รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 249

บทที่ 249 มีน้องสะใภ้ไฮโซดีจริง ๆ เลยนะ

ผู้ชายคนนี้ไม่เคยเข้าครัวแท้ ๆ ครั้งแรกกลับทำอาหารได้ดีขนาดนี้ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเลย

มู่เฉินหย่วนส่งตะเกียบให้เธอแล้วพูดน้ำเสียงที่ค่อนข้างภาคภูมิใจ “แค่ผมอยากทำหรือไม่อยากทำเท่านั้นแหละ ไม่ใช่ผมทำไม่ได้นะเนี่ย”

“...”

หน้าไม่อายเสียจริง ๆ

ถังซินคีบหมูผัดสับปะรดเปรี้ยวหวานที่ดูดีมากมาหนึ่งคำ เอาใส่ปากไปได้ไม่ถึงสองวินาที รสเปรี้ยวก็เพี้ยน ไม่นานเธอก็คายออกมา

“ทำไมถึงเปรี้ยวล่ะคะ”

“มีสับปะรดไง เปรี้ยวถือว่าปกติไม่ใช่เหรอ” มู่เฉินหย่วนพูด “หวานสิถึงแปลกใช่ไหมล่ะ”

“โอเค คุณมีเหตุผล” ถังซินไม่ทะเลาะกันเขา ไม่กินเมนนูนี้ก็โอเคแล้ว เปลี่ยนไปมะระผัดไข่ ก็ขมจนคายผักออกมา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “ทำไมถึงขมจังเลยละคะ”

“มะระก็ต้องขมไม่ใช่เหรอ”

“...”

ถังซินไม่กล้าชิมเมนูอื่นแล้ว มือสั่น ๆ ตักซุปปลามาสองช้อน พอกินไปหนึ่งคำ สีหน้าก็ค่อย ๆ นิ่ง พยายามฝืนกลืนซุปลงไปแล้วถึงถามเขา “ทำไมคุณใส่น้ำตาลลงไปในซุปปลามากขนาดนั้นละคะ”

มู่เฉินหย่วนทำหน้าอธิบายไม่ค่อยถูก “ผมคิดว่ามันเป็นเกลือนี่”

“แม่งเอ้ย...” ถังซินอยากจะด่าคำหยาบออกมาแต่เธอก็อดกลั้นเอาไว้แล้วกัดฟันพูด “ต่อให้เป็นเกลือ คุณใส่เยอะขนาดนั้นอยากให้ฉันเค็มตายเหรอคะ”

“สามช้อนเยอะเหรอ”

ถังซินเอาหัวโขกโต๊ะแป๊บเดียวก็เงยขึ้นมาแล้วพูด “คุณมู่คะ รับปากฉันนะ ต่อไปอย่าเข้าอีกได้ไหมคะ หิวแล้วสั่งข้าวกล่องนะ”

“ผมทำตามตำรา ไม่น่าจะผิดนะ” คุณมู่ยังคงรู้สึกดีกับตัวเอง คีบเอาหมูผัดเปรี้ยวหวานมาชิม ๆ จากนั้นสีหน้าก็ยิ่งพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

เขาฝืนกลืนหมูผัดเปรี้ยวหวานลงไปแล้วจึงพูด “สั่งข้าวกล่องเถอะ”

เปรี้ยวจนฟันจะหลุดแล้ว

“สั่งกินดีอะไรล่ะ” ถังซินมองบน พูดอย่างอารมณ์เสีย “ตอนนี้เนื้อแพง ใส่ตั้งเยอะน่าน่าเสียดายมาก ไม่ใช่ใส่เยอะจนกินไม่ได้ เปรี้ยวนิดเดียวก็พอแล้ว”

“ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงินซื้อเนื้อหมูนี่...”

“ช่างหน้าไม่อายเหลือเกิน!” ถังซินเอาเนื้อหมูอุดปากเขาแล้วพูดขู่ “ถ้าคุณกินกับข้าวพวกนี้ไม่หมด ฉันจะปล่อยหนูร้อยตัวในบ้านของคุณ”

“...”

มองหญิงสาวก้มหน้ากินข้าว ท่าทางที่ไม่ชอบเปรี้ยวแต่ก็ยังกิน ทำเอามู่เฉินหย่วนหน้าอกร้อนวาบ ตอนนี้แม้เพียงเธอบอกว่าอยากจะได้พระจันทร์ เขาก็จะเก็บลงมาให้เธอได้

เธอน่ารักจริง ๆ เลย

หมูผัดเปรี้ยวหวานกับซุปปลายังรับได้ แต่มะระผัดไข่ข่มเกินไป เธอทิ้งให้มู่เฉินหย่วนทั้งจาน โตขนาดนี้ยังไม่เคยคิดว่ากินข้าวจะกินแล้วทุกข์ทรมานได้

ถังซินส่งข้อความถึงจู่ซือซือ : น้องสาว พี่โชคดีมากจริง ๆ พี่อิจฉาเธอนะ

จู่ซือซือ : ฮะ ฮะ ฮะ เจ้เรียกฉันว่าอะไรนะ เรียกใหม่อีกทีซิ

ถังซิน : น้องสาว

จู่ซือซือโอนให้สองแสนทันที

จู่ซือซือ : ฉันจะดูแลชิงเฟิงเป็นอย่างดีแน่นอน เจ้วางใจเถอะ

ถังซิน : เงินนี้...

จู่ซือซือ : ไม่พอใช่ไหม

ถังซินพอจะพิมพ์บอก “ไม่ต้องหรอก” จู่ซือซือก็โอนมาอีกสองแสน แถมยังส่งภาพใหญ่ ๆ ของแพ็คเกจฤดูใบไม้ร่วงใหม่สองสามภาพมาให้อีก ถามเธอว่าชอบอันไหนหรือว่าอยากได้ทั้งหมดเลย

ถังซินลบตัวอักษรเหล่านั้นออกแล้วแอบรับสี่แสนมาเงียบ ๆ

ถังซิน : กวนชิงเฟิง ไอ้หมอนั่นมันไม่ดีกับเธอหรือเปล่า เธอมาพี่มาได้นะ พี่จะแก้แค้นให้

จู่ซือซือ : จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ เจ้ดีที่สุดเลย รักเจ้ที่สุดเลย

ยังไงซะมีน้องสะใภ้เป็นไฮโซดีจะตายไป

“เธอตลกดีนี่ เอาเงินผมมาทำให้คุณมีความสุข” มู่เฉินหย่วนที่นั่งข้าง ๆ ถังซินพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“คุณมู่ คุณมีศีลธรรมบ้างไหมคะ” ถังซินเอามือปิดมือถือแน่นแล้วจ้องเขม็งใส่เขา “คุณถึงกับแอบดูมือถือฉันเลย คุณละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของฉันนะคะ”

“คุณยกมือถือสูงขนาดนั้น ใครมาก็เห็นหมดนั่นแหละ”

ถังซินโดนเขาโต้กลับจนพูดไม่ออก ทำหน้าหงุดหงิดเลยยกเท้าถีบเขา”คุณไปนั่งทางโน่นเลยไป”

มู่เฉินหย่วนเหลือบเห็นข้อเท้าเธอบวมแดง ชั่วพริบตาก็คว้าเท้าเธอได้เหมือนกับข้อเท้าพลิกแล้วบวม “ไปทำอีท่าไหนมา ทำไมคุณถึงไม่บอกล่ะ”

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” ถังซินแอบหน้าแดง คิดอยากจะดึงเท้ากลับแต่กลับถูกมู่เฉินหย่วนดึงเท้าของเธอไปวางบนขาแล้วนวดเบา ๆ

นวดไปได้สักพัก มู่เฉินหย่วนก็ถามเธอ “ยังเจ็บอยู่ไหม”

ถังซินส่าย ๆ หัว

“ไม่ได้ ไปโรงพยาบาลเถอะ” เห็นข้อเท้าเธอบวมมาก มู่เฉินหย่วนไม่วางใจ

“ไม่ไป แค่บวมเองแถมไม่เจ็บด้วย” ถังซินเป็นตายยังไงก็ไม่ไป ถ้าเกิดมู่เฉินหย่วนลากเธอไปแผนกสูตินรีเวช คงขายหน้าตายแน่

เธอถีบชายหนุ่มไปอีก “ก็คุณนั่นแหละ บอกคุณแล้วว่าที่มันแคบ คุณก็ยังทำรุนแรงขนาดนั้นอีก ทำเอาฉันตกโซฟาลงไปข้อเท้าแพลง...”

ความทรงจำนั้นมันช่างมีสีสันเหลือเกิน เธอพูดต่อไม่ได้

มุดหัวเหมือนกับนกกระทา

แป๊บเดียวมู่เฉินหย่วนก็เข้าใจเลยอดที่จะหัวเราะไม่ได้เลยโดนถังซินถีบอีกสองทีติด ๆ เขาไปหยิบเอากล่องยา เอาหยุนหนานไป๋เหยา (ยากระตุ้นการทำงานของเลือดและบรรเทาอาการปวด) พ่นตรงที่ข้อเท้าของเธอปูด

ถังซินพูดอย่างกังวล “กล้องวงจรปิดนั้น...ฉันจะไม่ดังใช่ไหมคะ”

“ไม่หรอก เว็บไซต์ใหญ่ในประเทศอยู่ภายใต้กลุ่มผู้ถือหุ้นของตระกูลมู่” มู่เฉินหย่วนพูด “สัญญาณของทางด้านคลับเฮาส์ เหวินซูตัดไปนานแล้ว ไม่มีอะไรรั่วไหลออกไปหรอก”

ถังซิน “หึ ๆ” “แม้แต่เรื่องส่วนตัวของตัวเองยังปิดไม่ได้ ยังจะไปยุ่งเรื่องอื่น ๆ อีก” พูดไปก็ทิ้งหมอนใส่มู่เฉินหย่วน “เห็นคุณแล้วหงุดหงิดจริง ๆ เลย”

มู่เฉินหย่วนรู้สึกเหมือนจั๊กจี้ “ถ้าคุณคิดว่ามันระบายอารมณ์ได้ คุณก็ตีเถอะ”

ถังซินเอาหมอนทุบเขาอย่างแรง

ตีอยู่นาน ชายหนุ่มสีหน้าก็ไม่เปลี่ยนแต่กลับเป็นเธอที่รู้สึกปวดมือนิด ๆ เหนื่อยจนนอนลงไปตรงนั้น มู่เฉินหย่วนส่งชาให้ เกือบทำเธอโกรธตายแล้ว หลังจากที่ทะเลาะกันเล็กน้อยเสร็จแล้ว ถังซินก็พูดกับมู่เฉินหย่วนอย่างจริงจัง “ฉันขอลาหยุดยาวกับคุณฉินแล้วนะคะ”

“ทำไมล่ะ”

“มู่เฉินหย่วน คุณจ้างฉันกลับไปตระกูลมู่เถอะนะคะ” ถังซินขอร้อง แววตามีความเย็นชา “รองประธานจ้าวลงมือกับแม่ฉันแล้ว ฉันอาจจะปล่อยมันไปก็ได้”

ถังซินพูดขนาดนี้ มู่เฉินหย่วนยิ่งทำหน้าเครียด “ผมบอกให้คอยจับตาดูรองประธานจ้าวนานแล้ว แต่ว่าเขาคนนี้ฉลาดมาก จับได้แต่แพะรับบาป เขาเปลี่ยนสัญชาติไปนานแล้ว คอนเน็คชั่นก็กว้างขวาง จับกุมคนก่อนที่จะมีหลักฐานก็จะดึงคนออกมามาก ไม่เป็นผลดีกับทั้งคุณและก็ผมด้วย”

“ไม่ว่าโปรแกรมจะแน่นหนาแค่ไหนก็มีรูรั่ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาเลยด้วยเหรอ” ถังซินพูด “อีกอย่างก็ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวด้วย ยังมีชิงเผิงกับลู่เหวินซูอีก” เธอหันหน้ามองมู่เฉินหย่วนด้วยความสงสัย “คุณมักจะคิดว่า คนของคุณเป็นของไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ”

“...”

เห็นชายหนุ่มไม่พูด ถังซินจึงเสียดสีอย่างไม่เกรงใจ มู่เฉินหย่วนถู ๆ คิ้ว ทำอะไรไม่ถูก พอเธอยิ้มได้สักพักก็กดเธอลงบนโซฟา

แววตาอันตรายของมู่เฉินหย่วนจับจ้องมาที่เธอ “คุณถัง คุณมีความสุขมากเหรอ”

“เปล่าคะ คุณมู่ คุณเก่งมากค่ะ” ถังซินชมเขากลบเกลื่อน “คุณดูสิ ในประเทศมีบริษัทไหนที่เทียบกับตระกูลมู่ได้บ้างล่ะ ต้องเป็นเพราะตระกูลมู่มีคนที่มีความสามารถเยอะแน่นอนอยู่แล้ว”

“คุณบอกว่าผมไม่ได้เรื่องเหรอฮะ”

“ได้เรื่องสิค่ะ ๆ”

แววตาของชายหนุ่มที่จ้องมองเธอนั้นย้อมไปด้วยความใคร่ ถังซินรู้สึกตัวช้าพอเข้าใจแล้วก็หน้าแดงหูแดง “คุณทำเกินไปแล้วนะ ...อีตาบ้ากาม”

มู่เฉินหย่วนดึงเธอเข้ามาในอ้อมอกแล้วอุ้มขึ้นชั้นบนไป

“คุณทำอะไรคะ” ถังซินถามอย่างระแวง “เรื่องพูดจบไปแล้ว ผมจะกลับบ้าน”

“อุ้มคุณขึ้นไปนอนงีบสักพัก”

“ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน คุณปล่อยฉันลงนะ” ถังซินดิ้นอย่างหนัก “ฉันไม่อยากนอนบ้านคุณ”

“คุณเรียกผมว่าอีตาบ้ากามไม่ใช่เหรอ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักหน่อยก็คงจะรู้สึกผิดกับสามคำนั้น”

“...เสี่ยวซูฉันผิดไปแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน