใจ
เขาไม่อยากให้จางหยูต้องสูญเสียอะไรไปเพราะเขาที่เป็นคนธรรมดา
“ข้าอู่โม่ที่มีพรสวรรค์ธรรมดาแต่กลับมีความสามารถมากมายเช่นนี้
ได้…” อู่โม่แทบอยากจะร้องไห้ออกมา
ยิ่งจางหยูดีกับเขาเท่าไหร่ เขายิ่งไม่ต้องการให้จางหยูช่วยเขามากเท่านั้น
เพราะเขาได้ยินจากอู่ฉิงฉวนมาหลายครั้งว่าผลกระทบจากการส่งข้อมูล
ทางจิตนี้ส่งผลเสียยังไง เขาถึงกับปรึกษาเรื่องนี้กับอู่ฉิงฉวนคำตอบ
ที่ได้รับจากอู่ฉิงฉวนก็ไม่ต่างอะไรจากที่โอวเสินเฟิงบอกมาเลย
“เจ้าสำนัก หยุดเถอะ ข้าเป็นแค่คนธรรมดา สิ่งที่ท่านทำนั้นข้าไม่
คู่ควรที่จะได้รับมัน!” อู่โม่น้ำตาไหลออกมาและพูดขึ้น
มังกรแดงแคนอื่น ๆ ต่างก็มองหน้ากันด้วยความสับสน
เกิดอะไรขึ้นกัน ?
“เงียบซะ !” จางหยูตะโกนออกมา “อยู่นิ่ง ๆ !”
เสียงของเขาราวกับฟ้าผ่าที่ผ่าเข้ามาในหัวของอู่โม่และทำให้เขามึน
หัวขึ้นมา เขาไม่อาจจะตอบโต้อะไรได้อยู่สักพัก
ตอนที่อู่โม่ได้สติกลับมาจางหยูก็ได้ถึงมือกลับไปแล้ว เขาดูอ่อนล้า
และเหนื่อยอย่างมาก
“เจ้าสำนัก !” อู่โม่เห็นสภาพอ่อนแรงของจางหยู เขาทั้งรู้สึกตื้นตัน
และรู้สึกแย่
จางหยูถามขึ้นมา “ความรู้เรื่องการปรุงยาขั้น 4 ข้าได้สอนเจ้าไปแล้ว
ข้าหวังว่าเจ้าจะใช้มันอย่างดีและไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
อู่โม่พยักหน้าตอบรับโดยไม่ตอบอะไรกลับ
“เอาล่ะ ไปได้” จางหูโบกมือ
“เจ้าสำนัก ท่านไม่เป็นอะไรแน่รึ?” อูโม่มองไปที่จางหยูด้วยสีหน้า
กังวล
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ตายหรอก” จางหยูพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ข้าแค่
อ่อนล้าอยู่สักพัก แน่นอนว่ามันแค่ชั่วคราว มันไม่ได้ส่งผลอะไรมาก”
“หากเจ้าไม่ไป ข้าจะใช้การส่งข้อมูลทางจิตอีกครั้ง !”
อู่โม่ตะลึงและถอยกลับไป ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าขอตัว เจ้าสำนัก ได้
โปรดอย่าใช้มันอีก”
อู่โม่หันกลับและเดินออกไป เพราะกลัวว่าจางหยูจะใช้การส่งข้อมูล
ทางจิตอีกครั้ง
“การส่งข้อมูลทางจิต?” เหล่าสัตว์อสูรต่างก็เบิกตากว้างด้วยความ
ตะลึงมองไปที่จางหยู “เจ้าสำนัก ท่านใช้การส่งข้อมูลทางจิตใน
ตำนานงั้นรึ?”
พระเจ้า ไม่ใช่ว่าการส่งข้อมูลทางจิตนั้นสูญหายไปหลายปีแล้วรึ ?
ไม่แปลกเลยที่เจ้าสำนักทำไมถึงได้ดูอ่อนล้าถึงเพียงนี้ !
“บอกกันว่าการใช้การส่งข้อมูลทางจิต จะสร้างความเสียหายให้กับ
ผู้ใช้อย่างมาก พวกเขาอาจจะตายได้ !” มังกรแดงมองไปที่จางหยู
ด้วยความกังวลและเป็นห่วง “เจ้าสำนัก ท่านไม่เป็นอะไรแน่รึ?”
อินทรีย์ปีกฟ้าและสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่จางหยูด้วยความ
กังวล
“เป็นธรรมดาที่มันจะมีผลเสียแต่ไม่ได้หนักหนาอะไร” จางหยูส่าย
หน้าและแสดงท่าที่เฉยเมยออกมา
มันต่างจากที่เหล่าสัตว์อสูรคิดเอาไว้ จางหยูไม่ใช่แค่ไม่เป็นอะไร
แต่ยังอยู่ในสภาพที่ดีและตูสบายดังเดิม
หลังจากที่อูโม่ขึ้นเป็นปรมาจารย์ปรุงยา 4 ดาวแล้ว จางหยูก็ได้รับ
รางวัลเป็นปรมาจารย์ปรุงยา 5 ดาว!
ตั้งแต่ที่อูโม่เข้าร่วมสำนักจนถึงตอนนี้ กินเวลาไม่ถึงปี จางหยูตั้งแต่
ที่เป็นคนธรรมดาตอนนี้กลับกลายเป็นปรมาจารย์ปรุงยา 5 ดาว ด้วย
ความเร็วระดับนี้แล้ว หากดูจากประวัติศาสตร์ก็ไม่อาจจะเอาใครมา
เทียบได้ !
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เดือนหน้าช่วงเวลาการฟื้นตัวของทักษะถ่ายทอด
ความรู้ก็จะเสร็จสิ้น ถึงตอนนั้นจางหยูก็สามารถขึ้นเป็นปรมาจารย์
ปรุงยา 6 ดาวได้ !
เขาจะเป็นปรมาจารย์ปรุงยาระดับสูงที่สุดในทวีป สามารถปรุงยา
แบบไหนมาก็ได้ ด้วยฐานะแบบนั้นแม้แต่ตัวจางหยูเองก็ตื่นเต้นไป
ตามด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน จางหยูก็ใจเย็นลงและมองไปที่เหล่าสัตว์อสูร สี
หน้าที่ซีดของเขาเริ่มฟื้นฟูกลับมาบ้างเล็กน้อย
อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าอ่อนล้านี้คือเรื่องโกหกทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแล้ว
เขาจะอธิบายกับคนอื่นยังไง เมื่อทุกคนเข้าใจผิด การปล่อยให้เข้าใจ
ผิดแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
“การก่อสร้างเมืองทะเลทรายเป็นยังไงบ้างมังกรแดง?” จางหยูถาม
ขึ้นมา
“การก่อสร้างตัวเมืองหลักตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว และน่าจะสิ้นสุดใน
วันพรุ่งนี้” มังกรแดงมองไปที่จางหยูและรายงานกลับไป หลังจากที่
รายงานเสร็จเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าสงสัยออกมา “เจ้าสำนัก
มีคำสั่งอะไรรึ ?”
เจ้าแห่งเขตมืดที่เคยแต่สนใจสัตว์อสูรตัวเมีย ตอนนี้กลับกลายเป็น
ช่างก่อสร้างระดับสูงของทวีปไปแล้ว !
ความรู้สึกหุนหันและขี้โมโหเดิมในตอนแรกหายไปไหนกัน?
โดยเฉพาะกับการที่ระดับการบ่มเพาะของเขา ขึ้นมาถึงขอบเขตหลิง
ซวน และกลายเป็นมนุษย์ได้ ความหุนหันและหงุดหงิดง่ายของเขาก็
เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเหมือนกับช่างก่อสร้างขึ้นมาจริง ๆ
ช่างก่อสร้างฝีมือดี !
สภาพแวดล้อมสามารถเปลี่ยนคนได้ มังกรแดงรับรู้เรื่องนี้ด้วยตัวเอง!
จางหยูมองไปที่มังกรแดง สายตาเขาผิดปกติเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าจะดี
ใจหรือเศร้าดีกับการที่เจ้าแห่งเขตมืดที่ฆ่าผู้คนราวกับมดปลวก สนใจ
แต่สัตว์อสูรตัวเมีย แต่เมื่อมาอยู่ที่สำนักคังเฉียง ในหัวเขากลับคิดแต่
เรื่องการก่อสร้างตลอดทั้งวัน
มันน่าจะเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึ ?
การพาลูกแกะที่หลงทางกลับมาในเส้นทางที่ถูกต้อง มันคือสิ่งที่ดีแล้ว
จางหยูสลัดความคิดฟุ้งซ่านในหัวทิ้งและพูดขึ้นมา “เมื่อการก่อสร้าง
เมืองเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะมอบหมายงานให้เจ้าอีก” เขาบอกกับเหล่า
สัตว์อสูรทั้งหมด “ภูเขาแห่งนี้กลายเป็นของสัตว์อสูรแล้วและภูเขานี้
ก็คือพื้นที่ส่วนตัวของสำนักคังเฉียง ดังนั้นข้าจึงวางแผนที่จะปรับ
เปลี่ยนที่นี่ใหม่ และทำให้สำนักคังเฉียงกลายเป็นดินแดนศักด์ิสิทธ์ิ
จริง ๆ !”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ จางหยูก็หยุดและมองไปที่เหล่าสัตว์อสูร เพื่อให้เวลา
พวกนั้นได้คิดตาม หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเขาก็พูดต่อ “การรับศิษย์
ในครั้งหน้าใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้าหวังว่าในอีก 1 เดือน เจ้าจะทำให้
ภูเขาแห่งนี้กลายเป็นดินแดนศักด์ิสิทธ์ิ ศิษย์ในอนาคตจะไม่คิดออก
จากที่นี่เมื่อเข้ามาในสำนักคังเฉียงแล้ว พวกเจ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะทำ
ได้ ?”
มันยากที่จะสร้างภูเขาลูกนี้ให้กลายเป็นดินแดนศักด์ิสิทธ์ิในเวลาอัน
สั้น ดังนั้นมันชัดแล้วว่าต้องใช้คนจำนวนมากหลายเท่าตัว เมื่อเทียบ
กับการสร้างเมือง วิธีแก้นี้คือต้องใช้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหมด พวกเขารู้
ภูมิประเทศของพื้นที่นี้และมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น เป็นธรรมดา
ที่พวกเขาจะทำได้ง่ายกว่า
“มันยากอยู่แต่ข้าจะพยายามให้มากที่สุด” มังกรแดงคิดอยู่สักพักแล้ว
ตอบกลับ
“แค่รับปากคงไม่ได้ ข้าต้องการให้เจ้ายืนยันว่าเจ้าจะทำได้ !” จางหยู
พูดขึ้น
“นี่” มังกรแดงดูเครียดขึ้นมา เขาไม่อาจจะรับรองเรื่องแบบนี้ได้
“หากมีคนไม่พอ ข้าให้เจ้าเรียกพวกผู้ช่วยสอนและพ่อครัวมาช่วย
พวกเจ้าได้ !” จางหยูพูดขึ้น “ตอนนี้เจ้ามั่นใจหรือยัง ?”
มังกรแดงพูดขึ้นมาทันที “หากมีพวกเขาช่วย แน่นอนว่าไม่มีปัญหา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบเจ้าสำนัก