รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 279

บทที่ 279 ฉันเป็นแม่ของเขา

ยุ่งจนถึงสิบโมง อาหารว่างและไวน์โฮมเมดก็ถูกขายจนหมดเกลี้ยงเลย

จู่ซือซือรินชาแล้วนำเข้ามาแบ่งให้ทุกคน หลังจากนั้นเธอก็เกาะแขนของกวนชิงเฟิงแล้วพูดว่า “คุณสามี คุณแม่เหนื่อยขนาดนี้แล้ว ไม่กลับไปทำอาหารแล้วดีกว่า อาหารเที่ยงก็ทานข้างนอกเถอะ”

ถังซินจิบน้ำชาแล้วขมวดคิ้วไปเล็กน้อย

เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของชิงเฟิงกับซื่อซื่อจะก้าวหน้าเร็วเกินไปหน่อย แบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นภายหลังแน่นอน

แม่ถังไม่อยู่เฉย “ที่รัก พวกเธอยังไม่ทันได้หมั้นกันเลยเรียกกันแบบนั้นไม่ค่อยดีหรอกมั้งลูก หนูอย่าไปหลงกลคำพูดหวานๆของชิงเฟิงนะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่” แม่ยายพูดกับเธอแบบนี้ จู่ซือซือก็ดีใจมากเลย เธอพูดอย่างเขินอายว่า “พอดีพวกเราตั้งชื่อเรียกแบบนี้กันนานแล้วน่ะค่ะ ประมาณว่าหมั้นกันแล้วน่ะค่ะ”

เธอยังพูดอีกว่า”รอให้ปีหน้าชิงเฟิงไม่ยุ่งเรื่องเรียนแล้ว พวกเราก็จะแต่งงานกันค่ะ แล้วก็รีบมีลูก! คุณแม่คะ หนูจะคลอดเด็กน้อยน่ารักสามคนให้แม่อย่างแน่นอนค่ะ!”

คุณแม่ถังคลายคิ้วที่ขมวดอยู่และยิ้มออกมา “ดีดีดี ที่รักเธอก็อย่าเหนื่อยจนไม่ยอมไปถ่ายหนังล่ะ วันหลังเงินที่แม่หาได้ก็จะให้พวกเธอใช้เอง”

“เอ คุณแม่ลำเอียงแล้วใช่ไหมคะเนี่ย?” ถังซินถามขึ้นมา ตั้งใจพูดว่า “ไม่ให้หนูใช้เงินบ้างหรอ?”

พอเธอพูด คุณแม่ถังก็หันมามองทางเธอ “ฉันเกือบลืมไปเลยว่าเธอก็อยู่ที่นี่ด้วย เธอดูสิ น้องชายเธอปีหน้าก็จะแต่งงานแล้ว เธอมีความคืบหน้าอะไรบ้าง”

ถังซินเถียงตอบ “หลิงเอ๋อก็ยังไม่มีความคืบหน้านี่คะ?”

“หลิงเอ๋อเค้ามีแฟนแล้ว เธอน่ะแม้แต่แฟนก็ยังไม่มีเลย!” แม่ถังไม่พอใจ “แม่ก็ไม่ได้บอกให้เธอแต่งงานสักหน่อย แต่เธอก็แค่หาคนคุยๆดูไม่ใช่อยู่โสดๆเหงาๆแบบนี้”

ถังซินดื่มชาของเธอต่อ

เธอไม่ได้โสดสักหน่อย แถมของหมั้นเธอก็ยังได้รับแล้วด้วย ต้องพูดไหมนะ?

เห็นถังซินท่าทางแบบนี้ แม่ถังเลยอยากจะถามต่อ “ทำไมไม่พูดไม่จาล่ะ แม่พูดผิดหรอ? หรือว่าในใจเธอยังคิดถึงคุณมู่คนนั้น เลยไม่ชอบใครอีกแล้ว?”

“….เปล่า”

คุณแม่ถังเหลือบมองเธอ ในสายตาของคุณแม่มีคำว่า”คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่าเธอคิดอะไรอยู่”แปะอยู่ “ดูสภาพเธอสิ”

จู่ซือซือทนไม่ได้ที่จะพูดแทนพี่สองของบ้านตัวเองว่า “คุณแม่คะ พี่ชายหนูเขาก็ดีนะคะ ทั้งหล่อทั้งมีเงิน หนูว่าเขาเหมาะกับพี่สาวมากเลยค่ะ!”

“ผู้ชายที่หล่อเป็นแต่หลอกผู้หญิงเท่านั้นแหละ”

“…..”

“คุณป้าโกรธผมขนาดนั้นเลยหรอครับ?” ไม่รู้ว่าตอนไหน จู่ๆมู่เฉินหย่วนก็ปรากฎตัวอยู่หน้าร้าน ในมือถือของไว้ สีหน้าแสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ทำไมเธอ...” ถังซินเกือบจะเข้าไปดึง แล้วนึกได้ว่าคุณแม่ก็อยู่นี่ด้วย ก็เลยนั่งลงเหมือนเดิมค่อยๆเก็บคำพูดเข้าไป

คุณแม่ถังเหลือบไปมองมู่เฉินหย่วนพูดว่า “ลูกสาวฉันชอบคุณ แล้วยังพาคุณกลับบ้านอีกส่วนฉันก็ทำบะหมี่ให้คุณกิน แล้วดูสิ่งที่คุณทำกับลูกสาวฉันสิ? คุณปล่อยให้เธอไข้ขึ้นสูงสามวัน เกือบจะตายอยู่แล้ว ก็เพราะเหตุผลนี้ฉันจะโกรธคุณก็สมควรแล้ว”

ถึงแม้ว่าคุณแม่ถังจะเป็นคนไม่สู้คนนักแต่ว่าเพื่อลูกแล้วเธอก็ไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเด็ดขาด ก่อนหน้านี้ภาพลักษณ์ของมู่เฉินหย่วนก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าตอนที่ถังซินป่วยจนเกือบจะเป็นอะไรไป เธอก็ไม่ประทับใจอะไรในตัวมู่เฉินหย่วนอีก

มู่เฉินหย่วนถือของเข้าร้านมา ขอโทษอย่างจริงจังว่า “ใช่ครับ คุณพูดถูก เป็นเพราะผมเด็กเกินไปและไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว เลยทำเรื่องผิดพลาดไป ความโกรธของคุณผมจะรับไว้เอง”

คุณแม่ถังถอนหายใจ

มู่เฉินหย่วนยิ้ม แล้วเอาของยื่นให้เธอ “ได้ยินมาว่าคุณชอบศึกษาเกี่ยวกับการทำอาหารและไวน์ ผมเลยให้คนเอาวัตถุดิบนิดหน่อยมาให้ ยังไงก็ลองเอาไปใช้ดูก็ได้ครับ”

“นี่คุณกำลังติดสินบนฉันอยู่หรอ?”

“ถ้าผมจะติดสินบนคุณผมคงไม่ใช้ของเล็กๆน้อยๆแบบนี้หรอกครับ” มู่เฉินหย่วนตอบ “ผมชอบอาหารว่างที่คุณทำมากเลยครับ ก็เลยคาดหวังว่าคุณจะทำอร่อยยิ่งขึ้นไปอีกจนร้านสามารถขยายไปได้อีก เรื่องที่ร้านก็ปล่อยให้คนอื่นดูแล คุณก็อยู่นับเงินเฉยๆ หาเงินค่านมให้หลานๆ แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอครับ?”

คุณแม่ถังถูกเขาพูดตรงหมดแล้ว แต่สีหน้าก็ยังคงไม่ดีเหมือนเดิม แต่ก็รับของไว้ “ลูกสาวฉันหาเงินได้ ไม่ต้องพึ่งคุณหรอก ฉันก็ไม่ใช่จะจัดการได้ง่ายๆหรอกนะ”

มู่เฉินหย่วนยิ้มจริงใจ “ท่านพูดถูกครับ ไม่แน่ในอนาคตผมก็อาจจะต้องพึ่งเธอก็ได้ครับ”

เห็นถังซินที่นั่งแข็งทื่ออยู่ แม่ถังก็ถามว่า “คนอื่นเขาเป็นแขก เธอไม่ไปรินชามาหน่อยหรอ?”

“อ้อ” ถังซินรีบลุกไปรินชามาให้มู่เฉินหย่วน แอบๆพูดว่า “คุณนี่ดันรู้อีกว่าคุณแม่ชอบอะไร คุณมู่ สุดยอดจริงๆ”

“แฟนของเธอใช่คนธรรมดาทั่วไปซะที่ไหนล่ะ” มู่เฉินหย่วนพูดอยู่ข้างหูเธอ

ถังซินกรอกตาใส่เขา

ไม่ว่าอคติที่คุณแม่ถังมีต่อมู่เฉินหย่วนจะมากแค่ไหน แต่มู่เฉินหย่วนก็ยังคงรักษาความอ่อนโยนของเขาอยู่เหมือนเดิม และยังสอนคุณแม่ถังด้วยว่าทำอย่างไรถึงจะดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น อายุที่ต่างกันก็ยังมีผลต่อการเลือกความเข้มข้นของแอลกอฮอร์อีกด้วย

หลังจากที่คุณแม่ถังได้ยินแล้ว ก็ยังเอาสมุดมาจดอีกด้วย รอจนคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วยังแสดงสีหน้าประมาณว่า“ลูกเขยคนนี้มีประโยชน์จริงๆ”ออกมาทางสายตา

พอถึงตอนกลางวัน จู่ซือซือเสนอให้ทุกคนไปกินข้าวกันที่ร้านจิ่นสือ หลอกให้มู่เฉินหย่วนเลี้ยงข้าวสักมื้อ

คุณแม่ถังบอกว่าไม่ชอบกินของแบบนั้นให้พวกเขาไปกันเองเลย

“ปล่อยท่านไปเถอะ ท่านก็แบบนี้แหละ” ถังซินเข้าใจแม่เธอดี เห็นท่านพูดว่าไม่ไปก็เลยดึงแขนจู่ซือซือออกไป มู่เฉินหย่วนกับกวนชิงเฟิงเดินตามมาด้านหลัง

คนทั้งกลุ่มพึ่งจะลงลิฟต์ไป ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาจากลิฟต์ฝั่งตรงข้าม แต่งตัวด้วยชุดกระโปรงสีเหลืองทั้งตัวอย่างหรูหรา โมมอยอี้นั่นเอง

โมมอยอี้เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้าน

“เอ้ะ อยากซื้ออาหารว่างหรอ?”คุณแม่ถังถามลูกค้า “ขอโทษจริงๆนะคะคุณลูกค้า อาหารว่างและไวน์ของวันนี้ขายหมดแล้วน่ะ พรุ่งนี้เธอค่อยมาใหม่นะ”

“คุณคือแม่ของถังซินหรอ?”

“คุณแม่ถังหยุดชะงักไปสักครู่ เห็นหญิงสาวแต่งตัวดี ท่าทางนิสัยใจคอก็ดี ดูเหมือนจะเป็นภรรยาบ้านคุณฮู่ “ใช่แล้ว คุณอยากจะพบลูกสาวฉันหรอ?”

“เปล่าค่ะ ฉันมาพบคุณ” โมมอยอี้ทำท่าเหมือนน้ำตาไหลแล้วรีบเอาทิชชู่เช็ดน้ำตา “ฉันได้ยินมาว่าคุณแม่ของถังซินเปิดร้านอยู่ที่นี่ ก็เลยมาดูน่ะค่ะ”

คุณแม่ถังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็เชิญลูกค้าเข้ามาในร้านแล้วรินชาไปให้

“ขอบคุณค่ะ”โมมอยอี้ถือถ้วยชาไว้แล้วขอบคุณคุณแม่ถัง “ท่านช่างอ่อนโยนใจดี เลี้ยงให้ถังซินเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทั้งสวยและฉลาด แล้วยังทำงานเก่งอีก”

“ไม่หรอก เขาดูแลตัวเองเองทั้งนั้น” คุณแม่ถังคิดแล้วคิดอีก ค่อนข้างระวังคำพูดของตัวเองพอสมควร “ลูกสาวคนโตของฉันเกิดมาก็อยู่ข้างๆฉันแล้ว ออกโรงพยาบาลก็เป็นฉันนี่แหละที่อุ้มกลับไม่ถือว่าอุ้มผิดหรอก”

โมมอยอี้นิ่งไปสักครู่ “คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวแท้ๆของคุณ”

“งั้นคุณ...”

“คุณรู้เรื่องความสัมพันธ์ของลูกสาวของคุณกับคุณมู่ของบริษัทมู่ซื่อใช่ไหม” โมมอยอี้พูด เสียงเบาลงนิดหน่อย “ฉัน ฉันเป็นแม่ของเขาน่ะ เลยมาดูสักหน่อย”

เธอไม่กล้ารบกวนมู่เฉินหย่วนกับถังซิน ก็เลยทำได้แค่มาดูๆที่คุณแม่ถังแทน

“ที่แท้ก็เป็นแม่ของลูกเขยหรอเนี่ย” หลังจากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครแล้ว คุณแม่ถังก็ยิ่งเกรงใจเข้าไปใหญ่ “ดูสิคุณมาแล้วฉันก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ต้อนรับเลย ให้ฉันพาไปกินข้าวดีไหม?”

โมมอยอี้รีบจับมือเธอเอาไว้ “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ฉันแค่อยากพูดคุยกับคุณเฉยๆ”

คุณแม่ถังเลยนั่งลงอีกรอบ

โมมอยอี้เช็ดที่มุมตาของเธอ พูดว่า “ร่างกายของฉันไม่ค่อยดี อยู่รักษาตัวที่เมืองนอกมาโดยตลอด ตอนที่แยกกับเฉินหยวนอายุเขาก็ยังน้อย น่าจะจำฉันไม่ได้แล้ว กลับมาคราวนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะชดเชยอะไรให้เขาได้บ้าง เรื่องที่ฉันมาหาคุณรบกวนคุณอย่าบอกพวกเขาสองคนเลยนะ ไม่อยากไปทำลายความรู้สึกของพวกเขา”

คุณแม่ถังพยักหน้า พอรู้ว่าโมมอยอี้เธอมีเรื่องลำบากใจของเธอ ก็พูดว่า “แต่ว่าพวกเธอเป็นแม่ลูกกัน แม้ว่าจะแยกจากกันมานาน แต่ในใจของเด็กก็ต้องจำคุณได้อยู่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน