บทที่ 250 นี่คือแหวนของคุณเหรอ
ถังซินพักผ่อนสองวันก็กระโดดโลดเต้นแล้ว มู่เฉินหย่วนกลับคิดว่าข้อเท้าเธอยังบวมอยู่ยังจับให้เธอพักผ่อนไปสามวัน
พอถึงวันจันทร์เธอก็ไปอบรมที่สถานีตำรวจ
ตำรวจที่ออกใบสั่งให้ถังซินก่อนหน้านี้เห็นเธอมาก็กลัวจนตัวสั่นระริก ๆ ทั้งสองคนโค้งคำนับให้หนึ่งทีจากนั้นถังซินกับคนที่ผ่าไฟแดงอีกเจ็ดแปดคนก็ไปอบรมอุดมการณ์ในห้องอบรมทั้งเช้าบ่าย
ระหว่างกลับ มู่เฉินหย่วนโทรมาเยาะเย้ย “อบรมอุดมการณ์เสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้วค่ะ” ถังซินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เธอโกรธผู้ชายคนนี้ไม่ได้เพราะยังมีเรื่องต้องทำในตระกูลมู่ “ฉันไปโรงพยาบาลดูแม่หน่อยแล้วเดี๋ยวไปตระกูลมู่นะคะ”
“ถ้างั้นตอนที่มาก็เอามื้อเที่ยงมาให้ผมด้วยนะ”
“ให้ฝ่ายเลขาจองค่ะ” ถังซินพูดอย่างอารมณ์เสีย “ฉันไม่ใช่คนส่งข้าวกล่องนะคะ หรือว่าถ้าฉันไปตอนบ่ายสอง คุณก็จะกินข้าวตอนบ่ายสองอีกคะ”
“ถ้างั้นก็บ่ายสองนะ”
ยังไม่ทันที่ถังซินจะตอบกลับ สายก็ตัดไป เธอโกรธจนไม่รู้จะทำยังไง
ถังซินหิ้วซุปไก่ไปเยี่ยมคุณแม่ถังที่โรงพยาบาล คุณแม่ถังนอนอยู่โรงพยาบาลหลายวันแล้ว สีหน้ายิ่งดูแดงก่ำ มือหายดีแล้วก็อยู่นิ่งไม่ได้ต้องหาอะไรทำ เลยถักเสื้อไหมพรม
คุณแม่ถังพูดเบา ๆ “หมอที่มาตรวจแม่ทุกวันไม่เลวเลยนะ สูงร้อยแปดสิบกว่า เพิ่งจะยี่สิบแปดเอง หล่อมาก ตรงสเปคเธอเลยแหละ”
ถังซินมองบนใส่แม่ “หนูเคยบอกเหรอคะว่าหนูชอบคนหล่อ”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ” คุณแม่ถังพูดด้วยความอยากรู้ “ประธานมู่หล่อมากนี่ เฮ่อ ก็แค่เสียดายที่...”
“แม่กินข้าวไปเถอะค่ะ” ถังซินยัดชามซุปให้เธอ “ถ้าแกว่างมากก็รีบไปตามชิงเฟิง อย่ามาเอาแต่จ้องแม่เลย”
คุณแม่ถังพูดจากใจ “แกเป็นพี่ใหญ่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีนะ”
“...”
ขณะนั้นเองก็มีคนเคาะประตูห้องผู้ป่วย ถังซินมองไปรอบ ๆ เห็นคุณผู้หญิงยืนอยู่หน้าประตู สวมชุดเดรสสีม่วงดูสวยสง่าใจกว้าง แววตาอบอุ่นและอ่อนโยน
คุณผู้หญิงพูด “คุณถังซินใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ” ถังซินถามเธอ “คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
คุณผู้หญิงยิ้มแล้วพูด “ฉันอยากยืมตัวคุณถังสักห้านาทีลงไปคุยชั้นล่างหน่อยได้ไหมคะ”
ถังซินพยักหน้า
หนึ่งนาทีผ่านไป ทั้งสองคนก็มาอยู่ร้านขายเครื่องดื่มนอกโรงพยาบาล
พอพนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้ว สักพักถังซินจึงพูดกับคุณผู้หญิง “ท่านมีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ฉันแซ่โมโมย ชื่อ อี้ สามีทำธุรกิจเปิดบริษัทหนึ่งอยู่ที่ญี่ปุ่น ผลกำไรไม่เลวเลย” คุณผู้หญิงหยิบนามบัตรสีบรอนซ์ผลักไปให้ถังซิน “โมโมยผิงหยินเป็นหลานชายของฉัน”
ถังซินกวาดตาดูนามบัตรก็ยิ้มออกมา “อ๋อ เป็นญาติของโมโมยผิงหยินเหรอคะ คุณมาหาฉันทำไมคะ ให้ฉันบริจาคไขกระดูกให้เขาเหรอคะ”
“ไม่ใช่ หาไขกระดูกที่เข้ากับผิงหยินได้แล้ว” โมมอยอี้พูด สีหน้าเศร้าหมอง “ฉันอยากให้คุณถอนข้อกล่าวหาออกจากกวนลี่หลั่งซะ”
“ฉันรู้ว่าคุณคือลูกสาวของลี่หลั่ง เขาอาจจะรู้สึกผิดกับคุณและแม่คุณเร็วกว่านี้ก็ได้ เพราะเรื่องของผิงหยินก็ทำให้เธอเดือดร้อนเช่นกัน แต่ได้โปรดให้อภัยเขาสักครั้งเถอะนะ”
“เขาเป็นคนสัญชาติญี่ปุ่น ถ้ามีประวัติทางนี้ต่อไปกลับไปรับช่วงต่อบริษัทจะต้องลำบากแน่นอน ฉันขอโทษคุณแทนเขาด้วยนะคะ เขาเองก็สับสนชั่วขณะเช่นกันและทำเรื่องแย่ ๆ เอาไว้”
“ฉันไม่ถอนหรอกค่ะ” ถังซินพูดอย่างเย็นชา ผู้หญิงคนนี้ท่าทางจริงใจมากแต่เธอไม่รับ “เขาทำเรื่องแบบนั้นตัวเองก็ต้องรับผลไป”
โมมอยอี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วโค้งตัวให้เธอต่ำมาก “คุณถัง ได้โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะค่ะ คุณจะให้ชดใช้ยังก็ได้ค่ะ”
“ท่านเอาความพยายามนี้ไปดูแลหลานชายของท่านเถอะค่ะ” ถังซินดูเวลาว่าสายแล้วแถมยังต้องไปซื้อข้าวเที่ยงไปตระกูลมู่อีกก็เลยยืนขึ้นด้วย “แก้วนี้ถือว่าฉันเลี้ยงคุณนะคะ”
เธอเปิดกระเป๋าหยิบเงินออกมา ไม่ทันระวังตัวสายกระเป๋าเลยไปเกี่ยวมุมโต๊ะเข้าทำให้ของหลายอย่างในกระเป๋าหล่นลงบนพื้น ของเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งกลิ้งไปที่เท้าของโมมอยอี้
โมมอยอี้เก็บแหวนวงนั้นขึ้นมา
งานฝีมือของแหวนประณีตมาก ด้านบนยังฝังไพลินแทบจะสมบูรณ์แบบ ดูท่าทางมีมูลค่าสูงมาก
“แหวนวงนี้ แหวนวงนี้...” โมมอยอี้รู้สึกหายใจไม่ค่อยออก เธอคว้าถังซินแน่นแล้วถามด้วยความร้อนใจ “แหวนวงนี้เป็นของเธอเหรอ เป็นของเธอเหรอ”
ถังซินโดนคว้าเอาไว้เริ่มเจ็บ “ท่านปล่อยมือนะ”
“ใช่ของเธอหรือเปล่า” โมมอยอี้ถามเธออย่างร้อนใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นสีหน้าเจ็บปวดมาก ดูเหมือนเธออยากจะหยิบอะไรออกมาจากกระเป๋า
ยังไม่ทันจะเปิดกระเป๋าก็ปวดหัวจนจะระเบิดแล้วล้มลงไปกับพื้นทันที
“นี่นี่ ท่านไม่เป็นไรใช่ไหมคะ” เห็นคุณผู้หญิงเป็นลมล้มลงไป ถังซินรีบพุ่งออกไปเรียกหมอ เอาเตียงเข็นคนไข้มารับโมมอยอี้เข้าโรงพยาบาลไป
คุณหมอบอกว่าตื่นเต้นจนเป็นลมเฉย ๆ เดี๋ยวก็ฟื้นแล้ว
“ถ้างั้นก็ดีค่ะ” ถังซินโล่งอกไปที เกือบคิดว่าตัวเองจะโดนข้อหาลอบวางฆ่าคนเสียแล้ว “ถ้างั้นฉันก็ฝากเธอให้พวกคุณดูด้วยนะคะ ฉันไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลของเธอหน่อย”
คุณหมอกำลังดูนามบัตร เห็นถังซินพูดแบบนี้ แววตาฉายแววความประหลาดใจขึ้นมา “เธอไม่ใช่แม่ของคุณเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ แม่ฉันกระดูกหักนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยอีกห้องค่ะ” ถังซินรู้สึกอึดอัดนิด ๆ บ้างและก็ไม่ค่อยอยากจะอธิบายเรื่องราวกับคุณหมอสักเท่าไหร่เลยหาโอกาสเผ่นหนี
ถังซินไปแล้วคุณหมอก็ดูรูปแล้วพึมพำ ๆ “ผมอยากจะบอกคุณแม่คุณว่าในสมองมีเลือดคั่ง อยากจะผ่าตัดเอาออกไหม คิดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่แม่...”
ถ้างั้นก็ช่างเถอะ จะให้คนนอกมารับผิดชอบค่าใช้จ่ายผ่าตัดตลอดไม่ได้
ระหว่างทางที่ซื้อข้าวเที่ยงไปตระกูลมู่ ถังซินก็ควานหาแหวนนั้นออกมาจ้องมองมันอย่างสับสน พอคิดถึงท่าทางตื่นเต้นของโมมอยอี้
ในใจก็รู้สึกเฉียดอะไรมาแล้วหายวับไปในพริบตา
“ตุ้มหูเหล่านั้นราคาเท่าไหร่” ถังซินพึมพำ อยากส่งวีแชทถามกวนชิงเฟิง
เธอรู้สึกว่าโมมอยอี้คู่ควรแก่การที่จะเก็บรักษาแหวนวงนี้ เลยตื่นเต้นขนาดนั้นก็เลยเป็นลมไป อย่างไรเสียผู้หญิงบางคนที่รักจิวเวอร์รี่ได้เห็นจิวเวอร์รี่สวย ๆ ก็จะโอเวอร์ขนาดนี้
พอถึงตระกูลมู่แล้วถังซินเห็นนักข่าวยืนอยู่หน้าประตูประปรายจึงไปถามด้วยความอยากรู้ถึงได้รู้ว่ามู่เฉินหย่วนกำลังจัดแถลงข่าวด้านบนซ่งจิ้งเหอก็มาแล้วด้วย
อีกอย่างนักข่าวยังอยู่ที่หน้าจอขนาดใหญ่ด้านนอกตระกูลมู่ รวมถึงในล๊อบบี้ที่ฉายถ่ายทอดสดด้วย
ซ่งจิ้งเหอยิ้มใส่กล้อง “ทุกท่านค่ะ ฉันกับประธานมู่เป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทกันเฉย ๆ เพราะว่าท่านมู่สุขภาพไม่ดี เพื่อทำให้ท่านมู่มีความสุขพวกเราถึงแต่งงานกันหลอก ๆค่ะ”
ชี้แจงการแต่งงานของมู่ซ่งไม่มีอยู่จริง
พวกนักข่าวไม่ค่อยอยากจะเชื่อ อย่างไรเสียเรื่องการแต่งงานของมู่ซ่ง เดือนที่แล้วสับสนอลหม่าน รู้กันทั้งประเทศ
เพียงแต่ว่าพอให้มู่เฉินหย่วนเปิดปากเคลียร์เสร็จ พวกนักข่าวไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว คนหนึ่งชี้แจงดูปลอมไปนิด ทั้งสองคนต่างชี้แจงต่อประชาชนทั้งประเทศถ้างั้นก็แสดงว่าเป็นความจริงแล้ว
มีนักข่าวตั้งคำถามจี้ซ่งจิ้งเหอ “คุณซ่ง ได้ข่าวว่ามีผู้ชายมาแต่งงานกับคุณแทนประธานมู่ หรือว่าคุณรักผู้ชายคนนั้นแล้วถึงพาลโกรธจนมาก พวกคุณแอบไปหย่ากันแล้วเหรอ”
“ฉันกับประธานมู่เป็นแค่เพื่อนกันค่ะ ไม่ได้แต่งงานกันค่ะ” ซ่งจิ้งเหอยังรักษาคงยิ้มตามมารยาทเอาไว้ “ถ้าหากพวกคุณไม่เชื่อ จะไปตรวจสอบที่สำนักกิจการพลเรือนก็ได้นะคะ”
“ถ้างั้นคุณแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น มันเป็นยังไงกันแน่ ได้ข่าวว่าเขาเป็นพี่ใหญ่ของประธานมู่”
มู่เฉินหย่วนลุกขึ้นจากเก้าอี้ แววตาเย็นตา ตาขวางฉายแวววางอำนาจกดขี่มาก “ผมกับคุณซ่งแต่งงานกันปลอม ๆ ตอนนี้ออกมาเคลียร์แล้ว พวกคุณเข้าใจหรือยัง”
นักข่าวทั้งหมดเสียวสันหลังวาบ แต่ละคนพยักหน้ากันหมด
“เข้าใจแล้ว”
ดูท่าทางประธานมู่นี้ ถ้าบอกว่าไม่เข้าใจ จะตกงานกันหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน
สนุกมากๆๆๆ...