รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 311

บทที่ 311 เขาละทิ้งการสืบช่วงมรดกของอเล็กซ์เลียร์

ถังซินพูดหยอกล้อขึ้นว่า “เหวินซูนายใช้ได้หนิ ฉันว่านะตอนแต่งงาน นายสามารถเรียกแฟนเก่าทั้งหกคนนั้นมา ดูสนุกครึกครื้นดี”

“ฉันตอบเสร็จแล้ว มามา เล่นอีกครั้ง!”

ลู่เหวินซูรู้ว่าอย่าไปยั่วโมโหผู้หญิง เวลาเธอโกรธ คุณจะไม่สามารถต่อต้านเธอได้อย่างเด็ดขาด จึงยิ้มยิงฟันและเปลี่ยนเรื่องคุย ทักให้ทุกคนรีบเล่นเกมส์ต่อ

ทุกคนเล่นต่อไป

มือที่ลงในกล่องสีน้ำเงินของลู่เหวินซูได้เปลี่ยนเป็นสีแดง

“สุดท้ายก็มาถึงตาฉันแล้ว” เขาขมวดคิ้ว เหมือนกับว่าภูมิใจและมีความสุขมาก

ลู่เหวินซูกัดฟันและหันไปมองทางถังซิน

เขาไม่ลืมว่าเมื่อสักครู่ถังซินหยอกล้อเขาไว้ยังไง มีหนึ่งโอกาส เขาจึงอยากจะแก้แค้นอย่างแน่นอน

ถังซินก็ไม่กลัว ทำเพียงแค่จือปาก “มา ฉันเลือกพูดความจริง”

ลู่เหวินซูยิ้มอย่างร้ายๆ “พี่สะใภ้รอง ไม่เปลี่ยนแน่นะ?”

“ถ้าฉันเลือกอันที่มีความเสี่ยง แล้วนายให้ฉันจูบผู้ชายที่อยู่ในที่นี้จะทำยังไง?” ถังซินยิ้มอย่างเย็นชา “คิดว่าฉันไม่รู้หรอว่านายมีพฤติกรรมยังไง? พูดตามตรง!”

“ได้ เอาตามที่เธอว่า!” ลู่เหวินซูลูบปลายคางแล้วทำเป็นไตร่ตรองคิด จากนั้นก็พูดอย่างยิ้มหัวเราะขึ้นมาว่า “ฉันได้ยินมาว่าพี่สะใภ้รองแต่งงานกับมู่หยางซิวมาหนึ่งปี แต่แค่ย้ายชื่อมาในทะเบียนบ้านเท่านั้น”

ถังซินกระพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง

มุมปากของลู่เหวินซูแสยะออก และยิ้มแย้มออกมาอย่างชอบใจ ขอถามหน่อยว่า “พี่รองและพี่สะใภ้รองมีอะไรกันครั้งแรกที่ไหน?”

“ไอ้สี่” มู่เฉินหย่วนเริ่มพูดออกมาแล้ว

“พี่รอง พี่ไม่สามารถพูดปกป้องเธอได้!” ลู่เหวินซูพูดเสียงลั่น “ผมให้โอกาสพี่สะใภ้รองแล้ว เธอเลือกพูดความจริง! ดังนั้นผมถามอะไร พี่สะใภ้รองก็ต้องตอบ นี่เป็นกฎเกณฑ์ของเกมส์”

“ได้ ฉันตอบ” ถังซินโบกมือ ให้มู่เฉินหย่วนไม่ต้องเข้ามาช่วย และพูดด้วยอาการหูแดงขึ้นว่า “ครั้งแรกของพวกเราก็คือที่โรงแรมโจวจี้”

“โอ้……”ลู่เหวินซูลากเสียงยาว และพูดอย่างมีเลศนัยขึ้นว่า “ไม่น่าหล่ะทำไมพี่รองถึงชอบไปโรงแรมโจวจี้มากขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นที่ที่หวนรำลึกถึงความทรงจำที่มีค่า!”

มู่เฉินหย่วนยื่นเท้าถีบออกไป

ขาและเท้าออกแรงอย่างเต็มที่ ถีบแรงจนลู่เหวินซูเกือบร้องออกมาอย่างเศร้าโศกเสียใจ

เพราะว่าลู่เหวินซูต่ำช้า ถัดจากถังซิน ไม่ว่าใครเป็นคนชนะก็ต่างเลือกลงโทษเขา

เมื่อลู่เหวินซูเลือกความเสี่ยงสูง จึงให้เขาไปหาผู้ชายในห้องรับแขกหนึ่งคน เพื่อเต้นให้เขาคนนั้นดูและพูดว่าผมเป็นเกย์สิบครั้ง และเมื่อเขาเลือกพูดความจริง ก็ถามเขาว่ารักแรกคือใคร เคยทำเรื่องเลวอะไรมา เป็นต้น แม้แต่หลี่ซูเจ๋ยังร่วมมือกับทุกคนลงโทษเขา

หนึ่งรอบทิ้งระเบิดลงที่เขา ทำให้ลู่เหวินซูเหมือนกับนอนข้างโลงศพแท้ๆเลย

ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ยอมที่จะทำให้คนไม่พอใจ ดีกว่าสามารถยั่วโมโหเพื่อนผู้หญิงหลายคนได้

เมื่อพวกเธอเกลียดชังและเคียดแค้นศัตรูคนเดียวกันนั้นช่างน่ากลัวมาก

นาฬิกาที่อยู่ในมือถือเริ่มเดินต่อ ไม่กี่วินาทีต่อมา มือที่ถังซินเอาลงไปในกล่องสีน้ำเงินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

ลู่เหวินซูมือสั่น ถูกทุกคนทรมานจึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย จึงพูดกับถังซินอย่างหวาดกลัว “พี่สะใภ้รอง ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันเลือกพูดความจริง”

ถังซินยิ้มออกมา “เห็นนายหวาดกลัวแบบนี้ ฉันไม่เลือกนายอีกแล้ว”

“จริงหรอ? ลู่เหวินซูรีบยิ้มยิงฟัน “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณพี่สะใภ้รองที่ไม่ฆ่ากันจนตาย”

ถังซินส่งสายตาไปทางมู่เฉินหย่วน

มู่เฉินหย่วนก็มองมาที่เธอเช่นกัน และยิ้มออกมา “คุณนายมู่อยากให้ผมเลือกอะไร”

“เล่นมาชั่วโมงกว่าแล้ว เหนื่อยแล้ว ฉันก็ไม่อยากทำให้คุณรู้สึกลำบากใจ” ถังซินเอ่ยขึ้น แววตาปลิ้นปล้อนไม่ซื่อ “ฉันยังไม่เคยฟังมู่เฉินหย่วนร้องเพลง วันนี้ร้องไห้ฉันฟังซักเพลงเถอะ!”

“ฉันเห็นด้วย ฉันก็ไม่เคยฟังพี่รองร้องเพลง” ลู่เหวินซูยกมือเห็นด้วย “แต่ว่าพี่สะใภ้รองต้องเตรียมใจ ฉันคิดว่าพี่รองร้องเพลงก็น่าจะงั้นๆ”

มู่เฉินหย่วนพูดอย่างจนปัญญาขึ้นว่า “ฉันไม่เคยร้องเพลงจริงๆ เปลี่ยนอันอื่นเถอะ ถังซินดึงตัวเขาขึ้นมาจากโซฟา “ร้องไม่ถูกทำนองไม่เป็นไร อุปกรณ์ข้างบนเวทีนั้นครบครัน ไปเถอะ!”

ในเวลานี้ ผู้ช่วยจางที่ออกไปคุยโทรศัพท์อยู่นานก็กลับมา

“ประธานมู่”

เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ช่วยจางเคร่งขรึม เหมือนกับมีเรื่องจะพูด จึงบอกกับทุกคนและลุกออกไปจากที่นั่ง

หลังจากที่ทั้งสองคนมาถึงตรงซอกมุม มู่เฉินหย่วนจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร?”

ผมพึ่งได้รับข้อมูลมาว่า “หลินเฉิงจี๋ละทิ้งการสืบช่วงมรดกของอเล็กซ์เลียร์แล้ว” ผู้ช่วยจางพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เรื่องนี้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ของประเทศY ดูแล้วน่าจะเป็นเรื่องจริง”

ได้ยินดังนั้น มู่เฉินหย่วนจึงขมวดคิ้ว “ถ้าเขาละทิ้ง อเล็กซ์เลียร์จะตกเป็นของจี้เจียจื้อ”

“ใช่ครับ” ผู้ช่วยจางพยักหน้า “จี้เจียจื้ออยากฆ่าเขาหลายครั้ง เขาเอาเรื่องละทิ้งการสืบช่วงมรดกลงหนังสือพิมพ์

พวกนักการเมืองที่มีชื่อเสียงก็จะไม่จำเขาแล้ว เช่นนี้ไม่ใช่เป็นการปล่อยโอกาสให้จี้เจียจื้อฆ่าเขาหรอ?”

มู่เฉินหย่วนครุ่นคิดสักครู่ และพูดออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม “หลินเฉิงจี๋อดทนกับจี้เจียจื้อมาเป็นยี่สิบปี ไม่ง่ายเลยที่จะได้สืบช่วงมรดกอเล็กซ์เลียร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะละทิ้งแบบนี้”

“ประธานมู่ คุณหมายความว่าอย่างไร?”

“เขาจะต้องทำธุรกิจอะไรร่วมกับจี้เจียจื้อแน่นอน” มู่เฉินหย่วนแววตาอึมครึม กำชับจางเฉิง “สืบหา ไม่สามารถให้จี้เจียจื้อเอาอเล็กซ์เลียร์ไปได้”

หลังจากที่จี้เจียจื้อใช้เงินค่าตอบแทนหนึ่งร้อยล้านจ้างคนมาฆ่าถังซิน ความขัดแย้งของมู่เฉินหย่วนกับเขาก็ก่อตัวขึ้น แน่นอนว่าไม่สามารถยืนดูจี้เจียจื้อครอบครองอเล็กเลียซ์ได้อย่างเป็นทองไม่รู้ร้อน

และอีกอย่าง บริษัทมู่ซื่อกำลังบุกเบิกตลาดการค้ายุโรป ต้องการคนรู้จัก และยุโรปก็คือสนามเจ้าภาพของอเล็กซ์เลียร์ ถ้าจี้เจียจื้อมีอำนาจ อย่างแรกจะต้องลงมือกับบริษัทมู่ซื่อ

ผู้ช่วยจางขานรับ

“และมีอีกเรื่องหนึ่ง ประธานมู่” ผู้ช่วยจางเอ่ยขึ้น “หลินเฉิงจี๋คล้ายกับจะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวไปเมืองหนานเฉิง”

มู่เฉินหย่วนพูดด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “เขาควรที่จะกลับไปประเทศY”

ต้องบังคับให้เขาลงมือด้วยตนเองจริงๆหรือ?

ผู้ช่วยจางยักไหล่ และเอามือถือให้เขาดู “ผมได้รับอีเมลย์ของหลินเฉิงจี๋ เขาไปจัดการธุระบางอย่างที่เมืองหนานเฉิง จัดการเสร็จก็จะกลับประเทศY”

“นายส่งคนไปจับตามอง” เมื่อนึกถึงคำพูดนั้นที่ถังซินพูด มู่เฉินหย่วนจึงยอมอ่อนข้อให้ “ดูว่าเขาต้องการที่จะจัดการเรื่องอะไร เมื่อเขาจัดการเสร็จแล้ว รีบส่งเขากลับไป”

การต่อสู้ของสองพี่น้องตระกูลอเล็กซ์เลียร์ เขาจะไม่เอาถังซินเข้าไปพัวพัน

“ได้ครับ” เมื่อได้ยินเจ้านายของตนเองพูดเช่นนี้ ผู้ช่วยจางจึงรู้ว่าตนเองไม่ต้องกลับไปนิวยอร์กอีกแล้ว ในใจก็รู้สึกดี “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ผมจะกลับเมืองหนานเฉิง… “มู่เฉินหย่วนพูดขัดเขาขึ้นมา “ไม่ต้องรีบกลับหนานเฉิง นายร้องเพลงเป็นมั้ย?”

“อา?” ผู้ช่วยจางไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับใดใดอยู่ครู่หนึ่ง

“ร้องเพลงได้มั้ย?”

“ร้องหน่ะร้องได้… “ผู้ช่วยจางเกาท้ายทอย รู้สึกเขินอายเล็กน้อย “แต่ว่าร้องไม่ไพเราะ ประธานมู่ คุณอยากฟังผมร้องเพลงหรือ?”

มู่เฉินหย่วนมองไปที่บนเวที และยังหันกลับไปมองพวกคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ

สี่คนน่าจะพอแล้ว

“มีกิจกรรมหนึ่งต้องให้นายเข้าร่วม” มู่เฉินหย่วนกวักมือเรียกให้เขาเข้ามาและพูดใกล้ๆข้างหูเขาไม่กี่ประโยค

ผู้ช่วยจางสีหน้าเปลี่ยนทันที พูดด้วยความทุกข์ใจขึ้นว่า “ประธานมู่ ผมอายุยี่สิบเก้าแต่ยังไม่มีแฟน ยังไม่น่าสงสารพออีกหรอ? คุณยังให้ผมขึ้นเวทีเพื่อแสดงกับพวกคุณอีกหรอ? เพื่อให้คุณนายมีความสุขหรอ?

“สิ้นปีให้เงินโบนัสสองล้าน เอามั้ย?”

“ ประธานมู่ผมเคยเรียนเล่นเบส” ผู้ช่วยจางกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในชั่วพริบตาเดียว และพูดด้วยความจริงจัง “ขอเพียงคุณนายมีความสุข ให้ผมดีดทั้งคืนก็ไม่มีปัญหา”

มู่เฉินหย่วน…

ถังซินรอให้มู่เฉินหย่วนกลับมา คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่กลับมามีเพียงผู้ช่วยจางคนเดียว

เขาเห็นผู้ช่วยจางไปที่ลู่เหวินซูและและวี่เหวินถิง เข้าไปกระซิบใกล้ๆที่หูของเขาไม่กี่ประโยค ลู่เหวินซูยิ้มหัวเราะแล้วพยักหน้า

แล้ววี่เหวินถิงก็หันไปมองส้งจิ้งเหอ ทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพยักหน้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน