รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 347

บทที่ 347 โอ๊ย เป็นคนมันยากจังโว้ย

มู่เฉินหย่วนเหลือบสายตามอง ไม่พูดและไม่ขยับอะไร

เฉินคางลอบมองเขาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่ออย่างใจกล้า “ประธานมู่ครับ ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าคุณกับคุณถังเลิกกันทำไม แต่แม่ยายผมก็ยังจดจำคุณได้เสมอนะครับ คุณดูสิ ทำอาหารให้คุณตั้งมากมาย พูดไป พวกคุณเลิกกันแล้วก็ไม่ได้กลายเป็นศัตรูกันใช่หรือไม่” “ทำไมนายถึงเหมือนพี่ชายนายนัก ช่วงนี้ปากมากกันเหลือเกิน” มู่เฉินหย่วนเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้ายังคงมืดครึ้ม แต่ก็เปิดประตูให้

เฉินคางรีบถือกระติกรักษาอุณหภูมิเข้าไปในทันที

“บ๊อกๆ” ร่างเล็ก แต่เชพเพิร์ดสีดำสุดแข็งแกร่งกระโจนออกมาจากห้องรับแขก และเห่าใส่เฉินคางสองครั้ง จนเขาตื่นตระหนก

“ฉิบหาย” เฉินคางร้องลั่น หันกลับไปมองมู่เฉินหย่วนดังขวับด้วยท่าทีตกใจ “มู่ ประธานมู่ คุณเลี้ยงเชพเพิร์ดอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าคุณเกลียด...”

เขาจำได้ว่าประธานมู่เกลียดสัตว์หน้าขน

มู่เฉินหย่วนเอ่ยขัดเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ใช่ พี่นายทิ้งไว้ให้ฉันเลี้ยง”

“หะ พี่ผม...”

เฉินคางอยากจะพูดว่า พี่ชายก็อยู่ที่บ้านไม่ใช่หรือ ทำไมประธานมู่จะต้องเลี้ยงแทนเขาด้วย แต่เมื่อสายตาที่เย็นชาจนแทบจะฆ่าคนได้ เขาก็กลืนคำพูดลงท้องไปทันที

เขานำกระติกรักษาอุณหภูมิวางไว้ที่โต๊ะอาหาร ทั้งยังเปิดออกอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นกลิ่นหอมของอาหารและน้ำซุปก็คลุ้งกระจายทันที

มู่เฉินหย่วนที่เดินด้วยสายตาเรียบนิ่ง

มู่เฉินหย่วนลากเก้าอี้โต๊ะอาหารฝั่งตรงข้าม เมื่อเห็นว่ายังมีส่วนที่ไม่ได้เปิดอยู่ก็ยื่นมือเข้ามาช่วย “ทำมาสักอย่างสองอย่างก็ได้แล้ว ทำมาทำไมเยอะแยะ”

“นี่ไม่ใช่ที่แม่ยายผมเตรียมมานะครับ” เฉินคางชี้นิ้วไปทั้งกล่าวอย่างสงสัย “ผู้หญิงคนหนึ่งส่งมันมาให้กับผม บอกให้ผมนำมาให้ประธานมู่”

“ผู้หญิงรึ”

“ใช่ครับ ค่อนข้างสวยทีเดียว” เฉินคางนึกคิด “คงดูแลเป็นอย่างดี ดูแล้วเหมือนคนอายุยี่สิบกว่าๆ พูดจานุ่มนวล เหมือนกับคนประเทศRเลยครับ”

ใบหน้าของมู่เฉินหย่วนมืดครึ้ม เขาปิดฝาทันพลัน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เดี๋ยวเอามันออกไป และทิ้งลงถังขยะซะ”

“ครับ ประธานมู่”

เฉินคางรับคำ รู้สึกยุบยิบปากสั่น แต่ก็ไม่กล้าถาม เพียงนำกล้องมาให้กับมู่เฉินหย่วนเท่านั้น

มู่เฉินหย่วนถาม “นี่คืออะไร”

“กล้องครับ” เมื่อนึกถึงสิ่งที่กวนหลิงเอ๋อกำชับมา เฉินคางก็เอ่ยอย่างระมัดระวัง “ก่อนทานข้าว คุณถังโทรมาหาผม บอกให้นำสิ่งนี้มาให้กับคุณ”

“ฉันไม่ต้องการ นำกลับไป” มู่เฉินหย่วนกล่าวอย่างดุดัน เมื่อคิดได้ว่านี่คือของขวัญที่ถังซินส่งคืน คิ้วเขาก็ขมวดมุ่น

เธอคืนของขวัญที่เขาเคยให้มาหมดแล้ว ของของเธอ ทำไมเขาจะต้องเก็บเอาไว้ด้วยกัน

เฉินคางคิดอยู่แล้วว่าเขาจะต้องปฏิเสธ แต่ไม่คิดว่าจะไวขนาดนี้ กล่าวจนลิ้นพัน “ประธานมู่ ดูสักหน่อยก็ยังดีครับ นี่คือสิ่งที่คุณถังให้คุณ...”

มู่เฉินหย่วนกล่าวทันพลัน “ฉันไม่อยากดู”

“ประธานมู่...”

“เฉินคาง คุณสมบัติของผู้คุ้มกัน คือควรสงบปาก” มู่เฉินหย่วนเหลือบมองเขา บรรยากาศเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างทำให้เฉินคางขนสันหลังวาบ ไม่กล้าเอ่ยแม้แต่คำ

เมื่อเห็นว่าไม่มีหวัง เฉินคางก็รับคำ ปลีกตัวกลับด้วยท่าทีคอตก พลางลอบถอนหายใจ

เขานึกออกเลยว่าหากนำกล้องกลับไปด้วย และเมื่อนำคำพูดของมู่เฉินหย่วนไปเล่าให้กวนหลิงเอ๋อฟัง กวนหลิงเอ๋อจะต้องไล่เขาออกไปจากบ้านของคุณแม่ถัง ให้เขากลับไปเพียงคนเดียวแน่ๆ

โอ๊ย เป็นคนนี่มันยากจริงๆ

ในตอนที่เฉินคางเปิดประตูออกเพื่อกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงมู่เฉินหย่วนเรียกเขาจากทางด้านหลัง

เฉินคางรีบหันกลับไปทันที เมื่อเห็นมู่เฉินหย่วนจ้องอาหารบนโต๊ะอาหาร ไม่มั่นใจว่าเขาเรียกตัวเองหรือไม่ เลยถามอย่างสงสัย “ประธานมู่ เมื่อครู่เรียกผมหรือครับ”

มู่เฉินหย่วนถือตะเกียบขึ้นมาชั่วครู่ ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “เอาของมา”

เฉินคางชะงักนิ่ง ก่อนจะเข้าไปด้วยความยินดี และวางกล้องวงบนโต๊ะ “ประธานมู่ ทานเสร็จแล้วค่อยดูนะครับ ผมลาล่ะครับ”

กลัวว่ามู่เฉินหย่วนจะเปลี่ยนใจไม่เอาของไว้ เฉินคางกล่าวจบก็รีบวิ่งออกไปและปิดประตูในทันที

โดยเร็วความวุ่นวายในห้องเมื่อครู่ก็หายไป เหลือเพียงแต่ความเงียบงัน

มู่เฉินหย่วนดื่มซุปซี่โครงหมู น้ำซุปทั้งเข้มข้นทั้งหอม ทั้งยังรสชาติของบ้าน ทันใดนั้นในหัวของเขาก็เกิดภาพทับซ้อน นึกถึงท่าทางของถังซินยามทำอาหารในครัว

ถังซินเรียนการทำอาหารมาจากคุณแม่ถัง รสชาติอาหารของทั้งสองไม่ได้ต่างกันแม้แต่น้อย ข้อแตกต่างเพียงหนึ่งเดียวก็คือ คุณแม่ถังชอบตุ๋น ส่วนถังซินชอบเคี่ยว

จำได้ว่าตอนที่ถังซินย้ายมาอยู่ที่นี่ ทุกวันมักจะหาวิธีเคี่ยวต่างๆ มาทำอาหารให้เขา โจ๊กหมูเอย ปลาเอย มันฝรั่งเอย...

เขาไม่ชอบอาหาร แต่เธอชอบทำ และยัดมาให้เขาทาน

เมื่อนึกถึงเรื่องในอดีต มุมปากของมู่เฉินหย่วนก็ยกยิ้มขึ้นมาบางๆ แต่สุดท้ายก็จางหายไปโดยเร็ว หัวคิ้วขมวดมุ่น

พวกเขาเลิกกันแล้ว ความทรงจำในอดีต มีแต่จะทำให้รู้สึกไม่ดีเท่านั้น

ราวกับเชพเพิร์ดตัวน้อยถูกกลิ่นอาหารยั่วยวน จึงปรี่เข้ามา และวิ่งวนอยู่รอบขาของมู่เฉินหย่วน มู่เฉินหย่วนขยับเท้าไปข้าง มันก็ตามไปอีกข้าง

สายตาเย็นชาของมู่เฉินหย่วนทำให้มันเกิดอาการกลัว “ไปกินอาหารหมาของแกนู่น”

“บ๊อกๆ” เชพเพิร์ดน้อยเห่าใส่เขา สะบัดหางไปมาอย่างมีความสุข ทั้งยังยกขาหน้าวางไว้ที่ตักของเขา ท่าทาง ขออาหาร อยู่เป็นแน่

มู่เฉินหย่วน “.....”

นึกถึงเมื่อก่อนที่ถังซินมักจะอุ้มเชพเพิร์ดตัวน้อยขึ้นมากอดมาหอม ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมาบางๆ ใจอ่อนไปเสียแล้วห้าส่วน

มู่เฉินหย่วนเอาซี่โครงจากในน้ำซุป เลาะเนื้อออกจนสะอาด จุ่มกับน้ำซุปอีกสองครั้ง ก่อนจะโยนไปที่จานข้าวของมัน เชพเพิร์ดน้อยตะกุยเข้าหาทันที

ทั้งกัด ทั้งส่ายหางอย่างมีความสุข

มู่เฉินหย่วนจ้องมองเชพเพิร์ดน้อยอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะค้นพบว่า เขาเริ่มอดทนกับมันมากขึ้น เริ่มคุ้นชินที่มีมันมาวนอยู่ใกล้ๆ

แต่คนคนนั้นไปต่างประเทศกับชายอื่นแล้ว เขาเลี้ยงหมาตัวนี้ต่อไปยังมีความหมายอะไรอีกหรือ

หาเวลาเรียกผู้ช่วยจางมาเอามันไปเสียดีกว่า

หลังจากที่ทานอาหารที่เฉินคางเอามาให้จนหมด มู่เฉินหย่วนทำความสะอาดโต๊ะอยู่ชั่วครู่ เชพเพิร์ดตัวน้อยวนอยู่รอบขาของเขา เขาไปห้องนั่งเล่น มันเองก็ตามมาเช่นกัน

มู่เฉินหย่วนเหลือบมองมัน แล้วแค่นเสียงในลำคอ “ตามใจแกเลย อีกวันสองวันนี่ก็ไม่ใช่บ้านแกแล้ว”

“บ๊อกๆ” เชพเพิร์ดน้อยเห่าใส่เขา

เมื่อนึกขึ้นได้ มู่เฉินหย่วนก็รู้สึกเซ็ง รู้สึกว่าตัวเองจะเริ่มบ้าไปแล้ว มาคุยกับหมาตัวหนึ่ง มันทำได้แค่เห่าบ๊อกๆ เท่านั้น จะมาเข้าใจอะไร

เหมือนว่าเชพเพิร์ดน้อยนั้นจะให้ความสนใจกล้องที่อยู่ในถุงสีดำบนโต๊ะ สองขาก่ายขึ้นโต๊ะ จมูกก็ดุนดันถุงดำนั้นไปมา

ทันทีที่มู่เฉินหย่วนหันกลับมาก็เห็นว่ากล้องกำลังจะตกโต๊ะ ก็รีบคว้าเอาไว้ทันที

เขาเหลือบมองเชพเพิร์ดน้อยด้วยสายตาเย็นชา ราวกับรับรู้ได้ว่าเขากำลังโกรธ ก็หมอบตัวหลบ และมองมู่เฉินหย่วนด้วยสายตาเย็นชา

ทันใดนั้นมู่เฉินหย่วนก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง ถังซินไปต่างประเทศ แล้วแมวเธอล่ะ

เขารีบปัดเรื่องนั้นออกไปจากหัวทันที

แมวเธอจะเป็นจะตาย มันเกี่ยวอะไรกับเขากัน

แต่เดิมมู่เฉินหย่วนคิดจะวางกล้องนั้นไว้บนโต๊ะ แต่นึกคิดไปมา ก็นั่งลงที่โซฟา แกะถุงผ้าสีดำออก และนำกล้องนั้นออกมา

เขาไม่ได้สนใจเรื่องการถ่ายวิดีโออะไรนัก จึงไม่รู้ว่ากล้องนี้เล่นกันอย่างไร ลองเข้าไปค้นข้อมูลกล้องรุ่นนี้บนอินเทอร์เน็ต ก็กดเปิดเครื่องได้เสียที

ในกล้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีรูปภาพอะไร มีเพียงวิดีโอยาว46นาที ภาพเบื้องหน้าคือถังซิน ข้างหลังนั้นราวกับบ้านใหม่ของคุณแม่ถัง

มู่เฉินหย่วนชะงักไป แต่สุดท้ายก็เปิดวิดีโอนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน