รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 229

บทที่ 229 เอาอกเอาใจตามอารมณ์ของคุณมู่

ต่อไปมู่เฉินหย่วนก็จะต้องรู้แล้ว ยังจะต้องแก้คำพูดยังไง?

“ท่านมอบหมายเรื่องที่สำคัญขนาดนี้ ฉันจะไม่เอามาใส่ใจได้ยังไง?” ถังซินเอ่ยขึ้น “ฉันก็กลุ้มใจเหมือนกัน คนใกล้ตัวฉันไม่มีผู้หญิงเลย”

มู่เฉินหย่วนรู้สึกแปลกๆ “ท่านพูดอะไรกับคุณ?”

ถังซินมองไปที่เขา และพูดอย่างหัวเราะเยาะเย้ย “ท่านมู่บอกว่าคุณอายุไม่น้อยแล้วจะอายุสามสิบแล้ว จึงให้ฉันแนะนำเพื่อนที่ดูเหมาะสมให้กับคุณ”

“เธอตั้งใจจะยั่วโมโหฉันใช่มั้ย?”

“ไม่ใช่นะ ท่านมู่พูดแบบนี้จริงๆ เธอลูบคางและคิดใคร่ครวญ น้องสาวฉันเป็นยังไง? แม้ว่าจะโง่เล็กน้อย แต่ว่าผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงโง่กันหรอ”

จากนั้นรถจึงเบรกกะทันหัน เบรกแรงจนอีกนิดเดียวตัวของถังซินแทบจะพุ่งออกไป

มู่เฉินหย่วนรีบปลดเข็มขัดออกให้ถังซินทันที ดันเปิดประตูรถ และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ลงรถ!”

“ถนนใหญ่มีแต่รถ คุณล้อเล่นรึเปล่า!” ถังซินเห็นว่าทั้งข้างหน้าข้างหลังมีแต่รถ จึงออกแรงดึงปิดประตู “ถ้าคุณไม่เอาก็ไม่เอา ฉันจะช่วยหาให้คุณอีก”

……

ด้านหลังมีรถบีบแตร

เห็นมู่เฉินหย่วนไม่ขยับรถ เธอจึงพูดเร่งเขา “คุณขับรถสิ ถ้ามีคนอารมณ์ร้ายมาฟันเอาจะทำยังไง?”

มู่เฉินหย่วนสตาร์ทรถออกไปอย่างไม่พูดไม่จา เมื่อผ่านไฟแดงกลับเลี้ยวรถ

“ทางไปบริษัทกับบ้านของฉันไม่ใช่เส้นทางนี้” ถังซินคิดว่าเขาไปผิดทาง “รอไฟแดงแล้วกลับรถ”

“ถังซิน!” มู่เฉินหย่วนตะโกนเรียกชื่อเธอ มุมปากฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันสุภาพกับเธอมากเกินไปแล้ว!ไ

ถังซินจึงมองเขาอย่างระวังตัว “คุณหมายความว่ายังไง?”

“อีกสักพักเธอก็จะรู้เอง”

มู่เฉินหย่วนขับรถตรงไปยังที่พักของเขา กว่าที่ถังซินจะรู้ว่าเริ่มผิดปกติก็สายไปแล้ว เมื่อลงรถก็ถูกมู่เฉินหย่วนอุ้มขึ้นบนบ่าและพาขึ้นไปบนห้อง

“มู่เฉินหย่วนคุณอย่าทำอะไรโง่ๆนะ ประเทศเราเป็นสังคมของกฎหมาย!” ถังซินทั้งจับทั้งจิกเขา แขนที่กดไปบนไหล่เขาไม่สะทกสะท้านเขาแม้แต่นิดเดียว “ฉันเตือนคุณไว้เลยนะ อย่าทำอะไรโง่ๆ”

“คุณเชื่อมั้ยว่าฉันจะไปแจ้งความ?”

เขาแข็งแรงจนขัดขืนไม่ได้ ถังซินจึงทำได้แค่เพียงขอให้ยกโทษให้ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันจะไม่เอาสิ่งที่ท่านมู่ขอมาหยอกล้อแล้ว คุณอย่าทำอะไรไม่ดีกับฉันเลยนะ ฉันยังต้องเลี้ยงพ่อแม่ที่แก่และน้องชายอีก”

มู่เฉินหย่วนแสดงออกอย่างกลุ้มใจ “เธอคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ใช่พวกกลุ่มมาเฟียนะ”

“เห็นได้ชัดเจนว่าคุณพูดออกมาแบบนั้น และหน้ายังเหมือนพวกคนเลวโฉดชั่ว” ถังซินเอ่ยขึ้น” และยังบังคับจับฉันขึ้นมาอีก ฉันคิดว่าคุณจะฆ่าและทำลายหลักฐานซะอีก”

เขาเหมือนกับเคยปฏิบัติการฆาตกรรมหญิงสาวด้วยอาการทางจิต!

มู่เฉินหย่วนเอาบัตรออกมารูดเปิดประตูห้อง พูดด้วยสีหน้าที่เย็นชาขึ้นว่า “ฉันให้เธอมาทำกับข้าว”

ถังซินถูกขู่ให้กลัวแล้ว

เมื่อประตูเปิดออก บังเอิญมีคนออกมาจากด้านในพอดี

มู่เฉินเหย่วนดึงถังซินถอยหลังออกมา เมื่อกำลังจะลงมือ กลับมองเห็นได้ชัดขึ้นว่าเป็นจู่ซือซือกับกวนชิงเฟิง

“พี่เฉิน พี่ถังซิน!” จู่ซือซือโบกมือให้กับพวกเขาและยิ้มอย่างสวยสดงดงาม “พวกพี่กลับมาแล้วหรอ?”

มู่เฉินหย่วนโกรธจนไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงจึงสงบสติอารมณ์อยู่สักครู่แล้วจึงพูดขึ้นว่า “น้ำเสียงของเธอดูสนิทสนมคุ้นเคยจัง ทำเหมือนกับฉันคิดว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของเธอ ไม่ใช่ของฉัน”

“ก่อนหน้านี้ฉันทำสร้อยตกไว้ที่นี้ ก็เลยแวะมาเอา” จู่ซือซือแลบลิ้นใส่และถือโอกาสพูดบ่นขึ้นว่า “พี่เฉินประตูห้องพี่ไม่ดีเลย แฟนฉันทำลายไม่กี่ทีก็เปิดได้แล้ว”

มู่เฉินหย่วน……

ถังซินเห็นกวนชิงเฟินจ้องมองมือที่มู่เฉินหย่วนพาดมาบนไหล่ของเธออย่างไม่สบายใจ เหมือนกับเตรียมพร้อมที่จะลงมือ เธอจึงรีบดึงมือของมู่เฉินหย่วนลงไป

เธออกห่างจากมู่เฉินหย่วน พยายามอธิบาย “ฉันมาดูหมาที่เขาเลี้ยงไว้ ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่น”

กวนชิงเฟิงจึงพูดขึ้นว่า “ฉันจะซื้อให้พี่หนึ่งตัว อย่ามาบ้านคนอื่นบ่อยๆ”

“ฉันรู้จักกับบล้อกเกอร์สัตว์เลี้ยงหลายคน” จู่ซือซือเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเอาใจ “พี่ถังซิน พี่ชอบพันธ์ไหนก็บอกฉันได้ ฉันจะหาให้พี่”

มู่เฉินหย่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดี “ซือซือ ทำไมเธอถึงเห็นแก่ตัวแบบนี้?”

เขาไม่เคยทำให้กวนชิงเฟิงและจู่ซือซือลำบากใจ แต่กวนชิงเฟิงกลับทำให้เขาลำบากใจ ทำไมต้องผูกพยาบาทกันด้วย?

“ฉันมากับแฟน แฟนก็ต้องสำคัญกว่าแน่นอน!” จู่ซือซือเอ่ยขึ้น “และอีกอย่าง เดิมทีพี่เฉินเป็นคนผิด นี่ถือว่าฉันไม่ได้เข้าข้างแฟนฉันนะ”

ถังซินเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงพูดขึ้นว่า “พวกเธอไม่ใช่จะกลับเลยหรอ ยังจะอยู่ตรงนี้ทำไม?”

ก่อนหน้านี้แม่โทรหาฉันเรียกให้ฉันกลับไปกินข้าวที่บ้าน กวนชิงเฟิงลากเธอไปข้างนอก “พี่ กลับไปด้วยกัน” มู่เฉินหย่วนดึงมือเธอไว้อย่างไม่รู้ตัว

“ปล่อยมือ” ไม่อย่างนั้นฉันจะโมโหแล้วนะ ถังซินรู้สึกลำบากใจที่ถูกขนาบทั้งสองข้าง หลังจากที่กวนชิงเฟิงปล่อยมือ เธอจึงพูดกับมู่เฉินหย่วนด้วยเสียงเบาๆขึ้นว่า “เขายังเด็ก คุณยังจะโต้เถียงกับเขาอีกหรอ?”

“อายุสิบแปดยังเด็กหรอ?”

“ไม่เด็กไม่เด็ก” ถังซินเห็นว่าเขายังจับข้อมือเธออยู่จึงพูดเอาอกเอาใจขึ้นว่า “คุณให้ฉันกลับไปก่อน ฉันจะทำกับข้าวแล้วมาส่งให้คุณ ได้มั้ย?”

หลังจากที่ถังซินรับรองครั้งแล้วครั้งเล่า มู่เฉินหย่วนถึงจะปล่อยมือ ถังซินหันหน้าและลากจู่ซือซือออกไปทางด้านนอก กวนชิงเฟิงถึงจะไม่โต้เถียงกับเขาอีก และเดินออกไปเช่นกัน

มู่เฉินหย่วนลูบคลึงไปที่หว่างคิ้ว

ความโกรธของเขาในวันนี้ มากกว่าที่ผ่านมารวมกันเสียอีก

หลังจากที่ถังซินถึงบ้านแม่แล้ว ถึงพบว่าในบ้านมีแขก กวนหลิงเอ๋อที่กลับมาจากถ่ายละครที่ต่างประเทศได้โผล่มาอย่างกะทันหัน และยังมีเด็กหนุ่มวัยรุ่นอีกคน

“พี่ใหญ่ ไม่เจอกันนาน” เฉินคางเข้ามาชนหมัดกับกวนชิงเฟิง

กวนชิงเฟิงมองไปทางห้องครัว และพูดอย่างเลื่อมใสขึ้นว่า “นายสามารถทนนิสัยแบบนี้ของพี่สาวคนรองฉันได้ ยอดเยี่ยม!”

“พี่ใหญ่ เมื่อก่อนพี่ต้องโกหกฉันแน่ๆ พี่สาวคนรองของพี่นิสัยดีอย่างเห็นได้ชัด และน่ารักด้วย” เฉินคางเอ่ยขึ้น” คบกับเธอแล้วมีความสุขจริงๆเลย”

กวนชิงเฟิงไร้ซึ่งคำที่จะให้พูดตอบ

เมื่อกวนหลิงเอ๋อได้รู้ว่ากวนชิงเฟิงกับจู่ซือซือกำลังคบหากัน ก็ตกใจอยู่ไม่น้อย เมื่อก่อนนี้ อย่างไรก็โดนจู่ซือซือรังแกที่กองถ่ายไว้มาก ในใจจึงมีอคติกับเธอมากแน่นอน

จู่ซือซือได้ขอโทษเธออย่างไม่หยุด คอยติดตามเธอไปมา และยังถามเธอว่าอยากอยู่ในประเทศมั้ย ได้นำของยี่ห้อดังให้เธอทั้งหมด กวนหลิงเอ๋อถึงจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเธอสักเท่าไหร่

คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือถังซิน หลังจากที่รู้อาชีพการงานของเฉินคาง เธอรู้สึกว่าโรคหัวใจได้กำเริบแล้ว

หลังจากที่กวนชิงเฟิงเรียนจบ เธออยากที่จะให้เขาหางานที่มั่นคง คิดไม่ถึงว่ากวนชิงเฟิงจะปิดบังเธอเพื่อไปเข้าโรงเรียนการทหาร ช่างมันเถอะ น้องสาวก็ได้แฟนที่จบมาจากที่นั่น

พวกเขามีความรักแล้ว เธอที่เป็นพี่สาวยังเป็นโสดอยู่

ในฐานะที่เกิดเป็นคนช่างล้มเหลวจริงๆ!

ดูแล้วคุณแม่ถังค่อนข้างพึงพอใจเฉินคาง

ที่สำคัญเขาดูแข็งแรงบึกบึน ดูแล้วรู้สึกปลอดภัย ในขณะที่กินข้าว ได้คีบอาหารให้เขาไม่หยุด เอาใจใส่เป็นอย่างมาก

ถังซินก้มหน้าตากินข้าว คิดว่าไม่มีเรื่องของตัวเอง แต่คุณแม่ถังกลับเรียกเธอ

“เธอดูน้องสาวน้องชายเธอ มีแฟนกันหมดแล้ว เธออย่าทำเป็นวางใจ มีเวลาก็ไปหาซะ” แม่ของถังซินเอ่ยขึ้น “อย่าให้เป็นแบบว่า น้องแต่งงานแล้ว แต่ตัวเองยังไม่ไปถึงไหน”

จู่ซือซือพูดอย่างน่าเอ็นดูขึ้นว่า “คุณป้าคะ ฉันได้เตรียมสินสอดไว้หมดแล้ว”

“กวนชิงเฟิงเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ เธอจะแต่งจริงๆหรอ?” กวนหลิงเอ๋อเกิดความแปลกประหลาดใจ และถามอย่างตื่นเต้นขึ้นว่า “ประธานมู่รักเธอขนาดนี้ สินสอดมีหุ้นของบริษัทมู่ซื่อมั้ย”

“ มีสิ” จู่ซือซือเอ่ยขึ้น “พี่ชายฉันทั้งสามคนมีบริษัทกันหมด ถ้าอยากได้หุ้นของบริษัทอื่นก็สามารถที่จะเอาได้”

ในตาของกวนหลิงเอ๋อล้วนแล้วคือเงิน “สินสอดนี้ต้องหนาอย่างแน่นอน”

กวนชิงเฟิงหักข้าวโพดยัดใส่ปากเธอ “กวนหลิงเอ๋อ ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเป็นใบ้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน