รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 350

บทที่ 350 โลภมากกับความอบอุ่นนั้น

มู่เฉินหย่วนแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ “หลินเฉิงจี๋วางมือจากการสืบทอดอำนาจเล็กซ์เลียร์แล้ว ผู้สืบทอดอเล็กซ์เลียร์โดยชอบธรรมตอนนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น เขาคิดจะรวบรวมผู้มีชื่อเสียงทางสังคมของเอเชียเข้าด้วยกัน เขามีแผนที่จะเข้ามาควบคุมเอเชีย ดังนั้นถึงได้กล้ามากระตุกหนวดของฉัน และยัง...”

“เขารู้ว่าหลินเฉิงจี๋ใส่ใจคุณถังขนาดไหน และรู้ว่าพี่กับหลินเฉิงจี๋เป็นพี่น้องคนละพ่อ จึงอยากเล่นงานพวกพี่ ถึงได้ลงมือทำเช่นนี้” เย่นจิ่งเหนียนเติมต่อท้ายประโยคให้เขา

นิ้วของมู่เฉินหย่วนหยิบผ้าพันคอสีน้ำเงินขึ้นมา สายตาทอประกายดุดัน “เขาต้องการควบคุมธุรกิจในเอเชีย แต่ก็ต้องดูก่อนด้วยว่าฉันเห็นด้วยหรือไม่”

“ผมไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจหรอก ขอไม่ออกความเห็นแล้วกัน” เย่นจิ่งเหนียนนึกคิด และกล่าวอีกครั้ง “พี่ว่าหลินเฉิงจี๋จะรู้เรื่องนี้หรือไม่ จี้เจียจื้อโหดเหี้ยมขนาดนี้ เขาไม่ค้านบ้างหรือ”

มู่เฉินหย่วนเงียบไปอึดใจ “คาดว่าน่าจะไม่รู้ หากเขารู้คงไม่ไปประเทศFกับถังซินหรอก คงกลับประเทศYไปคุยกับพ่อของตัวเองให้เข้าใจมากกว่า”

“จี้เจียจื้อไม่บอกเขา เป็นเพราะมีแผนอะไรหรือ”

“พอ เลิกพูดถึงมันที” มู่เฉินหย่วนน้ำเสียงเข้มขึ้น ราวกับไม่พอใจ

ทุกวันนี้ ชื่อนี้ราวกับผีที่คอยหลอกหลอนเขา หากไม่ใช่ว่าได้รับการสั่งสอนมาดีและรู้จักควบคุมอารมณ์ไว้ ทันทีที่รู้เรื่องนี้ เขาจะตามพิกัดที่อยู่ตามแหวนของถังซินไปยังประเทศF และจัดการหลินเฉิงจี๋มันซะเดี๋ยวนั้น

เมื่อรับรู้ได้ว่าเขากำลังโกรธ เย่นจิ่งเหนียนก็ไม่กล่าวถึงชื่อนั้นขึ้นมาอีกอย่างนกรู้ แต่เอ่ยถามว่า “เช่นนั้นพี่รอง โทรมาให้ผมช่วยอะไรกันหรือ”

“เดี๋ยวอีกสักครู่ฉันจะส่งเบอร์โทรของเคาน์เตอร์ต้อนรับของโรงแรมที่เธออยู่ไปให้ นายโทรหาเธอซะ” มู่เฉินหย่วนชะงักไปอึดใจ น้ำเสียงนั้นทั้งเกลียดทั้งจนใจ "บอกที่อยู่ของปฏิบัติการให้เธอไปซะ"

เย่นจิ่งเหนียนเงียบไปสองวินาที “ผมฟังผิดไหม พี่จะช่วย... หลินเฉิงจี๋หรือ”

“ฉันแค่ไม่อยากให้ภรรยาหนีไปกับคนอื่นเท่านั้น” มู่เฉินหย่วนกล่าวเสียงเย็น “ที่โทรหานายในค่ำนี้ ก็น่าอับอายที่สุดในชีวิตฉันแล้ว”

“ดูเหมือนว่าคุณถังจะเปลี่ยนพี่รองไปเยอะอยู่เหมือนกันนะ” เย่นจิ่งเหนียนกล่าวอย่างซึ้งใจ “หากเป็นพี่เมื่อก่อน พี่ลอบฆ่าเขาไปแล้ว ทำไมถึงได้เชื่อฟังจัง”

มู่เฉินหย่วนแค่นเสียงต่ำและเอ่ยอย่างดุดัน “ไอ้สาม ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้นายคงว่างไปใช่ไหม ลงทุนกับห้องปฏิบัติการของนายหนึ่งพันล้านดอลลาร์มันทุกๆ ปี แต่ไม่เห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเลย ฉันค่อนข้างอารมณ์เสียนะ ไม่อยากจะเป็นคนที่เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์แล้วว่ะ นายรู้สึกอย่างไรบ้าง”

“พี่รองผมไม่ว่าง” เย่นจิ่งเหนียนรีบพูดทันที “ผมทดลองยาต้านมะเร็งRP3KKของโรงงานยาในเครือของบริษัทมู่ซื่อ จนไม่ได้นอนมาสองอาทิตย์แล้วนะ นี่ก็ใกล้จะตายแล้วด้วย”

“พูดจบแล้วใช่ไหม”

“ผมรู้แล้วครับ ตอนนี้ก็โทรไปหาคุณถัง และมารายงานความคืบหน้าของเธอกับหลินเฉิงจี๋ พี่รองภรรยาพี่คงไม่ได้หนีไปกับคนอื่นหรอก ใช่ไหม”

กล่าวจบก็วางสายทันที

มู่เฉินหย่วนจ้องโทรศัพท์เขม็ง โมโหจนพูดอะไรไม่ออก

ผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เก็บโทรศัพท์ และวางผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มของเธอไว้บนตู้ของหัวนอนเตียง และถอนหายใจอย่างจนใจ

“ถังซิน อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

การใจอ่อนของผมมีเพียงครั้งนี้เท่านั้น รอคุณจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว ก็ช่วยกลับมาแต่โดยดีด้วย

--

เวลาของประเทศจีนกับประเทศFนั้นห่างกันเจ็ดชั่วโมงโดยประมาณ ประเทศFในตอนนี้ก็ประมาณเจ็ดโมงเช้า เพราะว่าวันนี้อากาศหนาวจัด กระจกของโรงแรมจึงปกคลุมไปด้วยไอน้ำและหมอก

ถังซินมาประเทศFเป็นเวลานานแล้ว เวลาที่ผ่านไปทำให้เริ่มคุ้นชินขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เตรียมอาหารเช้า ทั้งใช้โทรศัพท์ดูแผนที่ที่หลี่ซูเจ๋ส่งมาให้

ห้องปฏิบัติการบนแผนที่เธอได้ไปตามหามาหมดแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ

เธอตั้งใจว่าจะไปถามพวกเขาดูอีกครั้ง ว่าบริเวณรอบๆ พวกเขานั้นมีห้องปฏิบัติการอื่นอีกหรือไม่ เธอไม่เชื่อว่าห้องปฏิบัติการของเย่นจิ่งเหนียนจะล่องหนได้

ถังซินที่กำลังตักโจ๊กใส่ชาม เพียงยกมาวางที่โต๊ะข้างนอกได้เท่านั้น ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา

เป็นของเครื่องในห้องนั่งเล่น

เธอรีบปรี่เข้าไปรับสาย และใช้ภาษาฝรั่งเศสในการสนทนา “มีธุระอะไรหรือคะ”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณถัง” พนักงานต้อนรับเอ่ยทักทายเธออย่างสุภาพ “มีสายเข้ามาจากทางประเทศจีนค่ะ เขานามสกุลเย่น อยากจอขอสายคุณค่ะ ไม่ทราบว่ารู้จักหรือไม่คะ”

เย่นจิ่งเหนียนหรือ

ถังซินดึงสติกลับมาได้ ก็รีบถามทันที “เพื่อนของฉันค่ะ ช่วยโอนสายมาให้หน่อยได้ไหมคะ”

“ค่ะ”

สายถูกโอนมาอย่างรวดเร็ว เย่นจิ่งเหนียนเอ่ยขึ้นมาก่อน “คุณถัง ห้องปฏิบัติการของผมอยู่ที่ถนน Becker คุณบอกชื่อของคุณไปก็ได้เลย”

ถังซินหยิบแผ่นที่ขึ้นมา ถนนนั้นเส้นนั้นเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว และเมื่อเย่นจิ่งเหนียนบอกเลขที่ห้องปฏิบัติการมา ตรงนั้นคือวิลล่าส่วนบุคคล

ห้องปฏิบัติการของคนอื่นอยู่ที่ชานเมือง ของเขาดันมาอยู่ที่ตัวเมือง ทั้งยังอยู่ในวิลล่า เธอหาเจอก็แปลกแล้ว

“ขอบคุณค่ะ ฉันต้องการยาIxoraนี้มากจริงๆ” ถังซินกล่าวขอบคุณเสียงแผ่ว เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม “คุณมู่ให้คุณมาบอกฉันหรือคะ”

เย่นจิ่งเหนียนกล่าวขำๆ “คุณถัง เรียกคุณมู่จะฟังดูเกรงใจกันไปหรือไม่ อย่างไรพวกคุณก็เคยหมั้นกันแล้ว เลิกกันแล้วก็หาใช่ศัตรูกันใช่ไหม”

“ให้เรียกพี่รองก็คงจะไม่เหมาะ”

“คุณคิดไปเอง พี่รองไม่ได้รู้สึกแบบนั้นเลย” เย่นจิ่งเหนียนถอนหายใจ “คุณถัง คุณไม่เข้าใจพี่รองของผม เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกอย่างก็แล้วแต่คุณทั้งนั้นนะครับ”

“คุณก็รู้ว่าพี่รองของผมนั้นน่าระอาขนาดไหน เขารักคุณมากจริงๆ ใส่ใจเพียงคุณ ดังนั้นถึงได้ยอมให้คุณทำเรื่องนี้ได้ หากใจของคุณยังมีเขาอยู่ รู้ใช่หรือไม่ต้องทำเช่นไร”

“ฉันรู้ ฉันรู้ค่ะ” ถังซินรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา

วันนั้นที่พูดใจร้ายใส่มู่เฉินหย่วน ความจริงเธอเองก็นึกเสียใจ เธอก็รักมู่เฉินหย่วนมากเช่นกัน เพียงแต่ร่างกายของหลินเฉิงจี๋ย่ำแย่มาก เธอไม่มีทางเลือกแล้ว

เธอข่มกลั้นความรู้สึกในใจ และกล่าวกับเย่นจิ่งเหนียน “ฉันเป็นหนี้บุญคุณหลินเฉิงจี๋เยอะมาก มันไม่สามารถบอกให้ชัดเจนได้ รอจนเขาทานยาและร่างกายกลับมาดี ฉันจะกลับไปอย่างแน่นอน”

เย่นจิ่งเหนียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดี เช่นนั้นพวกเราจะคุณกลับมาทานข้าวพร้อมกัน”

“ค่ะ”

หลังจากที่วางสายไป ถังซินก็รีบคัดลอกที่อยู่ห้องปฏิบัติการของเย่นจิ่งเหนียนอย่างว่องไว เลือกอาหารเช้ามาอย่างส่งๆ สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ได้ก็เตรียมจะออกไปทันที

ประจวบเหมาะกับหลินเฉิงจี๋ที่ออกมาจากห้องนอน เมื่อเห็นท่าทีที่รีบร้อนของเธอ ก็เข้ามาขวางทางเธอไว้ และกล่าวอย่างปวดใจ “วันนี้อุณหภูมิต่ำกว่าสิบได้ อย่าออกไปเลย”

“ฉันออกไปเพียงครู่เท่านั้น จะรีบกลับมานะ” ดวงตาบนใบหน้าของถังซินทอประกายมีความสุข วางแผนว่าพอกลับมาจากห้องปฏิบัติการของเย่นจิ่งเหนียนแล้ว จะบอกข่าวดีนี้แก่เขา “อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วนะ ทานเสร็จก็ออกกำลังกายในห้อง หากอยากเล่นบิลเลียดก็ไปเล่นได้”

หลินเฉิงจี๋ห้ามเธอไว้อีกครั้ง ก่อนจะหยิบผ้าพันคอบนชั้นและพันเข้าที่คอของเธอด้วยสายตาอบอุ่น “เช่นนั้นก็กลับมาให้เร็วนะ ผมจะทำอาหารเที่ยงไว้รอ”

ถังซินกล่าวยิ้มๆ “จะกลับมาอย่างรวดเร็วเลย”

หลินเฉิงจี๋อยากจะออกไปส่งเธอ แต่เธอกลับโบกมือไล่ “กลับเข้าไปเถอะ ไม่ใช่ว่าฉันจะไปแล้วไม่กลับสักหน่อย รอฉันที่กลับมาพร้อมข่าวดีนะ ไปล่ะ”

เสื้อคลุมของเธอนั้นพลิ้วไหวไปกับลม โดยเร็วคนทั้งร่างก็หายลับสายตาไปจากระเบียงทางเดิน

หลินเฉิงจี๋ถึงได้ดึงสายตากลับมาอย่างอาลัยอาวรณ์ กลับเข้าห้องไปที่ห้องอาหาร เมื่อเห็นโจ๊กปลาและกว้านทังเปา(ซาลาเปาที่มีน้ำซุป)บนโต๊ะ ริมฝีปากก็หลุดยิ้มทันที

เขาใช้ชีวิตมายี่สิบกว่าปี มีเพียงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกันกับเธอเท่านั้น ที่เรียกได้ว่าช่วงเวลาแห่งความสุข โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ได้อยู่ที่ประเทศFด้วยกันเพียงสองคน รอยยิ้มและความห่วงใยของเธอ ทำให้เขาไม่มีทางลืมมันไปทั้งชีวิต

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน