รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 344

บทที่ 344 กระตือรือร้นทุกวันขนาดนี้ คุณไม่เหนื่อยหรือ

“เพื่อนร่วมห้อง”

จู่ซือซือใช้สายตาสงสัยจ้องไปที่เขา เมื่อเห็นแววตาใสซื่อราวกับไม่ได้โกหกอยู่ ก็เบะปากทันที “อย่าให้ฉันรู้นะว่าคุณมีคนอื่น ไม่อย่างนั้นคุณตายแน่”

“อย่าคิดมาก” กวนชิงเฟิงโยกหัวของเธอไปมา และเปลี่ยนเรื่องไปทันที “เดี๋ยวทานข้าวให้เยอะๆ หน่อยนะครับ เมื่อวานที่อุ้มคุณเหมือนว่าจะตัวเบาลงอีกแล้ว”

เขารู้สึกว่าผู้หญิงยิ่งผอมยิ่งไม่ดี ท่าทางราวกับคนเป็นโลหิตจาง

อวบอีกนิดหน่อย ดูกำลังแข็งแรงพอดิบพอดี

“ไม่ได้ อ้วนแล้วจะไม่ขึ้นกล้อง” จู่ซือซือยกยิ้มริมฝีปากแดง นิ้วเรียวยาวชี้ไปทางเขา “ผู้ชายปากบอกว่าผอมไม่ดี แต่พออ้วนขึ้นมาก็มักจะรังเกียจกัน”

“ผมไม่รังเกียจ”

จู่ซือซือร้องเหอะ “ฉันรู้ค่ะว่าคุณไม่รังเกียจ แต่ฉันรังเกียจ กลัวว่าหากฉันอ้วนขึ้น คุณก็คงจะเบื่อฉันขึ้นมา และไปหาผู้หญิงคนอื่น ฉันยังต้องใช้รูปลักษณ์ที่สวยงามนี้หาเงินอยู่นะคะ”

กวนชิงเฟิง “.....”

“เดี๋ยวคุณก็ทานข้าวให้เยอะๆ นะคะ” จู่ซือซือถูหน้าอกของเขา ด้วยน้ำเสียงละมุน “สุดท้ายเรื่องใช้แรงก็เป็นหน้าที่ของคุณค่ะ ไม่ใช่ฉัน”

ชายวัยหนุ่มแน่นเข้าใจความหมายของเธอได้ในทันที ก้มมองเด็กสาวในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้ม คิ้วเลิกขึ้น “วันนี้ครึกครื้นอยู่นะครับ... คุณจะไม่เหนื่อยหรือ”

จู่ซือซือก่อนจะกล่าวในสิ่งที่ทำให้เขาตาตื่น “หากวันไหนฉันไม่ครึกครื้น แสดงว่ามีคนอื่นอย่างไรล่ะคะ”

“.....”

ช่วงกวนโมโหกวนชิงเฟิงเสียจริงๆ

อาหารในคืนข้ามปีนี้อุดมสมบูรณ์ อาหารหลายสิบอย่าง เป็นฝีมือคุณแม่ถังที่ทำตามรสชาติที่กวนชิงเฟิงชอบไปเสียส่วนใหญ่

ทุกคนต่างทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างครึกครื้น

คุณแม่ถังมองกวนชิงเฟิงและเฉินคาง คู่รักทั้งสองคู่ ใบหน้าเผยยิ้มอย่างโล่งใจ แต่แล้วก็ถอนหายใจออกมา “ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่ของพวกเธอยุ่งอะไรอยู่ที่ต่างประเทศกัน ถึงได้ไม่กลับมาตอนข้ามปีนี้”

คุณแม่ถังอยากจะเรียกมู่เฉินหย่วนมาทานข้าวด้วยกันนัก อย่างไรนั่นก็ลูกเขยของเธอ แต่เมื่อคิดใคร่ครวญอีกครา มู่เฉินหย่วนและถังซินเพียงแค่กำลังดูๆ กันอยู่และยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น มู่เฉินหย่วนเองก็มีครอบครัวของตัวเอง จะให้เรียกมาทานด้วยก็คงดูไม่ดี จึงล้มเลิกความคิดนั้นไปซะ

กวนหลิงเอ๋อตักอาหารให้กับเธอ แล้วกล่าว “แม่คะ อย่ากังวลใจกับพี่ใหญ่เลย เธอที่อยู่ต่างประเทศจะต้องดูแลตัวเองได้ดีแน่ๆ แล้วก็นะ ทั้งฉันทั้งชิงเฟิงก็พาแฟนกลับมากันทั้งคู่เลยนะคะ”

“ดีอะไรกัน ไปต่างประเทศตั้งเดือนสองเดือนแล้ว แม้แต่โทรมาสักสายยังไม่มี” นอกจากที่โทรมาหาครั้งแรกนั้น ถังซินก็ไม่เคยโทรมาอีกเลย ดังนั้นคุณแม่ถังจึงเป็นกังวล

ลูกสาวหนึ่งไปสัมมนาที่ต่างประเทศ อ่อนแอขนาดนั้นไม่รู้ว่าจะโดนใครรังแกหรือไม่

คุณแม่ถังเหลือบมองกวนหลิงเอ๋อ กล่าวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “ในสามพี่น้อง พี่ใหญ่เข้มแข็ง เจ้าน้องเล็กก็เชื่อฟัง มีลูกนี่แหละที่ดื้อที่สุด จนทำให้พี่ใหญ่คอยเป็นกังวล”

“แม่ ฉันดื้อตรงไหนกัน” กวนหลิงเอ๋อกล่าวอย่างไม่พอใจ เธออยากจะบอกว่ามีคนที่ดื้อกว่าเธอเสียอีก นึกไปถึงจู่ซือซือน้องสาวของมู่เฉินหย่วน อำนาจเงินตราที่ล้นฟ้า ช่างๆ มันไปเสียดีกว่า

น้องสะใภ้ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ สู้เธอยอมรับเสียแต่โดยดีจะดีกว่า

คุณแม่ถังกล่าว “ไม่ดื้อที่ไหนกัน พี่สาวบอกให้ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ไม่ไป อยากจะเรียนการแสดง หนึ่งปีพี่สาวลูกออกให้ตั้งกี่แสน เฮ้อ โชคดีนะ ที่พี่สาวหาเงินเก่ง”

ใคร่ครวญไปแล้วคุณแม่ถังก็เริ่มรู้สึกผิด หลังหย่าขาดก็เลี้ยงลูกทั้งสามคนมาจนโต แต่เรื่องส่วนใหญ่ภายในบ้านนั้นก็ตกเป็นความดูแลของพี่คนโตอย่างถังซิน ดีมากอะไรขนาดนี้

เมื่อนึกไปถึงเช่นนั้น คุณแม่ถังก็น้ำตาไหลอย่างอดไม่ได้ “ต่อไปนี้ต้องรักพี่สาวให้มากๆนะ หากไม่มีเธอ พวกลูกจะได้เลือกทางเดินที่ตัวเองต้องการได้อย่างไร แม่เองก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีอะไรดีๆ ให้พวกลูกเลย”

“พอแล้วๆ แม่ดูสิ แม่จะร้องทำไม” กวนหลิงเอ๋อรีบปลอบเธอทันที “พวกเรารู้แล้ว ชีวิตที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็มาจากพี่ใหญ่ทั้งนั้น ฉันจะดูเธอให้ดีแน่ๆ”

กวนชิงเฟิงเองก็กล่าวว่า “แม่ก็รู้จักผมดี ไม่ว่าพี่ใหญ่จะพูดจะทำอะไรผมก็สนับสนุนทั้งนั้น ชั่วชีวิตนี้คนที่ผมซาบซึ้งมากที่สุดก็คือพี่ใหญ่”

“คุณแม่ค่ะ วันนี้เป็นวันข้ามปีนะคะ อย่าร้องไห้เลย มันไม่ดีนะคะ” จู่ซือซือเองก็ปรี่เข้าไปหา “มาๆ พี่ใหญ่อยู่ต่างประเทศกลับมาไม่ได้ เช่นนั้นพวกเราก็ดื่มฉลองให้กับเธอกันเถอะ”

คุณแม่ถังรีบเช็ดน้ำตา “น่าอายจัง พูดไปพูดมาดันร้องไห้เสียได้ ใช่ ร้องไห้ตอนทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้จะพบเจอแต่โชคร้ายเอาได้”

ทุกคนต่างชนแก้วกัน

เฉินคางเทเหล้าอีกครั้ง เพื่อทำความเคารพคุณแม่ถังแต่เพียงผู้เดียว

เขาลูบหัวไปมา ก่อนจะกล่าว “คุณป้าครับ ผมอาจเทียบกับผู้ชายที่มีเงินและหล่อมากเหล่านั้นไม่ได้ เป็นเพียงคนธรรมดาๆ จึงซาบซึ้งใจมากที่ผู้หญิงที่สวยคนนี้ไม่รังเกียจผม และเลือกที่จะอยู่กับผม”

คุณแม่ถังกล่าวๆ ยิ้มๆ “คนที่หาเงินเก่งหรือหล่อมากไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำร้ายกัน ฉันพอใจกับเธอนะ ลูกสาวลูกชายทั้งสามของฉัน หลิงเอ๋ออาจดูไม่จริงจังไปบ้าง อย่างไรก็ฝาเธอดูแลด้วยนะ”

เฉินคางกล่าวอย่างรีบร้อน “ไม่ครับๆ เธอไม่ได้แย่เลยครับ หากเธอไม่รังเกียจผมอย่างไรก็ได้”

คุณแม่ถังกลับเข้าไปในห้อง

ในมือของเธอถือซองอั่งเปามาด้วยกันสองซองใหญ่ๆ ก่อนจะแบ่งให้กับจู่ซือซือและเฉินคาง “ระมัดระวังกันด้วยนะ พวกเธอเก็บเอาไว้ หวังว่าปีใหญ่นี้จะเป็นปีที่สวยงามของพวกเธอ”

จู่ซือซือรีบเข้าไปรับ ทั้งยิ้มหวานให้ “ขอบคุณค่ะคุณแม่”

เฉินคางไม่รู้จักขนบธรรมเนียมนี้ ก็ชะงักนิ่งไปพักใหญ่ จนกระทั่งกวนหลิงเอ๋อใช้มือทุบเขา เขาจึงรีบเข้าไปรับทันที “ขอบคุณครับคุณป้า ขอให้คุณป้าร่ำรวยๆ นะครับ”

ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้น จู่ซือซือก็หัวร่องอหาย “พี่เฉินคางซื่อบื้อ”

แม้แต่คุณแม่ถังเองก็หลุดยิ้มกว้าง

เฉินคางลูบหัวไปมาด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของกวนหลิงเอ๋อเริ่มเขียวคล้ำ จึงเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “ทำไมพวกเธอเป็นแบบนี้กัน ผมพูดอะไรผิดหรือ”

“เจ้างี่เง่านี่” กวนหลิงเอ๋อทุบเขาเข้าให้ เกลียดจนอดที่จะด่าไม่ได้ “แม่ฉันให้อั่งเปาก็แสดงว่ารับนายเป็นลูกเขยแล้ว พูดขอให้ร่ำรวยขึ้นมาทำบ้าอะไร”

เฉินคางทั้งตกใจทั้งดีใจ “จริงหรือ”

เขาหันไปมองคุณแม่ถังทันที พร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ขอบคุณครับคุณป้า...”

กวนหลิงเอ๋อเตะเขาหนึ่งทีด้วยความโมโห “เอาอั่งเปาไปแล้วยังเรียกว่าป้าอีกหรือ สมองนายเท่าเม็ดถั่วหรืออย่างไร”

เฉินคางรีบเปลี่ยนคำพูดและเอ่ยเสียงใส “ขอบคุณครับแม่ แม่สบายใจได้นะครับ ผมจะใช้อย่างฉลาด ต่อให้ผมอดตาย ก็จะไม่ให้เธออดตายอย่างแน่นอน”

กวนหลิงเอ๋อ “.....”

เธอโมโหเจ้าบ้านี่จวนจะบ้าตายแล้ว

เมื่อทานอาหารมื้อดึกเสร็จ กวนหลิงเอ๋อก็ช่วยคุณแม่ถังเก็บจานตะเกียบไปล้าง กวาดพื้นต่างๆ เธออาศัยช่องว่างวิ่งไปหาเฉินคาง และลากเขาไปอีกทาง

เฉินคางยังคิดว่าเธอคงต้องการให้ช่วยเหลือ จึงรีบม้วนแขนเสื้อขึ้น “เดี๋ยวผมล้างจานต่อเอง”

“ไม่ใช่จะให้ล้าง ฉันมีเรื่องจะถามต่างหาก” กวนหลิงเอ๋อตีเข้าหนึ่งที ก่อนถามเสียงแผ่ว “ก่อนหน้านี้นายติดตามพี่เขยอยู่ เขาดูผิดแปลกที่ตรงไหนหรือไม่”

“หมายความว่าอย่างไร”

กวนหลิงเอ๋อปรี่มาหาเขา พร้อมเอ่ยกระซิบ “นายคิดตามนะ พี่ใหญ่กับพี่เขยเขารักกันดีขนาดไหน พี่ใหญ่ไปต่างประเทศ และนี่คือช่วงเวลาข้ามปี แต่พี่เขยกลับไม่ไปอยู่ข้างๆ และซือซือยังบอกว่าช่วงนี้พี่เขยไม่สนใจเธอเลย ฉันรู้สึกว่าพี่ใหญ่กับพี่เขยน่าจะ... เลิกกันแล้ว”

เฉินคางลอบกล่าวในใจ ไม่ใช่คาดว่า แต่เลิกกันไปแล้วต่างหาก

เป็นกวนชิงเฟิงที่บอกเรื่องนี้แก่เขา ถึงแม้การเลิกกันของเขาทั้งสองคนนั้นจะเป็นเรื่องวงใน เขาเองก็ไม่รู้ เขารับปากกับกวนชิงเฟิงแล้วว่าจะไม่บอกกับสาวๆ โดยเฉพาะคุณแม่ถัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน