รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 352

บทที่ 352 ความรักไม่ใช่จะพูดออกไปเมื่อไหร่ก็ได้

สายตาของเขาทำให้ถังซินเเทบจะจนปัญญามองตรงไป

เธอขยับริมฝีปาก เเต่ก็ยังคงโกหกอยู่ พลันยิ้มพร้อมผงกหัว "ไม่ได้ ฉันต้องอยู่กับคุณตลอด"

"จริงหรอ?" สายตาของหลินเฉิงจี๋ได้ร้อนเเรงเป็นประกาย คล้ายกับได้ยินคำตอบของเธอเเล้ว ร่างทั้งร่างก็ได้กลับฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง เขาจึงพาเธอไปที่ร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง

"ผมทำอาหารกลางวันมา เป็นของที่คุณชอบทั้งนั้นเลย"

ความรู้สึกทุกข์ใจของถังซินได้มลายหายไปอย่างรวดเร็ว เธอพยายามที่จะยิ้มออกมาอย่างสดใส นั่งทานอาหารกับเขาที่โต๊ะอาหาร พร้อมกล่าวชมเชยอย่างเต็มเปี่ยม "พ่อครัวหลิน สกิลการทำอาหารของคุณนับวันยิ่งเก่งขึ้นนะเนี่ย!"

"งั้นคุณก็กินเยอะๆ สิ"

"วางใจเถอะ อาหารที่คุณทำ ฉันจะกินไม่ให้เหลือเลย!"

คำพูดของเธอได้เป็นการเอาอกเอาใจหลินเฉิงจี๋อย่างมาก เขายิ้มออกมาด้วยเสียงต่ำ พร้อมตักซุปเข้าปาก

เขาเห็นถังซินทานอย่างเอร็ดอร่อย มุมปากได้เลอะไปด้วยคราบครีมสีขาว จึงใช้หัวเเม่มือปาดออกให้กับเธอ ด้วยจิตใต้สำนึกของถังซินจึงเงยหน้าไปด้านหลัง เพื่อหลบเลี่ยงการสัมผัสจากเขา

หลินเฉิงจี๋ได้หยุดการเคลื่อนไหวของมือ ดวงตามืดครึ้ม

สีหน้าของถังซินดูเก้ๆกังๆ พร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา "จิตใต้สำนึกฉันมันบอกให้ทำเเบบนี้......คุณ คุณอย่าถือสาเลยนะ"

"ฉันต่างหากล่ะที่ล่วงเกิน" หลินเฉิงจี๋ได้เผยรอยยิ้มที่อบอุ่นออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมยื่นกระดาษทิชชู่ให้กับเธอ "ยังมีเวลาอีกนาน ผมจะรอวันนั้น วันที่คุณยอมรับผมให้ได้"

ถังซินพยักหน้าเล็กน้อย "รออีกหนึ่งเดือน ร่างกายคุณก็เเข็งเเรงขึ้นมาเเล้ว!"

หลินเฉิงจี๋คีบอาหารให้กับเธอ เวลาผ่านไปสักพักเขาก็เอ่ยพูด "ร้านเหล้าชักจะวุ่นวายเกินไปเเล้ว ผมไม่อยากลงไปข้างล่างอีก ผมอยากอยู่ที่ที่มีคนเยอะๆ ที่ที่มีสวนดอกไม้"

"ได้สิ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะไปหา" ถังซินพูดออกไปอย่างรีบเร่ง เธอรู้ว่าร้านเหล้าสภาพเหมือนกรงขัง หลินเฉิงจี๋อยู่ในสภาพที่วุ่นวายมาโดยตลอด "พวกเราไปที่สวนปลูกดอกคาเมลเลียให้เต็มกันเลยดีกว่า"

หลินเฉิงจี๋นึกถึงวันนั้นที่อยู่ในร้านอาหารบางเเห่งในหนานเฉิง การใช้ถ้อยคำที่เฉียบคมของผู้หญิงคนนั้น เเละสายตาอาฆาตเเค้นที่เธอมองมายังเขา คล้ายกับถูกมีดหั่นหัวใจออกเป็นชิ้นๆ ปวดจนเเทบจะหยุดหายใจ

เขาเลื่อนม่านตาต่ำลง พร้อมเสียงเบาต่ำ "ไม่ปลูก......ผมไม่ชอบดอกคาเมลเลีย ชั่วชีวิตนี้ ผมไม่อยากพบเห็นดอกไม้ชนิดนี้อีก"

ดอกคาเมลเลียทำให้เขาได้รู้ว่าการเกิดของเขานั้นมันสกปรก ยี่สิบกว่าปีมานี้เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ในความฝัน

ถังซินนึกได้ว่าเเต่ก่อนเขาได้ประสบกับความยากลำบาก เธอเข้าใจความรู้สึกนั้น "โอเค ไม่ปลูก งั้นพวกเราปลูกกุหลาบเขียวกัน เเต่ก่อนตอนที่เที่ยวเล่นอยู่ที่เมืองหางซี คุณเคยให้ดอกกุหลาบเขียวฉันมา ฉันชอบมันมากเลยนะ"

หลินเฉิงจี๋เงยหน้ามองเธอ "คุณรู้หมดเเล้วหรอ?"

"อืม รู้เเล้ว" ดวงตาของถังซินเต็มไปด้วยความขมขื่น อีกทั้งไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี "คุณมันทึ่ม อะไรๆ ก็ชอบเก็บซ่อนไว้ในใจ ทำไมถึงไม่ยอมบอกฉัน......"

"ใช่สินะ ถ้าผมพูดออกไปเร็วกว่านี้ก็คงดี" หลินเฉิงจี๋พึมพำ ถ้าหากเขาทำเรื่องที่เลวทรามต่ำช้า มีความกล้าสักหน่อย สารภาพเรื่องทั้งหมดกับเธอ ใช้อำนาจบีบบังคับให้เธอมาอยู่ข้างกาย ก็คงจะไม่มีเรื่องของมู่เฉินหยวนเข้ามาเกี่ยวข้อง อันที่จริงเเล้ว เรื่องของความรู้สึกมันไม่สามารถพูดออกไปเมื่อไหร่ก็ได้ คนที่ทำเรื่องผิดศีลธรรมก็มักจะได้เป็นผู้ชนะ

"มาๆ กินข้าวกันเถอะ" ถังซินตัดบทอารมณ์ที่ดำดิ่งนั้น พลันตักอาหารให้เขา พร้อมยิ้มเเล้วพูด "กินข้าวเสร็จเเล้วเดี๋ยวพวกเราออกไปดูห้องกัน วันนี้ฝนไม่น่าจะตกนะ!"

หลินเฉิงจี๋ยิ้มขึ้นมาได้บ้าง "ได้สิ"

หลังจากที่ทานข้าวกลางวันเสร็จ ถังซินก็ช่วยจัดการล้างถ้วยเเละตะเกียบ บ่ายโมงกว่า ทั้งสองคนก็ได้ออกไปจาก โรงเเรมด้วยกัน ถังซินก็ได้หาโซนที่อยู่ที่ดูไม่เลวสักสองสามที่บนเว็บไซต์ขายห้องท้องถิ่น เเละมีการเดินทางที่สะดวก เธอได้นัดนายหน้าไว้เสร็จสรรพ พร้อมขับรถพาหลินเฉิงจี๋ไปดูทีละสถานที่

ทั้งสองคนขับรถวนในเขตเมือง ใช้เวลาดูห้องไปหนึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจซื้อคฤหาสน์กึ่งสวนหลังหนึ่งในเขตที่อยู่อาศัยบนถนนลาตุลาส์

ที่เเห่งนี้ดูเหมือนชุมชนที่อยู่อาศัยเล็กๆ ที่นิยมไปทางเชื้อสายจีน บนเส้นทางที่ถังซินเเละหลินเฉิงจี๋ได้เดินทางมานั้น ได้พบกับชาวเอเชียผมดำตาดำที่อพยพมา พร้อมทักทายพวกเขาอย่างผูกมิตร

หลังจากที่เซ็นสัญญาพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อยเเล้ว ถังซินเเละหลินเฉิงจี๋ก็ได้กลับไปยังโรงเเรมเพื่อจัดการเก็บข้าวของ

เดิมทีข้าวของของทั้งสองคนนั้นไม่เยอะมาก ใช้เวลาไม่นานก็จัดการเก็บใส่กล่องได้หมด พร้อมขนมาไว้ที่คฤหาสน์หลังเล็ก

เมื่อจัดห้องเรียบร้อยเเล้ว ถังซินก็ได้ลงมาด้านล่าง พบกับหลินเฉิงจี๋ที่ใส่เสื้อกันเปื้อนกำลังทำความสะอาดห้องรับเเขกอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะเย้าเเหย่ "นายหอยโข่งนี่มาจากไหนกันนะ?"

"นายหอยโข่งเเปลว่าอะไร?"

ถังซินจึงเล่าเรื่องหญิงสาวหอยโข่งให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ ท้ายสุดยังพูดอีกว่า "ผมรู้สึกว่าผมคล้ายชาวนาคนนั้นนะ กลับมาทุกวันก็กินอิ่มหนำสำราญ เเถมยังมีคนจัดห้องให้อีก"

"เรื่องนี้ก็ไม่เลวนะ" หลินเฉิงจี๋กล่าวเเบบยิ้มเยาะ พร้อมมองเธอด้วยสายตาที่เปล่งประกาย "ถ้าหากว่าคุณชอบ ผมเป็นนายหอยโข่งให้คุณตลอดชีวิตเลยก็ได้นะ"

หน้าของถังซินได้ร้อนฉ่าขึ้นมา เธอไอกลบเกลื่อน พร้อมเบี่ยงประเด็นสนทนา "คุณบอกว่าไฟในห้องรับเเขกมันไม่สว่างไม่ใช่หรอ? ตอนพวกเราไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตก็เเวะไปซื้อหลอดไฟด้วยเลยสิ"

การหลีกเลี่ยงประเด็นของเธอ หลินเฉิงจี๋เห็นมันจนชินตาเเล้ว เขาถอดเสื้อกันเปื้อนออกเเล้วตามเธอออกไป

ทั้งสองคนไปตลาดจับจ่ายผักผลไม้มาอย่างมากมาย อีกทั้งยังซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันกับหลอดไฟมาอีกด้วย ตอนที่กลับมาฟ้าก็ได้มืดลงเเล้ว ถังซินจึงขออาสาทำอาหารเย็น ส่วนหลินเฉิงจี๋ก็ไปเปลี่ยนหลอดไฟในห้องรับเเขก

หลังจากทำอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย ถังซินก็ได้เสิร์ฟจานอาหารไว้บนโต๊ะ พร้อมกล่าวอย่างภาคภูมิใจ "รีบชิมซะสิ ซอสเนื้อฉันเป็นคนตุ๋นเองเลยนะ ฉันรับประกันเลยว่าเป็นบะหมี่เนื้อที่อร่อยที่สุดเท่าที่คุณเคยทานมาเลย!"

หลินเฉิงจี๋ยิ้มเล็กน้อย "มั่นใจในสกิลการทำอาหารของตัวเองขนาดนี้เชียวหรอ?" "......เธอชักจะเกินไปเเล้วนะ"

หลังจากที่รอให้หลินเฉิงจี๋ขยับช้อน ถังซินก็ได้เข้าไปใกล้เพื่อถามเขา "เป็นยังไงบ้าง อร่อยมากเลยใช่มั้ยล่ะ?"

"ไม่อะ"

"หืม?"

ถังซินชิมอาหารที่อยู่ในจานของตัวเอง เธออยากจะพูดว่า 'รสชาติอร่อยมาก' เธอก็เห็นหลินเฉิงจี๋ยิ้มพร้อมกล่าว "อร่อยสุดยอดเลย เป็นบะหมี่เนื้อที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยล่ะ"

"หลินเฉิงจี๋ คุณพูดให้จบรวดเดียวไม่ได้หรอ!" ถังซินจ้องหน้าเขาเเสร้งทำว่าเป็นโกรธ "ฉันคิดว่าพรุ่งนี้จะตุ๋นซุปให้คุณทานอีก เเต่ตอนนี้ฉันไม่อยากทำละ"

หลินเฉิงจี๋ขอโทษขอโพยเธออย่างรวดเร็ว ยิ้มพร้อมกล่าวเสียงเบา "ผมมันไม่ดีเองที่พูดช้าไป คุณอย่าถือสาผมเลยนะ ผมเฝ้ารอมื้อกลางวันที่คุณจะทำวันพรุ่งนี้ที่สุดเลย"

ถังซินสบถในลำคอ "งั้นวันนี้คุณล้างถ้วย พรุ่งนี้ก็เหมือนกัน วันมะรืนก็ด้วย!"

"ได้ครับ"

"ฉันซื้อเมล็ดกุหลาบเขียวมา เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณไปสร้างเพิงกับขุดหน้าดิน ตกลงมั้ย?"

หลินเฉิงจี๋อมยิ้มพร้อมผงกหัว "ตกลงค้าบ"

ถังซินถือช้อนตักอาหารเข้าปากไปอย่างลวกๆ พร้อมกล่าวอย่างไม่จริงจัง "หลังจากรอคุณล้างถ้วยเสร็จเเล้ว เดี๋ยวพวกเรามาเล่นเกมทายนิ้วกันว่าวันนี้จะดูหนังเรื่องอะไร ฉันเลือกไว้เรื่องนึงเเล้ว"

"ไม่เเน่ว่าฉันอาจจะชนะก็ได้นะ?" หลินเฉิงจี๋พูดพร้อมอมยิ้ม ได้พูดคุยกับเธอเเบบนี้ ใจของเขาทั้งสบายทั้งมีความสุข ทั้งสองคนนั้นก็เหมือนกับคู่รักที่ลุ่มหลงกัน "ผมอยากดูหนังสยองขวัญ"

"......ฉันเป็นผู้หญิงนะ คุณไม่ให้ฉันเลือกก่อนหรอ?"

"ให้คุณเลือกก็หมดสนุกสิ"

ถังซินเอามือท้าวเเก้ม พร้อมถอนหายใจกล่าว "ผู้ชายนะ ล้วนเป็นขาหมูซะจริงๆ ไม่เคยเป็นคนที่เจ็บปวดบ้างเลย"

หลินเฉิงจี๋ยิ้มเสียงเบา

พอถึงตอนที่เล่นทายนิ้วว่าใครจะได้เป็นฝ่ายเลือกหนังจริงๆ หลินเฉิงจี๋ก็ใช้กลอุบายหนึ่ง ดูเธอส่งเสียงโห่ร้อง ตอนที่ไปเปิดโปรเจคเตอร์ด้วยความตื่นเต้นดีใจ สายตาที่อ่อนโยน ทั้งดวงตาล้วนเป็นตัวเธอ

ถังซินเลือกหนังสงคราม "ชะตากรรมที่โลกไม่ลืม" ตอนที่เรียนอยู่เธอได้เคยดู เป็นหนังที่ยาวมาก ถ้ามีเวลาว่างเธอจะมารีวิวสักครั้งหนึ่ง ให้ได้รับรู้ความรู้สึกอบอุ่นในสงครามนั้น

บรรยากาศห้องรับเเขกที่ดำขลับ มีเพียงเเสงไฟจากจอโปรเจคเตอร์ที่ฉายออกมา เธอเเละหลินเฉิงตี๋ได้นั่งอยู่บนโซฟา ดูหนังอย่างสงบเสงี่ยม บรรยากาศได้เงียบสงบเป็นอย่างมาก

ถังซินเป็นคนที่ร้องไห้ง่าย ดูถึงกลางเรื่องก็น้ำตาไหลอาบหน้าเเล้ว เธอลูบคลำหากล่องกระดาษทิชชู่ท่ามกลางความมืด จนไม่ระวังไปจับกับมือที่เย็นเฉียบข้างหนึ่งเข้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน