รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 341

บทที่ 341 ประธานมู่กับคุณถังยังโอเค ไม่เป็นอะไร

ในตอนแรกที่ถังซินลาออก มู่เฉินหย่วนไม่ได้บอกว่าจะถอดแผนกนี้ออก ยังคงเก็บเอาไว้มาเสมอ จนกระทั่งถังซินกลับมา แต่ครั้งนี้เขาจะถอดแผนกนี้ออกแล้ว

หรือว่าจะ...

ประธานมู่เลิกกับคุณถังจริงๆ แล้วอย่างนั้นหรือ และไม่คิดจะพาคุณถังกลับมาแล้วด้วยอย่างนั้นรึ

ผู้ช่วยจางเหลือบมองมู่เฉินหย่วน ก่อนจะเอ่ยอย่างละล้าละลัง “ประธานมู่ครับ ผู้หญิงก็แค่มีอารมณ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากคุณเกลี้ยกล่อมดีๆ ผมมองว่าคุณถังอย่างไรก็กลับมานะครับ...”

“จางเฉิง” มู่เฉินหย่วนเรียกขึ้น พร้อมตวัดสายตาคมไปทางเขาด้วยสีหน้ามืดครึ้ม “นายอยู่กับฉันมานานกี่ปีแล้ว รู้อยู่ว่าฉันเป็นคนอย่างไร และเหมือนว่าช่วงนี้นายจะพูดมากเกินไปแล้ว”

ผู้ช่วยจางก้มหน้าหลบอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้อีก “ขอโทษครับประธานมู่ ผมวุ่นวายมากเกินไป”

ก่อนที่ผู้ช่วยจางออกไป มู่เฉินหย่วนก็เสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “ให้ทางบุคคลทำลายเอกสารที่เกี่ยวกับถังซินทั้งหมด ต่อจากนี้เธอไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทมู่ซื่ออีกแล้ว”

“ครับ ประธานมู่”

หลังจากที่ออกมาข้างนอก ผู้ช่วยจางก็หนาหดทันที สมองพลันประมวลผลอย่างด่วนจี๋ ทำไมคุณถังถึงบอกเลิกกับประธานมู่กะทันหันแบบนี้ ทั้งยังปฏิเสธอย่างเด็ดขาดอีกด้วย

ผู้ช่วยจางอยู่กับมู่เฉินหย่วนมานานหลายปี รู้ดีว่าเขาเป็นคนแบบไหน อย่างน้อยก็ไม่เคยรักใครมากขนาดนี้ ถังซินคือคนแรก

เขาที่เห็นมู่เฉินหย่วนถูกผลกระทบจากถังซินจนเปลี่ยนไปทีละน้อยๆ ใบหน้าเริ่มแย้มยิ้มมากขึ้น แม้แต่นัยน์ตาของมู่เฉินหย่วนก็มีประกายของความอบอุ่นพาดผ่าน

ก่อนหน้านั้นที่ผู้ช่วยจางต้องวิ่งไปติดต่องานกับRB ก็เห็นความรู้สึกของพวกเขาชัดเจนที่สุด

เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นประธานมู่ออกมาปรามใครบางคนเพียงเพราะคุณถังได้รับบาดเจ็บ และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นประธานมู่ผู้ไม่ชอบความวุ่นวาย ขึ้นไปร้องเพลง Perfect บนเวทีต่อหน้าคนนับพันคนให้กับคุณถัง เพียงเพราะคุณถังถูกติฉินนินทา

หากนี่ไม่ใช่รัก แล้วมันจะคืออะไรกันเล่า

“วันนั้นที่ประธานมู่กลับบ้านไป พอกลับมาที่บริษัทอีกครั้งก็มาพร้อมกับบรรยากาศมาคุ เพราะอะไรกัน...” ผู้ช่วยจางบ่นพึมพำ รู้สึกได้ว่าปัญหาจะต้องเกี่ยวกับการที่ประธานมู่กลับบ้านตระกูลมู่เป็นแน่

“ผู้ช่วยจาง” เลขาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยท่าทีรีบร้อน “ข้างล่างนั้นมีผู้หญิงที่แซ่ถัง บอกว่ามาหาประธานมู่ แต่ว่าไม่ได้นัดไว้ คุณจะจัดการอย่างไรดีคะ”

ผู้ช่วยจางร่างกายสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบถามกลับ “คุณถังกลับมาแล้วหรือ”

“ไม่ใช่ค่ะ” เลขาส่ายหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน “เธอแซ่ถัง แต่ไม่ใช่ผู้จัดการถัง ค่อนข้างมีอายุค่ะ ไม่รู้ว่าด้วยเรื่องอะไร แต่ในมือนั้นถือกระติกน้ำร้อนมาด้วยค่ะ”

“รับทราบแล้ว เดี๋ยวผมลงไปดู” ผู้ช่วยจางเดาว่าน่าจะเป็นแม่ของคุณถัง จึงรีบลงลิฟต์ไปทันที

เมื่อลงไปถึงห้องโถงชั้นหนึ่ง ผู้ช่วยจางมองซ้ายมองขวา ก็เห็นคนถือกระติกน้ำร้อนหนึ่งใบ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น นั่นคือแม่ของถังซิน

ผู้ช่วยจางรีบเข้าไปหา “คุณป้าครับ มาที่นี่ได้อย่างไรกันครับ”

“ฉันไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่ผ่านมาดูเท่านั้น” ทันทีที่คุณแม่ถังเห็นเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

เธอส่งกระติกน้ำร้อนและเหล้าองุ่นสองขวดในมือให้กับผู้ช่วยจาง “นี่คือซุปหมูสาหร่าย ช่วยเอาไปให้ประธานมู่ด้วยนะ ส่วนเหล้าองุ่นนี้ ยินยินบอกว่าเธอชอบดื่ม เหล้ายังใหม่นัก หวังว่าแค่จุดนี้เธอไม่ทำให้เธอผิดหวังนะ”

“ไม่ครับๆ จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร” ผู้ช่วยจางรีบเข้าไปรับกระติกน้ำร้อนและเหล้ามา ก่อนจะกล่าวอย่างขำๆ “ท่านจำผมได้ ทั้งยังมีของมาฝากด้วย ผมก็ซาบซึ้งใจมากแล้วครับ ผมพาขึ้นไปข้างบนนะครับ”

“ไม่ต้องขึ้นไปหรอก ฉันมาหาเธอน่ะ” คุณแม่ถังโบกมือไปมา ก่อนเอ่ยถามเขาอย่างตะกุกตะกัก “เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินหย่วนและยินยิน พวกเขาได้... เลิกกันหรือไม่”

ผู้ช่วยจางใจกระตุก ก่อนจะพยายามรักษารอยยิ้มเอาไว้ “ทำไมท่านถึงได้คิดเช่นนั้นล่ะครับ”

คุณแม่ถังถอนหายใจ “หนึ่งอาทิตย์ก่อนหน้านี้ ยินยินโทรมาหาฉัน บอกว่าจะต้องไปต่างประเทศสักระยะหนึ่ง ฉันยังไม่ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ตัดสายไปเสียก่อน หลังจากนั้นไม่ว่าฉันจะโทรอย่างไรก็ปิดเครื่องอยู่ตลอด ฉันรู้ว่าสึกว่ามันมีอะไรแปลกไป ใช่ว่าทะเลาะกับเฉินหย่วนหรือไม่”

“ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้นหรอกครับ” ผู้ช่วยจางบอกกับเธอด้วยท่าทีมั่นใจ “ประธานมู่และคุณถังยังรักกันดีครับ คุณถังไปต่างประเทศก็เพราะเรื่องงานครับ ท่านคิดมากเกินไปแล้วครับ”

“เป็นเช่นนั้นหรือ”

ผู้ช่วยจางพักหน้า ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มจนตาปิด “คุณป้าครับ ผมอยู่กับประธานมู่ทุกวัน พวกเขามีเรื่องกันผมหรือจะไม่รู้เรื่อง ท่านอย่าได้กังวลเลยครับ พวกเขายังดีต่อกันครับ”

“ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉันก็สบายใจ”

ก่อนที่คุณแม่ถังจะไปก็ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงได้เรียกผู้ช่วยจางอีกครั้ง ทั้งถามเขาว่ามีเพื่อนคนไหนที่ปักไหมได้หรือไม่

ผู้ช่วยจางเห็นว่าคุณแม่ถังเพียงต้องการเสริม จึงแนะนำคนในบริษัทมู่ซื่อที่มีฝีมือเย็บปักถักร้อยให้กับคุณแม่ถัง หลังจากนั้นก็เดินไปส่งคุณแม่ถังออกจากบริษัทมู่ซื่อด้วยตัวเอง

มองกระติกน้ำร้อนในมือ และเมื่อนึกไปถึงออฟฟิศของประธานมู่ที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแสนหนาวเหน็บ ผู้ช่วยจางก็ถอนหายใจออกมายาวๆ

ประธานมู่กับคุณถังเลิกกันแล้ว ซุปสาหร่ายหมูนี่จะทำอย่างไรดี

ให้ หรือไม่ให้ดี

--

ถังซินรู้ว่าการโทรคุยกับมู่เฉินหย่วนครั้งนี้ เป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์ของพวกเขาอย่างแท้จริงๆแล้ว แต่เธอไม่มีหนทาง เธอเป็นหนี้หลินเฉิงจี๋มากเกินไป ไม่สามารถมองเขาเกิดเรื่องได้

เธอกักเก็บความรู้สึก และรีบสลัดเรื่องพวกนี้ออกจากหัวโดยเร็วไว

ตั้งแต่ที่มาถึงประเทศF สีหน้าของหลินเฉิงจี๋ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยไออย่างรุนแรงวันละสิบครั้งและมักจะมีเลือดออกอยู่เสมอ ก็ลดลงไปมาก อาการไอเลือดออกก็หายไปมากเช่นกัน ถังซินเริ่มสบายใจมากขึ้น

ถังซินตรวจสอบแผ่นที่ที่หลี่ซูเจ๋ให้เธอมา เพื่อตามหาห้องปฏิบัติการไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาเย่นจิ่งเหนียน

หลินเฉิงจี๋บอกว่าจะไปกับเธอ แต่เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

เมืองGiezหลายวันนี้ค่อนข้างหนาวเหน็บ และมักจะฝนตกอยู่บ่อยๆ อุณหภูมิตอนกลางวันอย่างมากสุดก็สี่ห้าองศา เธอกลัวว่าความชื้นและความหนาวจะทำให้อาการป่วยของเขาแย่ยิ่งขึ้น จึงให้เขาพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม

ห้องปฏิบัติการบนแผ่นที่นั้นต่างกระจัดกระจายไปทั่วเขตgiez เพื่อสะดวกต่อการเดินทาง ถังซินจึงเช่ารถมาหนึ่งคัน และขับรถไปตามแผนที่

เธอขับตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เจอห้องปฏิบัติการที่ลึกลับในทุกๆ วัน แต่ก็ไม่พบกับเย่นจิ่งเหนียน

ถังซินรู้ว่าเย่นจิ่งเหนียนประสานงานกับประเทศลิทัวเนีย ทั้งยังมีชื่อเสียงไปทั้งโลก คนที่ทำงานวิจัยด้วยกันย่อมรู้จัก เคยถามนักวิจัยคนหนึ่งเพราะอยากรู้ว่าห้องปฏิบัติการของเย่นจิ่งเหนียนอยู่ที่ไหน

ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าพวกเขารู้จักกัน ห้องปฏิบัติการแต่ละที่ย่อมมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน แต่บุคลากรและห้องปฏิบัติการนั้นต้องถูกปิดไว้เป็นความลับ เธอทำเพียงหาเอาเองเท่านั้น

ถังซินจำต้องยอมถอยออกมา

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในยามที่เธอตามหาห้องปฏิบัติการ

ทั้งยังออกไปข้างนอกตามหาอยู่หนึ่งวัน แต่ก็ไม่พบกับอะไรเลย ตกเย็นถังซินก็ขับรถกลับโรงแรมด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้า เธอพบว่าด้านหน้าของโรงแรมนั้นถูกประดับด้วยตัวอักษรคำว่าความสุข

เทศกาลตรุษจีนของประเทศจีนมาถึงแล้ว

ในตอนที่ถังซินขึ้นลิฟต์ เธอมองตัวเลขที่ค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ ลูบหน้าผากพลางคิดในใจ เธอและหลินเฉิงจี๋มาที่Fได้ครึ่งเดือนแล้ว แต่กลับหาไม่พบเลยแม้แต่ร่องรอย

ในตอนที่เธอร้อนรนที่สุดก็คิดอยากโทรหาเย่นจิ่งเหนียนเช่นกัน ถามเขาไปเลยว่าห้องปฏิบัติการนั้นอยู่ที่ไหน แต่พอถึงจังหวะที่จะกดโทรออกก็ปล่อยมันไป

เพราะหากเย่นจิ่งเหนียนเห็นด้วย ก็เท่ากับว่าเธอเป็นหนี้ชีวิตมู่เฉินหย่วน ทั้งมู่เฉินหย่วนพูดว่าจะไม่ลงมือกับหลินเฉิงจี๋ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมอบชีวิตใหม่ให้กับเขาฟรีๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน