รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 228

บทที่228 ผู้ช่วยจางลูกจ้างผู้ต่ำต้อย

เป็นอะไรหรอ? ถังซินรู้สึกเครียดในใจ ไม่ใช่ว่าคุณเกาคิดอยากจะตายนะ?

“ไม่ใช่ พ่อฉันหมดสติ ถูกส่งโรงพยาบาลแล้ว”

“ ฉันจะไปกับคุณ” ท่านมู่ดีกับถังซินมาก เมื่อท่านเกิดเรื่องในใจถังซินก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอจึงลากมู่เฉินหย่วนขึ้นรถ “โรงพยาบาลในเมืองหรอ?”

“ ใช่”

แผนกรักษาตัวในโรงพยาบาล ท่านมู่พักห้องคนไข้ส่วนตัวที่หันหน้าไปทางถนนพอดี เขากำลังปอกเปลือกส้มกิน เห็นถังซินกับมู่เฉินหย่วนลงมาจากรถก็รู้สึกดีใจ

“ใช้ได้นี่นาเฉินหย่วน เอาเสี่ยวซินมาด้วย” ท่านมู่รีบขึ้นไปบนเตียง พูดเร่งรัดผู้ช่วยจาง” รีบไปเรียกหมอมา บอกว่าฉันอาการหนัก ถ้าจะให้ดีบอกว่าใกล้ตายแล้ว”

ผู้ช่วยจางยิ้มมุมปาก “คุณท่าน ทำแบบนี้ไม่เกินไปหรือครับ ถ้าหากว่า—”

“นายจะพูดมากทำไม!” ท่านมู่แสดงความไม่พอใจ “ตนเองหาแฟนของตนเองไม่ได้ก็ยังเถอะ อย่าเอามาเกี่ยวพันกับลูกชายฉัน”

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรโกหกคุณถังซิน” ผู้ช่วยจางเอ่ยขึ้น “กรณีตัวอย่างของประธานมู่ยังไม่พออีกหรอคับ?”

ท่านมู่พูดตอบโต้ “มันเหมือนกันที่ไหน? และสุขภาพฉันก็ไม่ดีจริงๆ ไม่ใช่สิ ผู้ช่วยจางตกลงนายอยู่ข้างใครกันแน่ นายเป็นนักสืบหรอ?”

“คุณท่าน ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

ผู้ช่วยจางอยากที่จะอธิบาย ท่านมู่รำคาญจึงพูดตัดบทขึ้นว่า “นายรีบไปเรียกหมอเถอะ นายไม่มีคนที่ชอบ ฉันพูดกับนายไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ”

ผู้ช่วยจางออกไปจากห้องคนไข้อย่างเงียบๆ แต่ในใจแทบจะร้องไห้ออกมา

เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อบริษัทมู่ซื่อ ถึงแม้ดำเนินชีวิตไปอย่างลำบากก็ไม่เป็นไร ท่านมู่ยังจะมาโจมตีเขาอีก

มันไม่ถูกต้อง!

เมื่อมู่เฉินหย่วนและถังซินได้รีบเข้ามาถึงห้องคนไข้ เห็นผู้ช่วยจางและคุณหมอยืนข้างเตียงคนไข้ คุณหมอกำลังตรวจร่างกายให้กับท่านมู่ที่อยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ประธานมู่ คุณถัง” ผู้ช่วยจางทักทายพวกเขา ทำท่าทางอึดอัดใจอยากจะพูดแต่พูดไม่ออก บวกกับที่ท่านมู่เป็นแบบนี้ ทำให้ใจของถังซินตกไปถึงตาตุ่ม

มู่เฉินหย่วนสีหน้าก็เศร้าลงเช่นกัน

หลังจากที่รอคุณหมอตรวจเสร็จ เขาจึงเข้าไปถาม “พ่อผมเป็นยังไงบ้าง?”

คุณหมอเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีท่านมู่มีอาการของโรคหัวใจ รักษาได้แค่ตามอาการ…คุณมู่ ถ้ามีเวลาว่าง ใช้เวลาอยู่กับท่านมู่ให้มาก”

มู่เฉินหย่วนเงียบไปสักครู่ ถังซินรู้สึกว่าบรรยากาศไม่ค่อยดี เธอจึงพูดกับคุณหมอขึ้นว่า “ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ คุณกลับไปทำงานต่อเถอะค่ะ พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนท่านมู่ที่นี่”

คุณหมอพยักหน้า และออกไปจากห้องคนไข้ทันที

ท่านมู่ที่นอนอยู่บนเตียงได้ลืมตาขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดูแล้วหม่นหมอง

ผู้ช่วยจางที่มองดูอยู่ได้ขมวดคิ้วตลอดเวลา ไม่เคยเห็นใครที่สามารถแกล้งเป็นคนป่วยได้เก่งกว่าประธานมู่

เพื่อให้การแสดงได้ดำเนินต่อ เขาจึงเดินไปที่ข้างๆเตียง “คุณท่านตื่นแล้วหรอ รู้สึกอย่างไรบ้าง?”

“ฉันรู้สึกเหนื่อย เฮ่ย แก่แล้ว” ท่านมู่ทอดถอนหายใจ เมื่อมองเห็นถังซิน สายตาก็เป็นประกาย เอามือกวักเรียกเธอเข้ามา “เสี่ยวซินเข้ามานี่”

ถังซินรีบเข้าไปและจับที่มือของเขา “ท่านมู่”

ขอบใจที่เธอมาดูฉัน

“เพราะว่าฉันคิดถึงท่าน จึงมาหาท่านพร้อมกับคุณมู่” ถังซินพูดอย่างยิ้มแย้ม “ถ้าท่านไม่รังเกียจฉัน ต่อไปถ้าฉันมีเวลา ฉันจะมาหาท่านบ่อยๆ ดีมั้ยคะ?”

ท่านมู่ทำสีหน้าให้ผู้ช่วยจางออกไปอย่างเงียบๆ ผู้ช่วยจางจึงเดินเข้าไปข้างๆมู่เฉินหย่วน “ประธานมู่ คุณท่านอยากคุยกับคุณถัง พวกเราออกไปก่อนเถอะ”

มู่เฉินหย่วนไม่ได้พูดอะไร และออกไปข้างนอกกับผู้ช่วยจาง

“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ฉันยังมีความฝันอีกมากที่ยังทำไม่สำเร็จ” ท่านมู่เอ่ยขึ้น

ถังซินปลอบโยนเขา “ท่านจะต้องอยู่นานไปจนถึงร้อยปีแน่นอนค่ะ”

ท่านมู่จับมือเธอไว้แน่น “เรื่องของเฉินหย่วนกับฉันเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้ มีเพียงเธอและฉันที่รู้ ฉันหวังว่าเธอจะให้อภัยเฉินหย่วน”

“หยางซิวตายไปแล้ว ฉันก็เจ็บปวดใจ แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเฉินหย่วน และหลิวฟางยังมีลูกอีกคนที่ยังสามารถดูแลเธอได้ แต่เฉินหย่วนกลับไม่มีอะไรเลย”

“ตอนนี้ท่านอย่าพึ่งคิดมากเลยนะคะ รักษาตัวให้ดี” ถังซินเม้มปาก “ต้องมีคนดูแลคุณมู่เป็นอย่างดีแทนท่านแน่นอนค่ะ”

ท่านมู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “เสี่ยวซิน เธอไม่ชอบเฉินหย่วนแม้แต่น้อยเลยจริงๆหรอ?”

ถังซินไม่ได้พูดอะไรออกมา

เคยชอบ แต่เธอไม่สามารถลบเรื่องก่อนหน้านี้ออกไปจากใจได้

“ผู้หญิงที่ชอบมู่เฉินหย่วนนั่นมีเยอะ แต่สองคนจะอยู่ด้วยกันได้มั้ยนั้น ต้องดูที่พรหมลิขิต” ท่านมู่ได้เอ่ยขึ้น “เขาก็ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว จะอายุเลยสามสิบแล้ว”

เขาตีไปที่มือถังซินเบาๆ “ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เรื่องความรู้สึกบังคับกันไม่ได้ ฉันเพียงแค่หวังว่าเธอจะสามารถช่วยฉันดูแลเขา ฉันก็จะจากไปได้อย่างวางใจ”

“ท่านมู่ ท่านอย่าพูดแบบนี้ค่ะ”

“ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี” ท่านมู่หยิบเอาแหวนออกมาจากใต้หมอนมาหนึ่งวง เป็นแหวนไพลินที่ตอนแรกได้ให้กับถังซินแต่ก็ถูกเอาคืนกลับมา “แหวนวงนี้เธอรับไว้เถอะ ถ้าเกิดเธอเจอผู้หญิงที่เธอคิดว่าใช้ได้ก็แนะนำให้เธอรู้จักกับเฉินหย่วน เอาแหวนวงนี้ให้กับเธอคนนั้น”

เขาไม่ได้บังคับให้แหวนวงนี้กับถังซิน แต่ให้เธอดูแลเก็บรักษาไปพลางๆก่อน

ถังซินไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร ทำได้เพียงแค่รับเอามา “ได้ค่ะ ฉันจะรับไว้ ถ้าหากว่าคุณมู่และคุณส้งแต่งงานกันจริงๆ ฉันจะเอาแหวนนี้ให้กับคุณส้ง”

อุบายของท่านมู่นั้นมีหลากหลายวิธี ท่านมู่รู้สึกเหมือนได้กลิ่นผิดปกติจากคำพูดของถังซิน เขาจึงยิ้มมุมปากขึ้นและแสร้งทำเป็นอ่อนแอไม่มีแรง “เสี่ยวซิน ลำบากเธอแล้วหล่ะ”

ด้านนอกห้องคนไข้ มู่เฉินหย่วนใช้ปลายนิ้วตีไปที่บนกางเกงสูทเบาๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกๆใจ

จากนั้น เขาก็เหมือนจะเข้าใจอะไรแล้ว ชำเลืองมองผู้ช่วยจาง และพูดอย่างเบาๆขึ้นว่า “เมื่อสักครู่ฉันได้กลิ่นของส้มในห้องคนไข้”

“ผมกินเอง” ผู้ช่วยจางดันทุรังพูดขึ้น “เพราะว่าค่อนข้างเครียด เลยไม่อยากปล่อยให้ปากว่าง”

มู่เฉินหย่วนยิ้มอย่างเย็นชา “อย่างงั้นหรอ? ฉันจะซื้อส้มซักห้ากิโลให้นาย อยากจะดูว่านายยังจะกินลงไปได้อีกมั้ย”

เป็นความคิดที่ไม่ดีเลย!

ผู้ช่วยจางเริ่มปิดไว้ไม่มิดจึงสารภาพผิดทุกอย่างออกมา “ประธานมู่ ผมเป็นแค่ลูกจ้างผู้ต่ำต้อย ทั้งหมดเป็นความคิดของคุณท่าน คุณสงสารผมเถอะนะ”

มู่เหยินหย่วนทำหน้าเคร่งขรึม โกรธเคืองจนเห็นเส้นเลือดดำบนหน้าผากอย่างชัดเจน “ฉันก็รู้สึกแปลกใจ อยู่บ้านปลูกต้นไม้ อาบแดดทุกวัน เรื่องให้กังวลก็ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ทำไมถึงได้หมดสติ!”

ผู้ช่วยจางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆขึ้นว่า “จริงๆแล้วคุณท่านก็มีเรื่องให้กังวลใจ ขาดหลานให้เล่น ประธานมู่ ถ้าคุณเติมเต็มความหวังนี้ของท่าน ท่านก็จะไม่ก่อความวุ่นวายแล้ว”

“ฉันให้นายพูดแล้วหรอ?”

ลูกจ้างผู้ต่ำต้อยอย่างผู้ช่วยจางจึงเงียบปากไม่พูดจา หันหน้าเข้าไปทางกำแพง

จนปัญญาแล้ว!

หลังจากราวๆครึ่งชั่วโมง ถังซินก็ออกมาจากห้องคนไข้ เหมือนกับเป็นทุกข์เล็กน้อย แต่เธอได้เอาความโศกเศร้านั้นปิดบังไว้ภายในจิตใจ

ถังซินเอ่ยขึ้นว่า “ท่านมู่หลับไปแล้ว”

มู่เฉินหย่วนมองเข้าไปในห้องคนไข้ ทั้งโกรธทั้งขำ ท่านมู่น่าจะเดาได้แล้วว่าเขาต้องรู้แน่นอน จึงแกล้งทำเป็นหลับ กลัวว่าเขาจะเข้าไปซักถาม

“ถ้าอย่างนั้นก็ให้ผู้ช่วยจางอยู่ที่นี่ ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้าน” มู่เฉินหย่วนเอากุญแจรถจากผู้ช่วยจาง

ถังซินอยากที่จะปฏิเสธ แต่มู่เฉินหย่วนยืนยันความตั้งใจ และเธอก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่หน้าประตูห้องคนไข้ จึงช่างมันเถอะ ทั้งสองคนจึงไปเอารถที่จอดอยู่ที่ชั้นใต้ดิน

หลังจากที่ขึ้นรถ เธอกลับไม่พูดอะไร ก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

มู่เฉินหย่วนเห็นเธอท่าทางผิดปกติ เหมือนกับโดนท่านมู่ขู่ไว้ จึงพูดขึ้นมาว่า “คุณถัง ไม่ว่าพ่อฉันจะพูดอะไร คุณอย่าได้ใส่ใจเลย”

หลังจากที่ถังซินได้รู้เรื่องพ่อแม่ของมู่เฉินหย่วนจากท่านมู่ ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ทำไมฟังแล้วไม่รื่นหู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน