รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 285

บทที่ 285 คุณมานี่ พวกเราต้องคุยกัน

ระยะห่างของทั้งสองที่ใกล้ชิดกัน วี่เหวินถิงได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนมาจากร่างของเธอจนหน้านิ่ว เขาไม่คุ้นชินกับมันมากนัก

พอคิดจะผละออกไปอีกข้าง ส้งจิ้งเหอก็ใช้มืออีกข้างมาบังทางเอาไว้

เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไร้ประโยชน์”

“แค่ไม่ต้องการอธิบาย หรือว่าคุณกับเธอมีอะไรกันจริงๆ” ส้งจิ้งเหอคาดคั้น

ที่ห้องอาหารเธออาจจะเดือดจัดก็จริง แต่พอใจเย็นแล้วมานึกคิดจริงๆ วี่เหวินถิงมีนิสัยเช่นไรทำไมเธอจะไม่รู้กัน และเมื่อรวมกับเรื่องค่ำคืนนั้นที่โรงแรม จะดูอย่างไรเขาก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอย่างแน่นอน

“แล้วแต่คุณจะคิด”

แล้วแต่เธอรึ

ความเย็นชา และน้ำเสียงที่พูดเหมือนไม่แยแสทำให้ส้งจิ้งเหอเดือดจัด

นิ้วของเธอจิ้มที่อกของชายหนุ่มอย่างแรง “วี่เหวินถิง แค่อธิบายไม่กี่คำเพียงครู่มันจะทำให้คุณตายได้เลยใช่หรือไม่”

“ที่เลิกกันมันเป็นเพราะฉันหรือ แม่ของคุณนั่นแหละที่เป็นตัวการทั้งนั้น หากคุณใส่ใจฉัน เรื่องมันคงจะไม่กลายเป็นแบบนี้...”

วี่เหวินถิงจับแขนของเธอพลิกร่างและกดเธอกับกำแพงของสระว่ายน้ำ ดวงตาทอประกายวาววับ

“แล้วคุณจะเอาเงินของเธอไปทำไม”

“เรื่องนั้น...” ทั้งถูกคุณนายวี่ข่มขู่ และเธอก็ท้องอยู่ด้วย สถานะที่ต่ำต้อยในตระกูลวี่นั้น หากเธอไม่รับเงินก้อนนั้นมา จะคลอดลูกได้อย่างไรกัน

“ส้งจิ้งเหอ คุณมีอะไรมาเรียกร้องได้กัน” วี่เหวินถิงยิ้มเย็นชา ก่อนจะเอ่ยแทรกคำพูดของเธอ “คุณเคยคิดจะมาปรึกษากับผมบ้างหรือไม่ เคยบอกกับผมไหม”

ส้งจิ้งเหอหลับตาแน่น “ฉันเพียงกลัวว่าคุณจะกังวล และจดหมายฉบับนั้น...”

“เช่นนั้นผมก็ขอขอบคุณประธานส้งมาก ที่ยังทิ้งความทรงจำที่สวยงามเอาไว้ให้ผม” สีหน้าของวี่เหวินถิงเย็นยะเยือก “ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงจดหมายฉบับนั้นอีก จบก็คือจบ”

เขาปล่อยเธอไป และขึ้นบันไดออกจากสระว่ายน้ำไป

สี่ปีก่อนหน้านั้น เขายอมรับเงื่อนไขของพ่อโดยไม่นึกประนีประนอม ทั้งยังส่งคนไปช่วยส้งจิ้งเหออย่างลับๆ ยกระดับฐานะตระกูลส้งของเธอ แต่เธอกลับถอดใจไปเสียก่อน

ความพยายามและการต่อสู้ทั้งหมดของเขา กลายเป็นเรื่องตลกในทันที

สมควรตายนัก

หากรู้ว่าจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เขาจะให้ลู่เหวินซูและเย่นจิ่งเหนียนกลับมา และตัวเขาจะไม่กลับมาเหยียบที่เมืองหนานเฉิงอีกเป็นอันขาด

ส้งจิ้งเหอที่อยู่ในสระว่ายน้ำยังคงถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอรู้สึกว่าสมองของเธอมีปัญหา ทำไมถึงได้ตกหลุมรักผู้ชายปากแข็งคนนั้น ทั้งยังมีลูกกับเขาด้วยอีกกัน

โชคยังดีที่นิสัยของลูกชายมาทางเธอ ทั้งยังได้รับการสั่งสอนจากเธออย่างดี หากได้นิสัยวี่เหวินถิงมา ชาตินี้คงจะหาแฟนไม่ได้สักคน

ถังซินเล่นบิลเลียดกับมู่เฉินหย่วนทั้งบ่ายวันนี้

ต้องขอบคุณการสั่งสอนของมู่เฉินหย่วน ในไม่ช้าลูกเจี๊ยบอ่อนหัดก็เข้าขั้นผู้เล่นเริ่มต้นแล้ว ทั้งยังได้ของจากการชนะเขามาไม่น้อยทีเดียว

ช่วงเวลาอาหารค่ำ มีเธอ มู่เฉินหย่วน และส้งจิ้งเหอเพียงสามคนเท่านั้น

ใบหน้าหมดอาลัยตายอยากของลู่เหวินซูจดจ้องไปที่หลี่ซูเจ๋ ทั้งสองราวกับอยู่ในห้องหมากรุกก็ไม่ปาน มู่เฉินหย่วนบอกว่าวี่เหวินถิงจัดการธุระอยู่ที่ห้อง เดี๋ยวค่อยเอาอาหารเย็นกลับไปให้เขากินที่ห้อง

ถังซินมองใบหน้าที่เศร้าหมองของส้งจิ้งเหอ รู้สึกได้ว่าเธอคงทะเลาะกับวี่เหวินถิง จึงไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ

หลังจากที่ทานเย็นเสร็จ มู่เฉินหย่วนก็นำอาหารกลับมาที่ห้อง ก็เห็นว่าวี่เหวินถิงยังคงจัดการธุระอยู่ “ใบหน้าของพี่ใหญ่ไม่ดีเลยนะ ทะเลาะกับประธานส้งหรือ”

วี่เหวินถิงกล่าวเสียงเย็น “เปล่า”

มู่เฉินหย่วน “.....”

ท่าทางเช่นนี้ น้ำเสียงเช่นนี้ มองอย่างไรก็ทะเลาะกันมาไม่ใช่หรือ

วี่เหวินถิงที่เห็นมู่เฉินหย่วนเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “ทำไมกัน นายจะออกไปข้างนอกรึ”

“สองทุ่มมีงานเต้นรำ ดูเหมือนจะมีกิจกรรมน่าสนุกอื่นๆ อีกด้วย” มู่เฉินหย่วนปลดกระดุมคริสทัลออก “ถังซินอยากไปเล่น ฉันเพียงตามไปดูแลเท่านั้น”

วี่เหวินถิงใบหน้ามืดครึ้ม ก่อนจะกล่าวอย่างไม่พอใจ “บริษัทมู่ซื่อเป็นของฉันคนเดียวหรืออย่างไร ทำไมถึงมีเพียงฉันที่ดูแล แล้วพวกนายก็พาผู้หญิงไปเต้นรำกันฮะ”

“หากไม่ใช่เพราะกลัวพี่ใหญ่จะเบื่อ จนทำให้เสียสมาธิการทำงานเอา” มู่เฉินหย่วนกล่าวอย่างเกียจคร้าน “หรือพี่ใหญ่จะไปด้วยกันล่ะ ผู้หญิงสวยๆ ที่งานเต้นรำมีไม่น้อยเลยนะ”

วี่เหวินถิงแสยะยิ้ม “กิจกรรมน่าเบื่อนี้มีเพียงพวกนายที่ชอบเท่านั้นแหละ”

มู่เฉินหย่วนยักไหล่

เขาเองก็ไม่ได้ชอบนัก แต่ถังซินอยากไปจึงไปเป็นเพื่อน จะทนเห็นภรรยาของเต้นกับชายอื่นได้อย่างไรกัน

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอกดังขึ้นมา

มู่เฉินหย่วนที่เห็นวี่เหวินถิงยังนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตามเดิม ก็เดินไปเปิดประตู

เป็นส้งจิ้งเหอ

ส้งจิ้งเหอมองสำรวจมู่เฉินหย่วน ก่อนจะถามยิ้มๆ “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนี่ จะออกไปเล่นที่ห้องเต้นรำรึ”

“อือ ถังซินอยากไปเล่นสนุกๆ น่ะ” มู่เฉินหย่วนกล่าว เขาเตรียมตัวเสร็จแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไป จึงให้ส้งจิ้งเหอเข้ามา และออกไปแทน “หากพวกคุณคุยกันเสร็จแล้วก็ออกไปเล่นที่บอลรูมได้”

ส้งจิ้งเหอพยักหน้า

รอจนกระทั่งมู่เฉินหย่วนออกไปแล้ว เธอก็รีบล็อกประตู และเดินไปยังห้องนอนทันที

วี่เหวินถิงเงยหน้าทันทีที่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหว เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ สีหน้าก็พลันเย็นยะเยือกทันที “ประธานส้ง มีธุระอย่างนั้นรึ”

“มี” ส้งจิ้งเหอสะบัดเสื้อคลุมออกและเขวี้ยงไปทางโซฟา ข้างในมีเพียงสเว็ตเตอร์ตัวบางเบาเท่านั้น ทอเป็นรูปเงาของร่างทันทีที่กระทบกับแสงไป

“คุณมานี่ พวกเราต้องคุยกัน” 

วี่เหวินถิงก้มหน้าและอ่านเอกสารต่อ “คุณมีอะไรก็พูดมา”

“วี่เหวินถิง ฉันบอกให้คุณมานี่” ส้งจิ้งเหอกล่าวเสียงเข้ม สองมือกำปลายเสื้อไว้แน่น “ไม่อย่างนั้นฉันจะถอดเสื้อผ้าตามจำนวนเลขที่นับ หากถอดหมดแล้วฉันจะไม่ไปไหนเด็ดขาด”

“.....”

“หนึ่ง” เมื่อเห็นว่าวี่เหวินถิงไปขยับ ส้งจิ้งเหอก็ถอดเสื้อออกอย่างไม่ลังเล จนเผยให้เห็นชุดชั้นในสีม่วงอ่อน

“สอง” เธอถอดกระโปรงออกไป

วี่เหวินถิงที่ได้ยินเสียงเสื้อผ้าตกกระทบกับพื้น ก็เงยใบหน้าเย็นชาขึ้นมา เมื่อเห็นว่าร่างของหญิงสาวเหลือเพียงจุดลับที่ปกปิดไว้เท่านั้น ผิวขาวเปล่งประกายจนทำให้ตาพร่า

“สาม” นิ้วของส้งจิ้งเหอเอื้อมไปยังตะขอของเสื้อใน และทำท่าจะปลดมันออก

วี่เหวินถิงปรี่เข้าไปด้วยใบหน้ามืดครึ้ม หยิบเสื้อกันลมขึ้นมาคลุมให้กับเธอ แล้วจึงนั่งลงที่โซฟา

“มาแต่แรกก็จบแล้ว จะต้องให้บังคับทำไม” ส้งจิ้งเหอสวมเสื้อกันลมนั้นและนั่งลงข้างๆ วี่เหวินถิง ไขว้ขาก่ายกัน จนปลายเสื้อถลกขึ้น และเห็นสองขาที่เรียวยาว

เธอเปิดโทรศัพท์มือถือ และเปิดเล่นวิดีโอที่บันทึกเสียงไว้ ภายในนั้นเป็นบทสนทนาระหว่างเธอและคุณนายวี่

ตั้งแต่วันนั้นที่ได้รู้เรื่องจดหมายจากเย่นจิ่งเหนียน ในตอนที่ส้งจิ้งเหอไปหาคุณนายวี่ ก็ได้เปิดโปรแกรมบันทึกเสียงไว้รอแล้ว เพื่อให้คุณนายวี่ยอมรับกับสิ่งตัวเองทำทั้งหมด

หลังจากที่วี่เหวินถิงฟังบันทึกเสียงไม่กี่นาทีนี้จบ ใบหน้าก็ทะมึนจนมืดครึ้ม

ส้งจิ้งเหอกล่าว “ฉันรู้ว่าคุณกำลังจะเลื่อนตำแหน่ง จึงรับเงินของแม่คุณมา บอกให้ฉันเลิกกับคุณเพื่อความสบายของแม่และพ่อของคุณ หลังจากที่กลับไป ฉันก็รีบเขียนจดหมายและรีบให้คนเอาไปส่งให้กับคุณ ฉันรอคุณกลับมาตลอดตั้งนานหลายปี ไม่คิดว่าจดหมายจะถูกทิ้งไประหว่างทางแล้ว”

“จดหมายมันถูกทิ้งไปตั้งแต่แรก...” วี่เหวินถิงกำหมัดแน่น

เมื่อมาตระหนักคิดในตอนนี้ถึงได้รู้ว่ามันแปลกๆ จดหมายใจความอัปรีย์แบบนั้นไม่ใช่ส้งจิ้งเหอเป็นคนเขียนขึ้นมาแน่

“ฉันไม่คิดว่าจดหมายเพียงฉบับเดียวจะทำให้เราเข้าใจผิดกันมานานหลายปีขนาดนี้” ส้งจิ้งเหอยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “ตอนที่เจอกันอีกครั้งที่โรงพยาบาล ฉันคิดว่าคุณคงโกรธเรื่องที่ฉันไม่ยอมปรึกษากับคุณก่อน”

“หากไม่ใช่เพราะเย่นจิ่งเหนียนมาบอกฉัน ความเข้าใจผิดครั้งนี้ของพวกเราคงไม่ได้รับการแก้ไขตลอดไป”

“นั่นสิ ผมได้อ่านจดหมายนั้นแล้ว ยังคิดว่าคุณกำลังจะไปหาคนที่ดีกว่า” วี่เหวินถิงกล่าว

ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นฝีมือของแม่เขา ที่ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดกัน

เป็นครั้งแรกที่เขาเกลียดบ้านหลังนั้นขนาดนี้

“ถ้าฉันต้องการคนที่ดีกว่าจริงๆ ป่านนี้ฉันจากไปอย่างเงียบๆ แล้วค่ะ คิดว่าจะมาคุยกับคุณอย่างนี้ได้อีกหรือคะ” ส้งจิ้งเหอกลอกตามองบนใส่เขา “คุณมีหัวทางการค้านะคะ คงไม่รู้ตัวสักนิดว่าถูกผู้หญิงในวงการธุรกิจหลอกมาแล้วนับกี่คนกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน