รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 316

บทที่316 ความสัมพันธ์นี้ค่อนข้างยุ่งเหยิง

เมื่อถังซินตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้ากว่าๆแล้ว

หิมะข้างนอกก็หยุดตกแล้ว

หิมะที่กองอยู่บนถนน ก็ถูกพนักงานงานกวาดทิ้งไปหมดแล้ว คนขับรถก็มารอพวกเขาแต่เช้า รถขับไปถนนโล่งตลอดทาง หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถก็ได้มาส่งพวกเขาถึงโรงแรม

หลังจากที่เข้าไปในโรงแรม ถังซินก็เห็นส้งจิ้งเหอและวี่เหวินถิงรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่

ส้งจิ้งเหอก็เห็นถังซินแล้วเช่นกัน และเข้ามาจับมือเธอไว้ จากนั้นจึงเอ่ยถามเธอขึ้นว่า “เห็นใต้ตาเธอดำคล้ำ นอนไม่หลับหรอ?”

“อืม ไม่ต้องเครียด”

หลังจากที่มารวมตัวแล้ว ทุกคนก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ดาดฟ้าของโรงแรม

วี่เหวินถิงบอกว่าไปสนามบินต้องรอ ยุ่งยากมาก จึงเรียกเครื่องบินส่วนตัวมาโดยตรง โดยแจ้งกับหอบังคับการบินไว้ก่อนแล้ว จึงไม่มีปัญหาอะไร

เครื่องบินส่วนตัวก็ได้ออกจากดาดฟ้าของโรงแรมไปอย่างรวดเร็ว

มู่เฉินหย่วนโอบกอดถังซินไว้ในอ้อมอก พิงไปที่ไหล่อันกว้างของเขา มองไปที่ด้านนอกก็เห็นภาพของโรงแรมค่อยค่อยจางหายไป ถังซินจึงเอ่ยถามมู่เฉินหย่วน ด้วยเสียงเบาๆขึ้นว่า “เหวินซูคงไม่เป็นไรใช่มั้ย”

“ไม่เป็นไรหรอก มากที่สุดก็แค่เศร้าโศกเสียใจก็เท่านั้น” มู่เฉินหย่วนปลอบโยนเธอ “ไม่ต้องกังวล นอนหลับอีกสักหน่อยเถอะ”

ถังซินขานตอบรับ “อืม”

เพียงแค่นึกถึงความสัมพันธ์ของหลี่ซูเจ๋และลู่เหวินซู และยังมีความแค้นระหว่างสองครอบครัว เธอจึงถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้

เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนชอบกัน

เฮ้อ!

เวลาสิบเอ็ดโมงกว่า เครื่องบินส่วนตัวก็ได้เดินทางมาถึงสนามบินเมืองหนานเฉิง

เมื่อมู่เฉินหย่วนได้รับข้อความจากลู่เหวินซู บอกว่าศพของคุณพ่อมู่ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าจะไปฝังศพ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ไปร่วมพิธีฝังศพก็พอแล้ว

“ตอนนี้เขาไม่อยากให้พวกเราไปรบกวน” มู่เฉินหย่วนเอาข้อความที่ลู่เหวินซูส่งมาบอกกับทุกคน “ถ้าอย่างนั้นพี่ใหญ่ ฉันกับถังซินจะกลับบริษัทไปจัดการธุระสักหน่อย และพรุ่งนี้เราค่อยไปสุสานด้วยกัน”

“ได้” วี่เหวินถิงพาส้งจิ้งเหอออกไปอย่างรวดเร็ว

ถังซินอยากที่จะไปบริษัทเป็นเพื่อนมู่เฉินหย่วน แต่กลับถูกมู่เฉินหย่วนบอกว่าเธอจำเป็นที่จะต้องพักผ่อนให้มาก และให้คนไปส่งเธอที่คอนโด

แต่ว่าเธอกลับไปที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ จึงไปที่ร้านค้าของคุณแม่ถัง

คุณแม่ถังทำผักดองอร่อย เหล้าที่กลั่นเองก็หวานฉ่ำ หลังจากขายที่ร้านไม่กี่วัน ชื่อเสียงก็เลื่องลือออกไป ตอนนี้มีคนต่อแถวยาวที่หน้าประตูร้านทุกวัน

เมื่อถังซินไป ผักดองและเหล้าของคุณแม่มู่ขายจนแทบจะหมดแล้ว กำลังจะทำความสะอาดร้านค้า เพราะว่าขายดีจนงานยุ่ง เลยจ้างป้าคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกันมาช่วย

เมื่อคุณแม่ถังเห็นว่าเธอมาหา จึงแปลกประหลาดใจ “เธอกับลูกเขยไปเที่ยวกลับมาแล้วหรอ?”

“แม่ อารมณ์แม่เปลี่ยนไปมากจริงๆ!” ถังซินเทน้ำกินเอง และได้พูดขึ้นมาว่า “ก่อนหน้านี้เขามาหาแม่ แม่ก็ทำเฉยเมยไม่สนใจเขา พอมาตอนนี้เรียกเขาว่าลูกเขยซะแล้ว”

คุณแม่ถังจึงเอ่ยขึ้นว่า “เธอรักเขาขนาดนั้น ยังไงฉันก็ไม่สามารถแยกพวกเธอออกจากกันได้ใช่มั้ย? พูดก็พูดเถอะลูกเขยคนนี้มีความสามารถจริงๆ ฉันทำตามที่เขาบอก ค้าขายดีขึ้นมากเลย ไม่กี่วันมานี้ได้รายได้มาไม่น้อยเลย”

ถังซินยิ้มหัวเราะ

ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยสังเกตเลยว่า หน้าของแม่เธอเหมือนกับงิ้วเสฉวน ที่สามารถเปลี่ยนหน้าไปมาได้!

หลังจากที่คุณแม่ถังเก็บทำความสะอาดร้านเสร็จแล้ว

จึงสั่งป้าคนนั้นว่าวันนี้ให้เลิกงานเร็วหน่อย เพราะอยากที่จะซื้อกับข้าวไปทำกินกับถังซินที่บ้าน

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะออกก็ปะทะหน้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเข้ามา

ถังซินจำเธอได้ก่อน จึงทำหน้าเคร่งขรึม และรีบปกป้องเอาตัวคุณแม่มู่หลบไปข้างหลัง และเอ่ยถามอย่างเยือกเย็น “คุณป้า คุณมาที่นี่มีธุระอะไร?”

เมื่อโมมอยอี้เห็นเธอแล้ว หางตาก็มีน้ำตาคลอ “ฉันมาซื้อของ”

“ของขายหมดแล้ว” ถังซินพูดอย่างไม่เกรงใจ กลัวว่าอีกสักครู่คุณแม่ถังจะใจอ่อน จึงรีบดึงแม่ออกไป

คุณแม่มู่กลับไม่ไป และพูดว่า “นี่เป็นลูกค้าของฉันจริงๆ ฉันเก็บเหล้าไว้ให้เธอ”

คุณแม่มู่จึงพูดกับโมมอยอี้ไม่กี่คำ และเปิดประตูเข้าไปเอาของ

ถังซินสับสนมึนงงเล็กน้อย และรีบเดินตามเข้าไป และเข้าไปพูดใกล้ๆคุณแม่ถังด้วยเสียงเบาๆว่า “แม่ แม่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรอ?”

“รู้… เป็นลูกค้าที่มาซื้อของที่นี่หลายครั้งแล้ว” คุณแม่ถังแทบจะพูดโพล่งออกมา “ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเธอก็เป็นผู้ใหญ่กว่า เมื่อสักครู่ที่เธอทำช่างไม่มีมารยาทเลย”

หลังจากที่ถังซินสูดถอนหอยใจลึกๆแล้ว จึงพูดกับคุณแม่มู่ว่า “กวนลี่หลั่ง ไม่ได้ไปแต่งงานใหม่ที่ญี่ปุ่นหรอ?แต่งกับลูกสาวผู้จัดการใหญ่ขององค์กรหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้คือน้องสาวของผู้จัดการใหญ่คนนั้น”

“อะไรนะ?”

คุณแม่มู่ได้ฟังถังซินอธิบายโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ตกใจจนมือสั่นจนขวดเหล้าเกือบจะตกลงไป

ถังซินเอามือไปรองขวดเหล้าไว้ และพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี “หลังจากที่ฉันเอากวนลี่หลั่งเข้าคุก เธอเคยไปหาฉันครั้งหนึ่ง อยากที่จะให้ฉันเพิกถอนคำฟ้องร้องกับกวนลี่หลั่ง แต่ฉันไม่ตกลง”

“ฉันดูแล้วเธอไม่มีได้มาซื้อของหรอก เธอรู้ว่าแม่เป็นคนหูเบา จึงอยากที่จะผูกมิตรกับแม่ จากนั้นก็ให้แม่ช่วยพูดให้ฉันเพิกถอนคำฟ้องร้องไห้กับกวนลี่หลั่ง”

คุณแม่ถังเหม่อลอยโดยสิ้นเชิง

ก่อนหน้านี้ที่โมมอยอี้มาหาเธอ บอกว่าเป็นแม่ของมู่เฉินหย่วน แม่ลูกแยกกันไปหลายปี และตอนนี้ถังซินก็ยังมาบอกเธออีกว่า เป็นพี่สะใภ้ของอดีตสามี

“ไม่ได้ละ ฉันเวียนหัวนิดหน่อย” คุณแม่ถังลูบคลำที่หน้าผาก ข้อมูลเยอะมากไป เธอจึงทำความเข้าใจในทีเดียวไม่ได้ “ฉันคิดว่าเธอคือ…ความสัมพันธ์นี้ยุ่งเหยิงเกินไป!”

ถังซินจึงเอ่ยขึ้นว่า “แม่ แม่แค่รู้ไว้ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของกวนลี่หลั่งก็พอแล้ว จะมีอะไรซับซ้อน?”

“เธอ…เธอ” คุณแม่ถังเอามือชี้ไปที่โมมอยอี้ที่อยู่ข้างนอก อยากที่จะพูดว่าคนนี้เป็นแม่ของมู่เฉินหย่วน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ยังไงเธอก็ยังเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง

“เธอเป็นคนดีหรือไม่ดี แม่ดูไม่กี่วันก็รู้แล้วหรอ?” ถังซินพูดด้วยท่าทีที่ไม่ดี

หลังจากที่ออกมา ถังซินเอาเหล้าให้กับโมมอยอี้ “คุณป้า ฉันจะไม่ถอนฟ้องให้กับกวนลี่หลั่ง คุณก็อย่ามาก่อความวุ่นวายให้กับแม่ฉันอีกเลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะคะ”

โมมอยอี้รับขวดเหล้ามา และมองเธออย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นจึงพยักหน้า “ฉันไม่ได้มาเพราะเรื่องนั้น เพียงแต่คิดว่าเหล้าที่กลั่นเองของร้านนี้ดื่มแล้วอร่อย ดังนั้นจึงมาซื้ออยู่บ่อยๆ”

ถังซินถูกเธอจ้องมองจนรู้สึกเกร็ง

น่าแปลก คุณป้าคนนี้ทำไมถึงมองถังซินด้วยแววตาที่เหมือนมองลูกสาว หรืออยากที่จะใช้วิธีการของความรักความผูกพันธ์ในการทำให้เป้าหมายสำเร็จ?

แต่โมมอยอี้กลับไม่รีบเดินออกไป และเอ่ยถามถังซินด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ได้ยินมาว่าเธอคบอยู่กับประธานมู่ของบริษัทมู่ซื่อ พวกเธอมีแผนที่จะแต่งงานกันมั้ย?”

“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยความลับ”

แววตาของโมมอยอี้ก็เศร้าลงมาก เหมือนกับมีความเหงาหงอยเล็กน้อย แต่ไม่นาน เธอก็รอยยิ้มปรากฎออกมาให้เห็น และหยิบเอายันสีแดงเล็กๆในกระเป๋าออกมาและส่งให้กับถังซิน

“ถ้าไม่ถือสาอะไร เธอเก็บนี่ไว้สักหน่อยเถอะ” โมมอยอี้ขอร้องด้วยความจริงใจ “อันนี้เอามาจากวัดชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น จะทำให้มีความอยู่เย็นเป็นสุข ราบรื่น และสุขภาพแข็งแรง ฉันอยากจะขอโทษเธอเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมา”

ถังซินพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “คนที่ติดค้างฉันคือกวนลี่หลั่ง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

ถึงแม้ว่าท่าทีของเธอจะเย็นชา แต่เมื่อเห็นโมมอยอี้ยื่นยันต์ที่เกี่ยวกับความสงบสุขให้ทั้งสองมือด้วยความเคารพ เธอจึงใจอ่อน จึงหยิบเอายันต์นั้นมา

โมมอยอี้ปรากฎรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา ทำท่าไหว้และโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางเธอ “ขอบคุณมาก…เธอฉลาดแล้วยังสวย เข้ากับประธานมู่มาก หวังว่าพวกเธอจะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันจนแก่เฒ่า”

ถังซินเม้มริมฝีปากอันแดงก่ำและเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณ”

“ถ้าอย่างนั้นให้ฉันเลี้ยงข้าวพวกเธอ…”โมมอยอี้พูดออกมาได้ไม่กี่คำ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

เธอจึงหยิบขึ้นมาดู จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังยิ้มให้กับถังซิน และยังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ฉันมีธุระที่จำเป็นจะต้องไปจัดการ ฉันไปก่อนนะ เหล้าที่กลั่นเองของแม่เธอรสชาติดีจริงๆนะ”

เมื่อพูดจบก็รีบเดินจากไป

ถังซินจ้องมองไปยังเธอจากทางด้านหลัง มองตลอดจนเธอลับหายไป จากนั้นถังซินจึงก้มหน้ามองยันต์ที่อยู่ในมือ และคิดว่าการกระทำของผู้หญิงคนนี้ดูแปลกมาก

คุณแม่ถังเดินเข้ามาและเอ่ยถามขึ้นว่า “พวกเธอคุยอะไรกัน?”

“ไม่มีอะไรค่ะ เธอบอกว่าฉันกับประธานมู่เข้ากันดี และอวยพรให้เราใช้ชีวิตด้วยกันจนแก่เฒ่า” ถังซินเอายันต์ให้คุณแม่ถังดู “ และยังให้ยันต์เกี่ยวกับความสุขสงบมา บอกว่าเอามาจากวัดที่ศักดิ์สิทธิ์์มากของประเทศญี่ปุ่น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน