รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 313

บทที่ 313 ผู้หญิงคนนี้เหมือนรักแรกของเขา

เตรียมตัวอะไร?

ถังซินกำลังคิดว่าเขาพูดอะไร? เมื่อเห็นมู่เฉินหย่วนที่อยู่บนเวทีทำเสียงดีดนิ้ว ช่อแสงไฟที่อยู่บนเวทีก็ดับลง ด้านบนสุดได้เปิดไฟที่เป็นแสงสีสาดลงมา

ทั้งเวทีเปลี่ยนไปเป็นเหมือนภาพความฝันอย่างไม่มีอะไรสามารถเปรียบเทียบไม่ได้ ที่ปกคลุมชายหนุ่มเหล่านั้นที่อยู่บนเวที

เสียงเครื่องดนตรีคลอการร้องได้ดังออกมาจากเครื่องเสียง แผ่ขยายเสียงดังไปทั่วกลางห้องโถงใหญ่ มู่เฉินหย่วนก้มหน้าเข้าใกล้ไมโครโฟน มือซ้ายถือกากเพชรและดีดไปที่บนสายกีต้าร์ของเขา

“ฉันค้นหาความรักที่เป็นของฉันเจอ”

“ที่รัก ระหว่างที่ตกหลุมรัก ตามฉันมาสิ”

เส้นเสียงของชายหนุ่มมีเสน่ห์ดึงดูดมาก ร้องเสียงต่ำ ช่างกลมกลืนไปกับการเล่นดนตรีมาก เหมือนกับเสียงของธรรมชาติ ความสับสนวุ่นวายที่ด้านล่างเวทีนั้นก็ค่อยๆหายไป ในห้องโถงใหญ่มีแต่เสียงร้องเพลงที่ดังก้อง

“ที่รัก จูบฉันอย่างช้าๆ ฉันได้หัวใจเธอมาทั้งหมด ฉันเห็นเธอครอบครองหัวใจฉันไว้ในดวงตาของเธอ”

ถังซินได้นั่งเท้าคางฟังอยู่ที่บริเวณที่นั่ง ดวงตาเป็นประกายจับจ้องชายหนุ่มที่ร้องเพลงอยู่บนเวที ใส่เสื้อไหมพรมคอเต่าบางๆคู่กับกางเกงสูทสีดำ

อุ้มกีต้าร์ไว้หนึ่งตัว เหมือนกับเป็นนักร้องจริงๆ

เธอจึงเม้มปากยิ้มอยู่สักครู่

นึกไม่ถึงว่า คุณมู่ในปกติที่อยู่ในโลกของธุรกิจนั้นเป็นคนเด็ดขาดไม่ลังเล เมื่อร้องเพลงรักจะไพเราะขนาดนี้

เมื่อเพลงมาถึงท่อนที่สำคัญ ชายหนุ่มทั้งห้าคนที่อยู่บนเวทีก็ร้องพร้อมกันขึ้นมา

“ถึงแม้ว่าพวกเรายังคงเป็นหนุ่มสาว แต่ความรักที่มีค่าเช่นนี้ ต่อสู้กับความยากลำบากในอนาคตทั้งหมดไปด้วยกัน”

“ฉันรู้ว่าพวกเราจะมีความรักที่มีค่านี้ตลอดไป”

“ที่รัก จับกุมมือฉันไว้ เป็นผู้หญิงของฉัน ให้ฉันสัญญากับเธอว่าในอนาคต”

……

ผู้ชายทั้งสี่คนเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่วงทำนองถูกต้องแม่นยำมาก

ถึงแม้จะไม่ใช่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ แต่ว่าเหมาะสมกับเพลงรักดีทำให้คนที่อยู่ข้างล่างเวทีฟังอย่างหลงไหล และฮัมเพลงเบาๆไปด้วยกันกับชายหนุ่มที่อยู่บนเวที

และยังมีหญิงสาววัยรุ่นถือโอกาสตะโกนขึ้นไปทางบนเวทีว่า I DO IDO!

“ว้าว คิดไม่ถึงว่าไอ้หมาลู่จะร้องเพลงรักได้ไพเราะขนาดนี้” หลี่ซูเจ๋ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่หูตนเองได้ยินเลย “ถ้าไม่รู้จักพวกเขา ฉันคงคิดว่ามีวงดนตรีจากที่ไหนมาเล่น”

เธอลุกจากที่นั่ง ชูแขนโบกไปมาให้กับบนเวที และตะโกนพูดเสียงดังขึ้นว่า “ไพเราะมาก ร้องต่ออีก!”

ไม่รู้ว่าตื่นเต้นขนาดไหน

ถังซินและส้งจิ้งเหอมองตากัน และอดขำไม่ได้

“วันนี้เป็นวันคริสต์มาส ช่างมันเถอะ” ถังซินมองไปที่ผู้ชายที่อยู่บนเวที ยิ้มและพูดขึ้นว่า ฉันต้องใจกว้างสักหน่อย!

ส้งจิ้งเหอจึงยิ้มขึ้นมาเช่นกัน “กลับบ้านไปฉันจะตั้งกฎข้อบังคับให้กับท่านวี่ ข้อแรกคือเมื่ออยู่ข้างนอกไม่อนุญาตให้ร้องเพลง เมื่อเห็นผู้หญิงชอบเขามากขนาดนี้ รู้สึกไม่สบายในใจ!”

“ เหมือนกัน”

ของที่ชอบ ของที่ชอบก็อยากสะสมเอาไว้ให้ดี ไม่อยากให้คนอื่นมาอยากได้

ทั้งข้างบนและข้างล่างเวทีต่างชื่นชอบ ในใจของผู้ช่วยจางแทบจะมีน้ำตาไหลรินออกมา

อะไรวะเนี่ย เขาสร้างเวรกรรมอะไรกัน! เขาไม่มีแฟนก็ช่างมันเถอะ แต่ยังถูกบังคับให้ดูเจ้านายของตนเองบอกรักในที่สาธารณะ และสุดท้ายก็ถูกเจ้านายบังคับให้ขึ้นเวทีร้องเพลง

และยังร้องเพลงรัก!

จะหาผู้ช่วยที่น่าสงสารขนาดนี้แบบเขาเจออีกมั้ย!

ผู้ช่วยจางกวาดสายตามองบรรยากาศที่อบอุ่นด้านล่างเวที เมื่อกวาดตาไปยังเคาเตอร์บาร์ ก็หยุดชะงักลง

เขาเห็นหญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่งนั่งไคว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ขาสูง ใบหน้ารูปไข่ ตาและคิ้วสวย ริมฝีปากอันแดงก่ำเม้มเล็กน้อย ดูนิสัยเฉพาะตัวสวยเรียบสงบ ทำให้น่าหลงไหลมาก

หญิงสาววัยรุ่นเผชิญกับสายตาของผู้ช่วยจางด้วยกิริยาท่าทางที่สง่า ดวงตาที่สวยงามโค้งลง และยกแก้วเหล้าที่อยู่บนเคาเตอร์บาร์หันไปทางผู้ช่วยจาง จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวหมด

นำแก้วเปล่าวางไว้บนโต๊ะและวัยรุ่นสาวก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ผู้ช่วยจางยังยื่นเหม่อ

เขาอยู่กับมู่เฉินหย่วนมานาน มักจะไปงานเลี้ยงคอกเทลชั้นสูงบ่อยๆ ผู้หญิงสวยขนาดไหนเขาก็เจอมาหมดแล้ว แต่กลับไม่เหมือนวันนี้ หัวใจจึงเต้นสั่นเครืออย่างรวดเร็ว ฝ่ามือมีแต่เหงื่อไหลออกมา

ผู้หญิงคนนี้เหมือนกับเพื่อนร่วมโต๊ะตอนชั้นประถม เป็นผู้หญิงที่เธอแอบรักมาจนถึงมหาลัยแต่ไม่กล้าที่จะสารภาพรัก

นี่หรอที่เขาเรียกว่าใจสั่น?

หลังจากที่เพลงจบลง คนที่อยู่ด้านล่างเวทียังรู้สึกไม่เต็มที่ ต่างร้องตะโกนออกมา คล้ายกลับอยากให้พวกเขาร้องอีกหนึ่งเพลง

แต่มู่เฉินหย่วนกับไม่สนใจ เอากีต้าร์ที่อยู่บนตัววางลง

เห็นผู้ช่วยจางที่อยู่ข้างๆยังถือกีต้าร์เบสไว้ ท่าทางโง่เง่า เหมือนกับจะไม่ลงเวที เขาจึงพูดออกมาว่า “ทำไม นายยังอยากจะแสดงให้ทุกคนฟังหรอ?”

“ อา?” หลังจากผู้ช่วยจางได้สติขึ้นมาแล้ว จึงถามอย่างเหม่อลอยขึ้นว่า “ร้องเสร็จแล้วหรอ?”

มู่เฉินหย่วน.....

หลังจากที่พวกเขาลงจากเวที ในห้องโถงก็เปิดเพลงสนุกๆขึ้นมาทันที DJและหญิงสาวสามเครื่องแต่งกายน่ารักๆขึ้นมาแสดงบนเวที

ไม่นานก็ทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น

“ที่รัก ฉันร้องเพลงเพราะไม่เพราะ?” ลู่เหวินซูเมื่อกลับมาก็ถูไถออดอ้อนที่ตัวหลี่ซูเจ๋ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “รีบชมฉันสิ” ความรู้สึกของฉัน “ลำบากมากที่จะจดจำทำนองและเนื้อเพลง”

หลี่ซูเจ๋จูบที่แก้มของเขาหนึ่งที “เก่งมากเลย ร้องเพลงได้ไพเราะมาก”

ลู่เหวินซูยื่นปากออกไป “ที่รักจูบตรงนี้”

“ใสหัวไป” หลี่ซูเจ๋ถีบเขาออกไป เธอดูเวลาในมือถือและพูดขึ้นว่า “ห้าทุ่มครึ่งแล้วนะ พวกเราจะฉลองคริสต์มาสอีฟกันที่นี่หรอ”

“กลับโรงแรม” วี่เหวินถิงพูดออกมาก่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

แสดงออกให้เห็นว่ารำคาญสถานที่เช่นนี้มานานแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาเป็นเพื่อนส้งจิ้งเหอ เขาคิดว่าไม่มีวันมาที่นี่แน่นอน

“ฉันเห็นด้วย กลับโรงแรม!” ลู่เหวินซูยกมือขึ้นสองข้างเห็นด้วย เข้าไปดึงตัวหลี่ซูเจ๋เข้ามาในอ้อมกอด “ขึ้นร้องเพลงบนเวทีแล้วเหนื่อย ฉันต้องการกลับไปพักผ่อนที่โรงแรม”

หลี่ซูเจ๋มองไปที่เขา “ในสมองนายคิดอะไรอีกหล่ะ?”

“ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย” ลู่เหวินซูยิ้มหัวเราะและพูดขึ้นว่า “เทศกาลอย่างวันคริสต์มาสอีฟ ฉลองกันสองคนถึงจะโรแมนติก ทำไมถึงต้องแบ่งปันความสุขกับคนอื่น ใช่มั้ยที่รัก?”

“เชื่อนายก็บ้าละ!”

“ในเมื่อทุกคนอยากที่จะกลับโรงแรม ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็กลับเถอะ” มู่เฉินหย่วนและถังซินก็เห็นด้วยที่จะกลับโรงแรม

พวกเขาเก็บข้าวของและเตรียมตัวที่จะออกไป

ผู้ช่วยจางมาคนเดียว มีแค่เสื้อโค้ทตัวเดียว ไม่มีอะไรให้เก็บ

เขานึกถึงหญิงสาววัยรุ่นที่นั่งกินเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ ยังคงจำไม่ลืม จึงพูดกับมู่เฉินหย่วนขึ้นว่า “ประธานมู่ พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมจะไปเช็กบิล!”

มู่เฉินหย่วนขานรับ อืม จากนั้นคิดและเอ่ยออกมาว่า “นายกลับเมืองหนานเฉิงในวันคริสต์มาสอีฟก็ดูน่าเวทนาเกินไป พรุ่งนี้ค่อยกลับเถอะ”

“ไม่เวทนาหรอกคับ ผมรักงานที่ทำ” ผู้ช่วยจางยิ้มออกมา แต่ในใจกลับพูดว่า กลับโรงแรมกับพวกคุณ ตนเองนอนห้องคนเดียว นั่นสิที่เรียกว่าเวทนารู้มั้ย?

ผู้ช่วยจางส่งพวกมู่เฉินหย่วนกลับออกไป และกลับไปเช็กบิลที่โต๊ะ

และจัดการทั้งหมดอย่างฉับไวไม่ถึงสองนาที

เขาเดินไปทางเคาน์เตอร์บาร์ และโน้มตัวเข้าไปใกล้เคาน์เตอร์บาร์ และใช้ภาษาญี่ปุ่นสอบถามบาร์เทนเดอร์

“รบกวนถามหน่อยครับ ผู้หญิงที่นั่งกินเหล้าเมื่อสักครู่นี้ คุณรู้จักมั้ย?”

บาร์เทนเดอร์ส่ายหน้า “ขอโทษนะครับ ดูหน้าเธอแล้วน่าจะเป็นลูกค้าใหม่ ผมไม่รู้จัก”

“ ขอบคุณครับ” ผู้ช่วยจางน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย

ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันคริสต์มาสอีฟ ไม่แน่ว่าเธอแค่อาจมาสัมผัสความสนุกสนานคึกคัก กินเหล้าซักแก้วก็เท่านั้น

เขาบ้าไปแล้วจริงๆ ยึดติดกับผู้หญิงที่มองตาแค่ครั้งเดียว

ยังอยากจะรู้ชื่อของเธอ

ห้องโถงใหญ่ยังคงสนุกสนานคึกคัก แต่ผู้ช่วยจางก็ไม่มีความคิดที่จะอยู่ต่อ และออกมาจากคลับโดยเร็ว

เมื่อออกประตูมา ลมหนาวก็พัดมาที่บนใบหน้า หนาวจนเขาตัวสั่น

บนพื้นถนนถูกน้ำแข็งปกคลุมไว้ ถูกแสงไฟสีเหลืองอ่อนบนท้องถนนสาดส่อง ค่อนข้างที่จะงดงาม ผู้ช่วยจางยืนมองอยู่สักครู่ก็เดินจากไป

ดูแล้วไม่น่าจะมีพายุหิมะ เขารออีกสักครู่ก็จะนั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับเมืองหนานเฉิง

ผู้ช่วยจางต่อสายโทรศัพท์หานักบิน เพื่ออยากที่จะให้เขาเตรียมตัว เอาโทรศัพท์แนบหูและรอคู่สายรับ แต่กลับได้ยินเสียงออกมาจากด้านหลังเบาๆ

มีคนตะโกน “รอแปปนึงได้มั้ย?”

ผู้ช่วยจางคิดด้วยความกลัดกลุ้ม จึงหันหน้ากลับไปมอง และเห็นผู้หญิงสวมเสื้อโค้ทสีม่วงอ่อน เดินเหยียบหิมะเข้ามาทางตนเอง

หญิงสาววัยรุ่นที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ในคลับเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วโผล่มาอย่างกะทันหัน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน