รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 343

บทที่ 343 ไม่ต้องลอบตามอีกแล้ว

ค่ำคืนคริสต์มาสอีฟที่ญี่ปุ่น เธอและมู่เฉินหย่วนเจอร้านเครื่องประดับที่ข้างทาง ตอนนั้นเธอเห็นผ้าพันคอที่อยู่ข้างในตู้กระจก ก็ลากมู่เฉินหย่วนเข้าไปเพื่อซื้อมัน และให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสแก่เขา

แต่ในตอนนี้ เธออยู่ในห้องของหลินเฉิงจี๋ และได้เห็นผ้าพันคอสีเทานี้ที่มีลักษณะเดียวกัน

แค่บังเอิญหรือ

ประจวบเหมาะกับที่หลินเฉิงจี๋ตามเข้ามาพอดี

เมื่อเห็นผ้าพันคอในมือของถังซิน สายตาของเขาก็เผยความอับอาย และเอ่ยขึ้นอย่างผิดปกติ “ผมหาตั้งนานหาไม่เจอ ไม่คิดว่าเพียงคุณมาหาก็จะเจอเลย”

“ใช่ มันแขวนอยู่ในเสื้อคลุมตัวใหญ่นี่” เขาซ่อนได้แย่มาก ไม่ว่าใครก็มองเห็นทั้งนั้น ในใจของถังซินเริ่มอึดอัด และทรมาน แต่เธอก็พยายามกล่าวติดขำเอาไว้ “คุณประมาทจัง”

ถังซินกล่าวเช่นนั้น ก็เดินเข้าไปมาเขา และคลายผ้าพันคอออก รอจนหลินเฉิงจี๋โค้งตัวลงมา และพันคอให้กับเขา

เสื้อแจ็คเก็ตของชายหนุ่มไม่ได้รูดซิปขึ้น จึงเผยให้เห็นเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าสีดำ ตอนที่ก้มลงมา ก็เผยให้เห็นไหปลาร้า ทั้งยังสร้อยคอเม็ดถั่วแดงเส้นนั้นด้วย

ถังซินก้มหน้ากัดปากไว้แน่น เพื่อไม่เผยอารมณ์ออกไป

ตั้งแต่ที่รักจนเลิกกัน ของที่เขาให้เธอมาทั้งหมด เธอทั้งคืนให้เขาและโยนทิ้งไปหมดแล้ว สร้อยคอถั่วแดงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอให้เขาไว้ แต่เขายังคงรักษามันไว้อย่างดี

ผู้ชายคนนี้โง่จริงๆ เลย

ช่างถ่อมตนจริงๆ เลย ดูก็รู้ว่ามีความคาดหวังมากขนาดไหน แต่ไม่เคยที่จะมาบีบบังคับอะไรเธอทั้งสิ้น ต้องการอะไรก็ไม่พูด เอาแต่แอบซื้อในแบบเดียวกันเท่านั้น

หน้าผากของถังซินซบเข้ากับอกของเขา และกล่าวอย่างเบื่อหน่าย “หลินเฉิงจี๋ ฉันล่ะเกลียดนายจริงๆ”

เกลียดทุกสิ่งที่นายเสียสละให้ เกลียดที่คุณไม่พูดในสิ่งที่นายต้องการ

และเกลียดมากที่เขายังคงชอบเธอ

ถึงแม่ทั้งสองจะอยู่ในห้องเดียวกันเป็นเวลานาน แต่ก็ต่างคนต่างอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ไม่เคยมีสัมผัสที่ใกล้ชิดกัน เพียงครั้งเดียวที่แตะตัวกัน ก็คือในตอนนี้ที่ถังซินซุกในอ้อมกอดของเขา

เมื่อได้เข้าใกล้ชิด หลินเฉิงจี๋ก็ได้กลิ่นลมสบายๆ มาจากร่างกายของเธอ ดึงดูดกันยิ่งนัก

หลินเฉิงจี๋ยื่นมือไปกอดเธอไว้ เพื่อกอดร่างที่โอนอ่อนของเธอเอาไว้ในอ้อมกอด เพื่อดมกลิ่นหอมอ่อนๆ นั้นจากผมของเธอ “อย่าได้เกลียดผมเลย เธอพูดเองว่าเป็นหนี้ชีวิตผม เพราะฉะนั้นต้องคืนผมมาทั้งหมดนะ”

อนาคตยังคงอีกไกล ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ในตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของเขามากที่สุดแล้ว

มีผู้หญิงที่รักอยู่ข้างกาย ทั้งในสายตายังมีเพียงแต่เขา ทำทุกอย่างก็เพื่อเขา

ต่อให้อยู่ต่อไปไม่ได้ เขาก็พอใจมากแล้ว เพราะความปรารถนาได้รับการเติมเต็ม ไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจอีกแล้ว

หลังจากที่ฝังตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา ถังซินรู้สึกว่าตัวเองจะแสดงออกมากเกินไป จึงรีบผละออกมา ดึงซิปขึ้นให้กับเขา และห่อเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา

ถังซินแย้มยิ้ม “วันนี้จะพานายออกไปเดินเล่น อยากได้อะไรก็พูดนะ ฉันจะซื้อให้นายเอง เข้าใจไหม”

ไม่ต้องลอบตามอีกแล้ว เธอปวดใจนะ

หลินเฉิงจี๋พยักหน้า

บางทีอาจเพราะช่วงนี้ผู้คนต่างออกไปเที่ยวต่างประเทศกัน ยามที่ทั้งสองออกจากโรงแรมไปต่างพบแขกกันมากหน้าหลายตา มีทั้งหนุ่มสาวเด็กแก่ และยังมีคู่รักอีกด้วย

แต่เดิมถังซินไม่ได้สนใจอะไร เหลือบมองเพียงผ่านๆ แต่เมื่อเห็นสายตาของหลินเฉิงจี๋จับจ้องไปยังคู่รักคู่นั้น ทั้งยังรีบดึงสติกลับมาโดยเร็ว เมื่อมองตัวเองกับเขา ก็เข้าใจในทันที

เธอขยับเข้าไปใกล้ ใช้นิ้วมือทั้งห้ากุมฝ่ามือของเขาไว้

ทั้งที่เพิ่งจะออกมาจากห้องที่อุ่นสบาย และในห้องโถงนั้นก็มีเครื่องทำความอุ่นอยู่ด้วย แต่มือของชายหนุ่มนั้นกลับเย็นเล็กน้อย

ถังซินกดความรู้สึกทรมานใจลงไป และเอ่ยพึมพำ “อยู่ข้างนอกจะเข้าใกล้กันหน่อยก็ได้ มันหนาวนะ ฉันทนหนาวไม่ได้ นายต้องดูแลฉันให้ดีนะ อย่าปล่อยให้ฉันหนาว”

หลินเฉิงจี๋ชะงักนิ่ง แต่กลับกุมมือของเธอแน่นอย่างว่องไว

“ได้”

เทศกาลตรุษจีนของทั้งสองที่ประเทศFนั้นอาจจะดูหนาวเหน็บ แต่ทางด้านประเทศจีนที่อยู่อีกฟากนั้น ทุกบ้านต่างฉลองปีใหม่กันอย่างครึกครื้น มีเสียงพลุดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา

ปีนี้ครอบครัวใหม่ของคุณแม่ถังนั้นครื้นเครงมากที่สุด

นอกจากถังซินแล้ว กวนชิงเฟิงและกวนหลิงเอ๋อก็กลับมากันหมด ทั้งยังนำของมากันด้วย

"แม่คะ ฉันช่วยเอง"

ถึงแม้จู่ซือซือจะทำอาหารไม่ได้ แต่เพื่อประจบคุณแม่ถัง เพื่อมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของคุณแม่ถัง จึงต้องเข้าครัวไปล้างผัก หรือส่งจานให้ก็ยังดี

คุณแม่ถังกล่าว “ห้องครัวมีแต่กลิ่นควัน ออกไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นดีกว่านะ”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ต้องมีกลิ่นควันต่างหากถึงจะเรียกว่าเข้าถึงเทศกาล” จู่ซือซือกล่าวอย่างฉลาด เมื่อเห็นว่าอาหารจะถูกตักขึ้นมาได้แล้ว ก็รีบหยิบจานส่งไปให้ทันที

“ใช่แล้ว ซือซือ” กวนหลิงเอ๋อที่กำลังปอกกุ้งอยู่ก็หันกลับมามองจู่ซือซือ “เธอกลับมาข้ามปีที่นี่ แล้วพี่เขยฉันทำอะไรล่ะ”

“พี่เฉินก็คงจะเหมือนกับปีก่อนๆ กลับไปบ้านมู่เพื่อทานข้าวกับท่านมู่” จู่ซือซือกล่าว

สิบปีที่โตมากับมู่เฉินหย่วน ทุกเทศกาลตรุษจีนจู่ซือซือจะใช้เวลาที่บ้านมู่เป็นประจำ หากมีกำหนดถ่ายทำที่นิวยอร์กก็จะไม่กลับมา และใช้เวลากับพวกวี่เหวินถิงแทน

กวนหลิงเอ๋อร้องโอ้

เธอเข้าไปใกล้จู่ซือซือและกระซิบคุยเสียงแผ่ว “ฉันรู้สึกว่ามันแปลกๆ ทำไมพี่เขยถึงได้ให้พี่ฉันไปต่างประเทศคนเดียว เขาไม่กังวลเลยหรือ”

จู่ซือซือเองก็พยักหน้ารับเช่นกัน แล้วตอบกลับเสียงแผ่ว “ฉันก็คิดเหมือนเธอเลย ฉันไม่รู้ พี่เฉินที่รักพี่ใหญ่ขนาดนั้นย่อมไม่ให้เธอไปต่างประเทศคนเดียวแน่ ทั้งยังเป็นช่วงข้ามปีเช่นนี้อีก”

“แล้วก็นะ ช่วงหลายวันมานี้ที่ฉันไปหาพี่เฉินที่บริษัทมู่ซื่อ สีหน้าของเขาเย็นชามากเลย ไม่สนใจฉันสักนิด อยากจะถามว่าพนักงานพี่สาวไปออกสัมมนาที่ไหน เขาก็เอาแต่ปิดปากเงียบ”

กวนหลิงเอ๋อเบิกตาโพลง “หรือว่าพวกเขาจะเลิกกันแล้ว พี่สาวฉันเลยไปต่างประเทศเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ”

“พี่เฉินกับพี่ใหญ่รักกันดีขนาดนั้น ไม่มีทางหรอก” ถึงจู่ซือซือจะพูดเช่นนั้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ “ฉันถามชิงเฟิง เขาก็บอกว่าไม่ได้ติดต่อพี่ใหญ่เลย”

“ปากเขาเชื่อได้ที่ไหนกัน” กวนหลิงเอ๋อกลอกตาใส “ฉันบอกเลยนะ ในใจของเขา พี่สาวฉันเป็นอันดับที่หนึ่ง ให้ทำให้เขาก็ทำ”

“พวกเขาไม่ได้เกิดปัญหาขึ้นจริงๆ อย่างนั้นหรือ”

“ควรเป็นฉันที่ถามเธอสิ เธอสนิทกับประธานมู่ พวกเขาเป็นอย่างไรเธอต้องเข้าใจที่สุดไม่ใช่หรือ”

จู่ซือซือเบาะปากแดงๆ นั่น “แต่ตอนนี้พี่เฉินเมินฉันมากเลยน่ะสิ ไม่ใช่ว่าเฉินคางทำงานกับพี่เฉินหรือ เธอให้เฉินคางไปถามพี่เฉินสิ อาจจะได้อะไรกลับมาก็ได้”

“จริงสิ เธอไม่บอกฉันก็ลืมแล้วนะเนี่ย”

คุณแม่ถังที่กำลังจะนำอาหารออกมา ก็เห็นพวกกวนหลิงเอ๋อกำลังซุบซิบอะไรอยู่ก็ไม่รู้ “พวกเธอกำลังคุยอะไรกัน ใครเกิดปัญหาอย่างนั้นรึ”

จู่ซือซือรีบลุกขึ้นยืน ทั้งยังยิ้มประจบในทันที “ไม่มีอะไรคะคุณแม่ ฉันกับพี่สองคุยกันไปเรื่อยเปื่อยค่ะ เดี๋ยวฉันนำอาหารพวกนี้ไปขึ้นโต๊ะนะคะ”

กล่าวพร้อมกลับอาหารบนมือของคุณแม่ถังไป แล้ววิ่งออกจากครัวไปอย่างว่องไว

จู่ซือซือที่นำอาหารไปไว้บนโต๊ะแล้ว ก็เห็นว่ากวนชิงเฟิงนั้นไม่ได้คุยกับเฉินคาง แต่กลับยืนคุยโทรศัพท์อยู่ที่หน้าต่าง ไม่รู้ว่าคุยกับใคร สีหน้าถึงได้จนใจขนาดนั้น

เธอแอบเข้าไปหาเงียบ เพื่อดักฟัง

แต่ราวกับกวนชิงเฟิงรู้ว่าเธอกำลังมา จึงพูดไปว่า “สุขสันต์วันปีใหม่” และวางสายในทันที เมื่อหันหลังกลับมา จู่ซือซือก็ตกลงไปในอ้อมกอดของเขาทันที

จู่ซือซือซบกับอ้อมกอดของเขาไปทั้งอย่างนั้น และเงยหน้าขึ้นถาม “คุยกับใครคะ น้ำเสียงก็อ่อนโยนมากเลยด้วย คุณมีคนอื่นอยู่ข้างนอกอย่างนั้นหรือ”

กวนชิงเฟิงยกยิ้มที่มุมปาก “ไม่มีอะไร อย่าคิดเพ้อเจ้อสิ”

“แล้วคุยกับใครล่ะคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน