“ฉินอวิ๋นฟาน เจ้า เจ้าปล่อยข้านะ!”
เห็นฉินอวิ๋นฟานใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้แล้ว มู่หรงจิ่นก็ลนลาน สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบุรุษที่แผ่ออกมาจากตัวเขา มู่หรงจิ่นค่อนข้างขี้อาย ร่างกายอ่อนเปียกอยู่ในอ้อมอกของฉินอวิ๋นฟานแบบไม่รู้ตัว
“ปล่อยเจ้าหรือ? เจ้าเห็นข้ายังเป็นไอ้โง่คนเมื่อก่อนที่เจ้าพูดอะไรก็ต้องเชื่อฟังหรือยังไง?”
ฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจ หันไปมองเสี่ยวจวี๋ที่ยังอึ้งอยู่ข้าง ๆ “ยังยืนทื่อทำอะไรอีก? รีบกลับตำหนักนอนสิ ข้าต้องการสนุกด้วยกัน!”
ถึงเสี่ยวจวี๋จะไม่โดดเด่นเท่ามู่หรงจิ่น แต่ก็เป็นดรุณีวัยแรกแย้ม ผอมเพรียวสะโอดสะอง หน้าตาคมสัน เนื่องจากนางเกิดมาก็มีชะตาต้องรับใช้นาย แต่เล็กจนโตถูกกรอกความคิดที่ต้องทำตามเท่านั้น
ต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน ไม่ว่านางจะน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ได้แต่อดทน เพราะผู้ชายตรงหน้าคือรัชทายาทผู้อยู่ใต้หนึ่งคนเหนือหมื่นคน แถมยังเป็นไปได้มากว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ลำดับต่อไปของต้าเฉียน นางที่เป็นสาวใช้เช่นนี้ได้แต่ทำตามคำสั่งเท่านั้น
“หา อ้อ!”
เสี่ยวจวี๋ตระหนักได้แล้วว่าถัดจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะที่เป็นสาวใช้ นางไม่มีสิทธิ์เลือก รัชทายาทแข็งกร้าว นางได้แต่ยอมปรนนิบัติ!
ครั้นเห็นดวงหน้าเหนียมอายของมู่หรงจิ่น สัมผัสเรือนร่างหอมฉุยแล้วก็ทำให้ฉินอวิ๋นฟานสดชื่นกระชุ่มกระชวย จักจี้หัวใจยากจะทานทน!
“ฉินอวิ๋นฟาน ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอร้องละ ปล่อยข้าไปเถอะ”
เวลานี้มู่หรงจิ่นทั้งอายทั้งร้อนรน แทบอยากแทรกแผ่นดินหนี พอนึกถึงว่าต้องเร่าร้อนเหมือนเมื่อคืน หัวใจนางก็ตื่นตระหนกลนลาน
“ทำไม? เมื่อกี้ยังท้าทายข้าอยู่ไม่ใช่หรือ? ตอนนี้รู้จักมาขอร้องแล้ว? สายไปแล้ว!”
ครั้นสิ้นเสียง ฉินอวิ๋นฟานเลือดสูบฉีด กระโจนเข้าไปใช้ปากใหญ่จุมพิตคอของมู่หรงจิ่นทันที!
“อื๊อ...”
เมื่อมู่หรงจิ่นรู้สึกถึงความเร่าร้อนและแรงกดดันจากกายแกร่งนั้นของฉินอวิ๋นฟานอีกครั้งก็ส่งเสียงครางหวานออกมา ร่างกายอ่อนระทวยโดยสมบูรณ์ สุดแต่ฉินอวิ๋นฟานจะกระทำ
ระหว่างนี้ ในห้องมีเสียงอื้ออ๊าดังค่อยสลับกันดังช่วงเวลาหนึ่ง
......
ปัง!!!
“นี่เขากำลังจะประกาศศึกกับตระกูลฮั่วข้าหรือ?”
ตระกูลฮั่ว ตระกูลนักรบชื่อดัง!
ฮั่วเจิ้นหลงที่เป็นผู้นำตระกูลฮั่วทุบถ้วยน้ำในมือแรง ๆ จนแตกละเอียด แผ่กลิ่นอายเผด็จการและพลังกดดันไร้รูปออกมาจากทั่วตัว นั่นคือกลิ่นอายของผู้เป็นใหญ่ ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างระมัดระวังที่สุด เงียบเป็นเป่าสาก
“ท่านพ่อตาระงับอารมณ์ด้วย!”
ตอนนี้เอง องค์ชายใหญ่ฉินอวิ๋นคังก้าวออกมาพูดปลอบ “เสียรองเจ้ากรมคลังไปสักคนก็ไม่เป็นไร อีกสามวันก็คือวันขึ้นครองราชย์ของข้าแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของไอ้ฉินอวิ๋นฟาน”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฮั่วเจิ้นหลงจึงคลายอารมณ์โกรธลงเล็กน้อย เขาเอ่ยเสียงหนัก “คังเอ๋อร์ การประลองคราวนี้สำคัญมาก เจ้าเตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?”
“การประลองด้านบู๊ พละกำลังกับการประลองกำลังยุทธ์เป็นเรื่องที่ข้าถนัด ในหมู่รุ่นเยาว์คงยากจะหาคู่ต่อสู้คนที่สองได้ เรื่องการยิงธนู ข้าเจาะจงให้เว่ยเยียนอาวุธสังหารลับของข้าลงสนาม แบบนี้จะประกันว่าไม่ผิดพลาด โดยรวมแล้วรับรองได้ว่าจะชนะการประลองด้านบู๊ทั้งสามรายการ”
ฉินอวิ๋นคังเอ่ย “แต่การประลองด้านบุ๋นไม่ใช่เรื่องที่เราถนัด เจ้ารองฉินอวิ๋นฮุยเก่งบุ๋นที่สุด น่ากลัวว่าเขาจะทุ่มกับการประลองด้านบุ๋น ข้าเชิญเหลียงคังจวิ้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของต้าเหลียงมาลงแข่งแล้ว ศึกนี้ต้องชนะแน่ ส่วนการประลองอีกสองรายการ ข้าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร!”
“อื่ม! เจ้าทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว แค่ประกันว่าจะชนะแน่หนึ่งรายการก็พอ ที่เหลือก็ดูว่าฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะเลือกยังไง”
ฮั่วเจิ้นหลงเอ่ยเสียงหนัก “องค์ชายองค์อื่น ๆ มีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่ โดยเฉพาะรัชทายาทคนปัจจุบันฉินอวิ๋นฟาน!”
“ท่านพ่อตา สถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนอยู่แล้วนี่ เจ้ารองเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของข้า เขามีความเคลื่อนไหวจริง ๆ นั่นแหละ สำหรับองค์ชายองค์อื่น ๆ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย โดยรวมน่าจะยอมแพ้แล้วกระมัง!”
ฉินอวิ๋นคังกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “ส่วนเจ้าเจ็ด ตอนนี้มันหัวเดียวกระเทียมลีบ ต่อให้ไม่โง่แล้วจะยังไง? ไม่มีใครอยากออกหน้าให้มันหรอก ตัวผอมแห้งอย่างมัน ถ้ามันกล้าขึ้นเวทีประลอง ข้าก็กล้าที่จะเอามันให้ตายไปซะ!”
ในสายตาของฉินอวิ๋นคัง นี่ก็คือการตัดสินระหว่างน้องรอง คนอื่น ๆ ไม่คู่ควรจะต่อสู้กับเขาหรอก เพราะนี่ไม่ใช่การต่อสู้ของคนคนเดียว แต่เป็นการแข่งขันเรื่องเส้นสายด้วย
ดังนั้นชะตาของหลาย ๆ คนจึงถูกกำหนดตั้งแต่เริ่มแล้ว
จวนองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย!
ข้างกายฉินอวิ๋นฮุยมีบุรุษกำยำอายุสี่สิบกว่าคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ข้าง ๆ ยังมีชายหนุ่มเคราแพะในชุดผาวมือถือพัดนั่งอยู่อีกคนหนึ่ง
“อะไรนะ?”
“ทิ้งการประลองหรือ!”
ฉินอวิ๋นกว่างและถังเจิ้นไห่ตกตะลึงอย่างหนัก อดทนอดกลั้นอยู่นาน คิดไม่ถึงว่าพอถึงช่วงเวลาสำคัญท่านอ๋องจะให้พวกเขายอมแพ้? เช่นนั้นการเตรียมตัวเริ่มก่อนหน้านี้ก็เสียเปล่าทั้งหมดสิ?
“เสด็จอา ถ้ายอมแพ้ เกรงจะไร้วาสนากับบัลลังก์จริง ๆ แล้วนะ!”
เดิมทีฉินอวิ๋นกว่างอยากพยายามในครั้งสุดท้าย คิดไม่ถึงว่าท่าทีของฉินอ้าวจะแน่วแน่ เขาเอ่ยเสียงหนัก “สถานการณ์ในเวลานี้น่ากลัวว่าจะไม่ธรรมดาอย่างที่เราคิดอย่างนั้น การเปิดเผยฐานะตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด คอยดูต่อไป รอการเปลี่ยนแปลง!”
ฉินอ้าวตัดสินใจ พวกเขาสองคนจึงได้แต่เลือกที่จะทำตาม
กำหนดสามวันเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไป พรุ่งนี้คือวันที่ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวจะเลือกราชบุตรเขยแล้ว ขณะม่านราตรีมาถึง หลู่หนีตะลีตะลานมาถึงฉินอวิ๋นฟานด้วยหัวใจร้อนรุ่มเป็นไฟ
“รัชทายาท ปืนสั้นที่ท่านต้องการทำเสร็จเสียที”
ครั้นรับปืนสั้นสีดำขลับมา ฉินอวิ๋นฟานก็รู้สึกตื่นเต้นที่สุด เล่นอยู่ในมือไปมา พูดเลยว่าสมบูรณ์แบบ เขามองหลู่หนีด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม “เจ้าสงสัยในอานุภาพของมันไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นความน่ากลัวของเจ้าสิ่งนี้สักหน่อย”
ไม่รอให้หลู่หนีทันได้สติ เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานเหนี่ยวนกไปด้านหลังเบา ๆ จากนั้นก็ยิงก้อนหินที่อยู่ไกลออกไปสามสิบเมตรโดยตรง
ปัง!
ได้ยินเพียงเสียงดังทุ้ม เขม่าควันพวยพุ่งออกมาจากปากกระบอกปืน ส่วนตรงก้อนหินปรากฏรูลึกเท่านิ้วหัวแม่มือแล้ว เสียงระเบิดกะทันหันทำเอาหลู่หนีสะดุ้ง
“ปืน ปืนสั้นนี่ดูเหมือนของเล่น กลับมีพลังยิงน่ากลัวเช่นนี้เลยหรือ? แม้เป็นหน้าไม้ที่น่ากลัวก็ยังเทียบอานุภาพมันไม่ติดหนึ่งในสิบส่วน? นั่นมันก้อนหินนะ ยิงทีเดียวก็เป็นรูได้แล้ว? ร่างกายของคนจะแข็งแกร่งเพียงไรหรือจะแกร่งกว่าก้อนหิน?”
หลู่หนีคืนสติ ตกตะลึงมากแบบที่มิอาจมากได้อีก มิน่ารัชทายาทถึงบอกว่านี่คืออาวุธสังหารร้าย ร้ายกาจกว่าหน้าไม้ร้อยเท่า เป็นเช่นนี้นี่เอง ตอนนี้ ตอนนี้เขาหมอบราบคาบแก้วกับวิธีการของฉินอวิ๋นฟานโดยสิ้นเชิงแล้ว
ฉินอวิ๋นฟานยกยิ้มตรงมุมปากน้อย ๆ “พรุ่งนี้ก็ตัดสินแพ้ชนะแล้ว ใครจะได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ตำแหน่งสูงสุด ได้อุ้มสาวงามแห่งยุคกลับ ก็ต้องดูที่การประลองสุดท้ายแล้ว องค์ชายทั้งหลาย พวกเจ้าเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง?”
“คืนนี้ เกรงว่าจะนอนไม่หลับแน่กระมัง?”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รัชทายาทชะตาฟ้า