รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 312

บทที่ 312 เตรียมตัวพร้อมหรือยัง

สุดท้ายผู้ชายทั้งสามคนก็เดินจากไป

ถังซินรู้สึกแปลกใจ จึงไปถามหลี่ซูเจ๋ “นางฟ้าน้อย เธออยู่ใกล้เหวินซูที่สุด รู้มั้ยว่าเมื่อสักครู่ผู้ช่วยจางพูดอะไรกับเขา?”

หลี่ซูเจ๋ส่ายหัว “ผู้ช่วยจางนั้นค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เสียงเบามาก ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”

“แปลกๆแล้ว ผู้ชายพวกนี้ไปไหนกัน?”

“น่าจะมีธุระ” ส้งจิ้งเหอกลับไม่สนใจเรื่องพวกนั้น รินไวน์แดงให้กับถังซินเต็มแก้ว “ถึงจะบอกว่าออกมาพักผ่อนในวันหยุด แต่งานของบริษัทพวกเขาก็ต้องดูแล”

เมื่อได้ยินส้งจิ้งเหอพูดเช่นนี้ ถังซินจึงเห็นด้วยมาก

หลี่ซูเจ๋ค่อยๆขยับเข้ามา ยิ้มหัวเราะและพูดว่า “โอ๊ย ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเรานั่งคุยกันเองก็ดีเหมือนกัน! ประธานส้ง บริษัทของพวกคุณขาดคนมั้ย คุณคิดว่าฉันเป็นยังไงบ้าง?”

“ขาด แต่ไม่เอาเธอแน่นอน”

“ทำไมหรอ!” หลี่ซูเจ๋บึนปาก “ฉันเก่งจะตาย ฉันคนเดียวทำงานเหมือนสิบคนทำ”

ส่งจิ้งเหอเม้มริมฝีปากที่แดงก่ำ และไม่พูดอะไร

ถังซินจึงหัวเราะและพูดขึ้นว่า “คุณส้งจะกล้ารับเธอได้ยังไง ไอ้สี่นั่นติดเธอหนึบ เธอไปไหนเขาก็ไปที่นั่น ไอ้สี่เป็นคนไม่ค่อยปกติ แต่ว่าทำการค้าได้เก่งมาก”

“พวกผู้ชายเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และบริษัทมู่ซื่อกับบริษัทตระกูลส้งมีบางโครงการที่เป็นคู่แข่งกัน แผนกต่างประเทศของบริษัทมู่ซื่อมีไอ้สี่เป็นคนดูแลคนเดียว ยังไงพี่รองก็ต้องให้เขาอยู่เคียงข้าง”

ส้งจิ้งเหอพยักหน้าเห็นด้วย

หลี่ซูเจ๋จึงเอ่ยขึ้นว่า “ทั้งสมองครุ่นคิดแต่เรื่องโลกีย์ทั้งวัน! คิดแต่ว่าวันไหนจะร่วมงานเลี้ยงและพบเจอสาวสายลับสวยๆสักคน จากนั้นก็ถูกเขาล่อลวง ความลับอะไรก็พูดออกมาหมด”

“ฮาฮาฮา จี้ถูกจุดสำคัญ” ถังซินหัวเราะขำจนโยกไปมา และพูดหยอกล้อขึ้นว่า “เธอรังเกียจไอ้สี่ขนาดนี้ ทำไมถึงหมั้นกับเขาหล่ะ แบบนี้ไม่ใช่คำพูดขัดกับการกระทำหรอ?”

หลี่ซูเจ๋เอามือเท้าแก้ม และทอดถอนหายใจ “ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกที่งดงาม หลงใหลในร่างกายของเขาแล้ว”

“ไอ้สี่ใช้ได้เลยจริงๆ” ส้งจิ้งเหอพูดออกมาจากใจจริง “แต่ซุกซนเล็กน้อย ชอบเที่ยวเล่น แต่ก็รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ”

เธอมองไปที่หลี่ซูเจ๋ และยิ้มออกมาเบาๆ “ฉันเห็นทายาทเศรษฐีมาก็มาก ไม่ว่าอะไรก็เล่นไปหมด พึ่งพาทรัพย์สินในบ้านที่ร่ำรวยมั่งคงของตนเอง กำเริบเสิบสาน ทำตามอำเภอใจอย่างไม่เกรงกลัวใดๆ บางคนก็เป็นสาววัยรุ่น และเป็นลูกนอกสมรสซะส่วนมาก”

“ฉันก็ได้ยินมาบ้าง” ถังซินพยักหน้า “ก่อนหน้านี้ข่าวซุบซิบของไอ้สี่ฉันก็ได้ยินมาบ้าง เขาชอบนางแบบหน้าอกใหญ่ขายาวทำให้โดนรังเกียจ แต่ว่าตอนคบกันก็ประพฤติตัวดี ไม่คิดทำอะไรที่ไม่ดี เลิกกันแล้วยังให้ของชดเชย และเมื่อจบกันแล้วจริงๆถึงจะไปคบกับคนอื่น”

ส้งจิ้งเหอยิ้มอย่างยั่วเย้าขึ้นมา “ใช่หรอ? ไม่คิดเลยว่าคุณชายที่ฐานะสูงส่งอย่างไอ้สี่ยังมีการเปลี่ยนความคิดที่ชั่ว บางทีอาจจะเป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันว่า คนเราอยากหรือไม่อยากที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง ต้องขึ้นอยู่กับอีกคนที่เขาคบหา”

หลี่ซูเจ๋รู้สึกทุกข์ใจ

เธอดูถูกเหยียดหยามคำพูดของถังซินและส้งจิ้งเหอ อยากที่จะพูดกับพวกเธอว่า ความคิดที่ชั่วร้ายหรือไม่ชั่วร้าย พ่อเป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น ต่างก็หลอกเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิง!

แต่สุดท้ายก็แค่เม้มปากแน่น

ถังซินดูออกว่าสีหน้าของหลี่ซูเจ๋นั้นผิดปกติ ถังซินจึงดึงที่ไหล่ของเธอ “นางฟ้าน้อย ความรู้สึกบางอย่างจะผ่านไปได้หรือไม่ ต้องดูจากสองฝ่าย ถ้าเขายังไม่ดี เขาก็จะเปลี่ยนเพื่อเธออีกมาก เธอควรที่จะเชื่อเขา”

ส้งจิ่งเหอจึงพูดเสริมขึ้นว่า “ถ้าเขากล้ารังแกเธอ พวกเรามีวิธีที่จะจัดการกับเขา”

“พวกเธอก็……”หลี่ซูเจ๋น้ำตาคลอ “วันนี้ฉันโชคดีจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีเพื่อนที่ดีอย่างพวกเธอทั้งสองคน”

ถังซินยิ้มหัวเราะและเอ่ยขึ้นว่า “แบบนี้เรียกว่าพรหมลิขิต ถึงจะขัดขวางก็ขัดขวางไม่ได้”

หลี่ซูเจ๋จ้องมองเธอและกัดริมฝีปากแน่น

รู้จักกับส้งจิ้งเหอด้วยเหตุสุดวิสัย และเป็นเพื่อนกับถังซินก็เพื่อการแก้แค้น เป็นเพียงแค่การวางแผน เพียงแค่ไม่คาดคิดว่า ทั้งสองคนจะกลายมาเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ

หลี่ซูเจ๋พูดในใจขึ้นว่า ขอโทษนะถังซิน หลอกเธอมานานขนาดนี้

เธอก้มหน้า ถังซินไม่เห็นความทุกข์ใจจากความละอายที่อยู่บนหน้าของเธอ และยกไวน์แดงขึ้นชนแก้ว “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มาเฉลิมฉลองที่พวกเราได้มาเป็นเพื่อนกัน มาฉลองกันหน่อย!”

“ฉันบอกไว้ก่อนนะ ถ้าพวกเธอยากจน ฉันจะไม่ให้ความช่วยเหลือเรื่องเงิน ส้งจิ้งเหอยกแก้วเหล้าขึ้น “ถ้ามีธุระอะไรให้ช่วย ฉันสามารถช่วยได้ ถ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินฉันขอหลีกเลี่ยง”

“เฮ่เฮ่ ต้องพูดความจริงขนาดนี้เลยหรอ?” ถังซินหันหน้ามองเธอ และพูดหยอกล้อขึ้นว่า “ลูกของเธอยังรอให้ฉันคลอดเจ้าหญิงตัวน้อยให้เขา ไม่แน่ว่าวันข้างหน้าพวกเราอาจจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันก็ได้”

ส้งจิ้งเหอจึงหัวเราะออกมา “ถ้าเธอมีลูก สินสอดทองหมั้นก็แล้วแต่เธอขอ”

“ทำไมถึงใจกว้างขนาดนี้”

“ให้ลูกสะใภ้ ต้องใจกว้างแน่นอน!”

เมื่อฟังพวกเธอพูดคุยกันถึงเรื่องอนาคต หลี่ซูเจ๋ก็ยิ้มหัวเราะตาม และมือหนึ่งก็ลูบคลำไปที่ท้องน้อยอย่างเงียบๆ

ท้องน้อยแบนราบ

แต่เธอรู้ว่า หลังจากนี้หนึ่งเดือน ในนี้จะปรากฏชีวิตน้อยๆ

เมื่อนึกถึงการละทิ้งแผนการที่ทำอย่างระมัดระวังพวกนั้น หลี่ซูเจ๋ก็ยิ้มขึ้นมา ยกแก้วแล้วชนกับพวกเธอ “มามา ฉลองให้กับเรื่องที่พวกเราได้รู้จักกัน และหวังว่าคริสต์มาสปีหน้าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอีก!”

“ หมดแก้ว!”

รสชาติไวน์แดงอันแสนอร่อยที่อยู่ในปากทำให้ทั้งสามสาวพึงพอพอใจเป็นอย่างยิ่ง คุยโวโอ้อวดกันถึงเรื่องอนาคต และไม่ได้สนใจผู้ชายพวกนั้นที่เดินออกไปเลย

ในขณะนี้ เสียงของดนตรีที่ดังครึกครื้น จู่จู่ก็เงียบเสียงไป ทำให้คนที่เต้นอยู่งุนงงอยู่สักครู่

ทันใดนั้น แสงไฟก็ได้สาดส่องไปที่บนเวที

ว้าว เสียงกรี๊ดดังแหลมและเสียงสูดหายใจก็ดังขึ้นๆลงๆอย่างไม่หยุดหย่อน

พวกถังซินจึงหันไปมองบนเวทีเต้นอย่างแปลกประหลาดใจ พบว่าดีเจและผู้นำเต้นได้ถอยกลับลงไปแล้ว บนเวทีได้ปรากฎผู้ชายวัยรุ่นรูปงามสี่คน

หลี่ซูเจ๋อุทานขึ้นว่า “อะไรวะเนี่ย!” รีบเอามือสองข้างป้องปากเพื่อทำเป็นลำโพง และตะโกนเรียกลู่เหวินซูที่อยู่บนเวที “ไอ้หมาลู่ขึ้นไปทำอะไรบนเวที อยากเต้นระบำแก้ผ้าให้พวกฉันดูหรอ?”

“ไม่เต้น!” ลู่เหวินซูตอบเธอด้วยเสียงดัง “ที่รักเรือนร่างฉันให้เธอดูเพียงคนเดียว!”

ถังซินเอามือเท้าหน้าผาก

เธอคิดว่าหลี่ซูเจ๋อยู่กับลู่เหวินซูมานาน จึงพาเธอเสียไปด้วย

ผู้ช่วยจางที่อยู่บนเวทีจึงทดสอบสอบเสียงไมค์ โดยใช้ภาษาญี่ปุ่นทักทายทุกคน และพูดสั้นๆขึ้นว่า “วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ คุณมู่บอกว่า ค่าใช้จ่ายที่นี่ทั้งหมดเขาจะเป็นคนออกเอง”

เสียงโห่ร้องแสดงความดีใจข้างล่างเวทีต่างดังขึ้นมาเรื่อยๆ คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างเรียกพนักงานมาเพื่อที่จะให้เขาเอาเหล้าดีดีมาเสิร์ฟ

มีคนจ่ายเงินให้ อะไรที่แพงก็ต้องสั่งอันนั้นแน่นอน

“ขอบคุณ ทุกคนกระตือรือร้นกันมากเลย” ผู้ช่วยจางยิ้มอย่างมีมารยาท เขามีทักษะการเป็นพิธีกรมากๆ ทำให้คนในห้องโถงใหญ่เงียบลงอย่างรวดเร็ว “และต่อไปอีกห้านาที พวกเราก็จะเป็นคนนำบนเวที”

หลังจากที่ผู้ช่วยจางพูดเสร็จ ก็เอาไมโครโฟนไปใส่ไว้ที่ขาตั้งและขยับเข้าใกล้มู่เฉินหย่วน

มู่เฉินหย่วนกำลังลองสายกีตาร์ และแสงไฟอ่อนๆก็ได้ส่องไปที่ตัวเขา เห็นเค้าโครงของเรือนร่างที่งดงามหล่อเหลา เหมือนกับดวงดาวบนทางช้างเผือก แวววับจับตาน่าหลงไหล

เพราะว่ารูปโฉมภายนอกเขาดูโดดเด่นมาก ผู้หญิงไม่น้อยที่อยู่ข้างล่างเวทีจึงส่งเสียงกรี๊ดขึ้นมา และตะโกนขึ้นมาว่า “คุณหล่อมากเลย อยู่คลับไหนหรอ ฉันเลี้ยงดูคุณได้มั้ย?”

หลี่ซูเจ๋ฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ออกจึงไปถามถังซิน “ซินซิน เธอคนนั้นที่ตื่นเต้นขนาดนั้น พูดอะไรหรอ?”

“ไม่ได้พูดอะไร” ถังซินมีท่าทีที่ไม่ดีจนทำให้หัวจะระเบิด

เธอจ้องมองผู้ชายที่อยู่บนเวทีและกัดฟันกราม

จริงๆเลย ให้เขาขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีก็เท่านั้น นี่ทำอะไรอยู่ ใช้ตัณหาของผู้ชายในการเชื่อมความสัมพันธ์ชู้สาวกับผู้หญิงที่โง่เขลาพวกนั้นหรอ?

และมู่เฉินหย่วนก็ลองสายกีตาร์เสร็จพอดี และเงยหน้าขึ้นมา แววตาที่ลึกซึ้งผ่านทะลุมาที่กลุ่มคนที่เบียดเสียดยัดเยียด และเมื่อเห็นถังซิน ริมฝีปากอันบางก็ปริยิ้มขึ้น ดูยั่วเย้าและเซ็กซี่

มู่เฉินหย่วนเอาไมโครโฟนเข้ามาใกล้ที่ปาก เสียงทุ้มต่ำได้ส่งแผ่ขยายออกมาทางลำโพงในห้องโถงใหญ่

“คุณนายมู่ เตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน