รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน นิยาย บท 374

บทที่ 374 ไม่ไต่สวนแล้ว

หลินเฉิงจี๋โกรธจัด “พี่ใหญ่ ผมยังไม่ได้พูดว่าพี่เป็นคนลงมือ พี่กังวลอะไรกัน”

“ฉันไม่ได้กังวล” จี้เจียจื้อเอนตัวพิงโซฟา ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย “ฉันแค่ทนไม่ได้ที่แค่ส่งสายตามุ่งร้ายมาที่ฉัน ราวกับกว่าฉันนั่นแหละที่เป็นคนร้าย”

โบแนร์เอ่ยแทรกคนทั้งสอง “พอแล้ว หุบปากรอหมอมากันไม่ได้เลยรึ”

เขาหันกลับมามองถังซิน เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอนั้นซีดลงเล็กน้อย “ฉันว่าเธอคงตื่นตกใจแทบแย่ ฉันให้คนรับใช้จัดห้องใหม่ให้เธอแล้ว เดี๋ยวก็ขึ้นไปพักซะล่ะ”

ถังซินส่ายหน้า และปฏิเสธอย่างละมุนละม่อม “ขอบคุณค่ะ คุณโบแนร์ ฉันสบายดีค่ะ ฉันอยากอยู่กับพวกคุณที่ตรงนี้มากกว่า”

โบแนร์ไม่ได้พูดอะไรอีก

ประมาณสิบนาที ในที่สุดหมอก็มาถึง เมื่อเข้ามาที่ห้องรับแขก ก็นึกอยากจะทักทายโบแนร์สักเล็กน้อย โบแนร์โบกมือให้ยกใหญ่ และให้เขาขึ้นไปดูสภาพเสียก่อน

ดังนั้นหมอจึงขึ้นตึกไป ทุกคนจึงนั่งรอกันต่อไป

ผ่านไปได้ห้านาที หมอก็ลงมาจากตึก ทั้งรายงานสถานการณ์ด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “เดรสตัวนั้นถูกเคลือบยาพิษไว้ปริมาณมาก เพียงแค่สัมผัสกับผิวเพียงนิด ร่างก็จะถูกกัดทันที พิษจะแพร่กระจายไปทั่วร่างอย่ารวดเร็ว และจะเจ็บปวดทรมานจนตายภายในสิบนาที”

โบแนร์หันไปถามถังซิน “วันนี้เธอสวมเดรสตัวนี้แล้วหรือยัง”

“หลังจากกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องเมื่อคืน ฉันก็ไม่ได้ใส่อีกเลยค่ะ” ถังซินบอกกับเขาโดยละเอียด “ฉันตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง อาบน้ำเสร็จก็ลงมาทานข้าว หลังจากนั้นก็ไปห้องหนังสือกับColbertเพื่อพบคุณ กลับไปที่ห้องอีกครั้งตอนสามโมง หลับไปและตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนหนึ่งทุ่มครึ่ง และลงมาทานอาหารเที่ยงกับColbertค่ะ”

โบแนร์ที่ได้ยินเช่นนั้น ก็รีบเรียกคนรับใช้มาทันที แล้วถามเธอ “วันนี้เธอกับมาร์ธารับผิดชอบทำความสะอาดห้องของคุณถังรึ”

“ค่ะ” สาวใช้คนนั้นก้มหน้ารับคำ “ตอนเที่ยงหลังจากที่คุณถังออกจากห้องไป พวกเราก็เข้าไปทำความสะอาดหนึ่งรอบ ครั้งที่สองคือตอนค่ำหนึ่งทุ่มกว่าๆ ค่ะ”

“เรียกคนรับใช้ที่ขึ้นชั้นสองวันนี้มาทั้งหมด” โบแนร์สั่งด้วยใบหน้านิ่งเรียบ

โดยเร็วคนรับใช้ที่ขึ้นไปชั้นสองในวันนี้ก็ถูกเรียกตัวมาโดยเร็ว

คนรับใช้ทุกคนที่ถูกถามต่างก็เล่าว่าตัวเองทำอะไรบ้างในเวลานั้น ทั้งยังตรวจดูกล้องวงจรปิดของชั้นสอง ก็ยังไม่เห็นฆาตกร

โบแนร์บันดาลโทสะ จ้องเขม็งไปยังคนรับใช้ “พวกเธอใจกล้าที่กล้าลงมือกับลูกสะใภ้ของฉันใต้จมูกฉันแบบนี้”

ถังซินได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น

เมื่อวานโบแนร์ยังมีอคติกับเธอเต็มไปหมด เหตุใดวันนี้ถึงได้ยกเธอเป็นลูกสะใภ้แล้วกัน

เหล่าคนรับใช้ต่างโวยวายกันพัลวันว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกร

แต่โบแนร์กลัวกล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเธอไม่ใช่ฆาตกร แต่เวลานั้นกลับขึ้นไปบนชั้นสอง ผู้ต้องสงสัยเองก็ต้องถูกส่งเข้าคุกไปทั้งหมด ลูกสะใภ้อเล็กซ์เลียร์ของฉัน ใครหน้าไหนก็มาแตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น ต่อให้ฆ่าคนผิดไปเป็นพัน ฉันก็จะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”

“พ่อ คนรับใช้เหล่านี้อยู่ที่อเล็กซ์เลียร์มานับเจ็ดแปดปี” จี้เจียจื้อเอ่ยขึ้น “พ่อจะจับพวกเขาเข้าคุกดื้อๆ แบบนี้ คนข้างนอกจะพูดเอาได้ว่าเรารังแกคนรับใช้นะ”

หลินเฉิงจี๋กล่าวอย่างไม่ยินดียินร้าย “พี่ใหญ่ ผมจำได้ว่ามีสาวใช้คนหนึ่งทำชุดสูทของพี่เลอะ ตอนนั้นพี่ตีขาเธอจนหักสองขา และไล่ออกทันที พี่นี่ไม่นับว่ารังแกคนใช้หรือ”

“แต่เรื่องในวันนี้ที่ร้ายแรงกว่านั้น มีคนวางยาพิษที่ชุดเดรส ปองร้ายแฟนของผมจนถึงตาย แต่พี่กลับยื่นมือเข้ามาช่วยคนรับใช้ จะไม่ให้คิดมากได้เยี่ยงไรกัน”

จี้เจียจื้อเงยหน้ามองเขา “นั่นคือชุดสูทที่ฉันจะเอาไปเคารพศพแม่ของฉัน เธอทำเลอะ ทั้งยังบอกว่าแม่ฉันเป็นผีที่น่าสงสาร จนโดนฉันจับได้ ฉันมีหลักฐาน ถึงได้ลงโทษ และเรื่องนี้หากนำคนส่งเข้าคุกไปด้วยที่หาหลักฐานการเป็นฆาตกรไม่ได้ ย่อมเป็นการทำลายชื่อเสียงของอเล็กซ์เลียร์เป็นแน่”

เงียบไปอึดใจ สายตาของเขาก็หยุดลงที่ถังซินอย่างไม่ได้ตั้งใจ “ฆาตกรไม่จำเป็นต้องเป็นคนรับใช้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนกำกับการแสดงนี้เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ เพื่อจะได้แต่งเข้าตระกูลของเราอย่างสบายๆ ก็ได้”

“พี่ใหญ่ ระวังปากด้วย” หลินเฉิงจี๋กล่าวอย่างโมโห “ยินยินไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่พี่คิด ผมไล่ตามเธอมานานต่างหาก เธอถึงได้ตกลงปลงใจมากับผม”

จี้เจียจื้อยิ้มบางๆ “ใช่ ตามนายกลับมา เพื่อเรียกสิทธิ์ในการขึ้นสืบทอดให้กับนาอีกครั้ง หากนายทำได้ ก็เท่ากับว่าเธอได้ก้าวสู่สังคมชั้นสูงของประเทศYมาแล้วข้างหนึ่งนี่”

หลินเฉิงจี๋ราวกับถูกยั่วยุจนตบะจะแตก และนึกอยากจะกระโจนไปหาจี้เจียจื้อเต็มทน

ถังซินยื่นมือไปคว้าแขนของเขาไว้แน่น เพื่อหยุดการกระทำของเขา ในตอนที่จะเอ่ยปากพูด ก็ได้ยินเสียงทุบโต๊ะจนลั่นเปรี๊ยะดังขึ้น ฝั่งตรงข้ามนั้นคือโบแนร์ที่มีสีหน้ามืดครึ้ม

“ทะเลาะกันทั้งวันทั้งคืน ยังไม่พอใจกันอีกหรือ คิดว่าคนร้ายดูละครตลกกันมาน้อยหรืออย่างไร”

พวกหลินเฉิงจี๋ไม่ขยับ และไม่ส่งเสียงแม้แต่คำ

ถังซินรออยู่ชั่วครู่ เมื่อเห็นว่าโบแนร์ไม่ได้พูดอะไรอีก ก็เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว “คุณโบแนร์คะ เรื่องนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ดีกัน หากหาคนร้ายไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะค่ะ”

“ที่คุณชายใหญ่พูดนั้นก็ถูก จับคนส่งคุกโดยไม่มีหลักฐาน มีแต่จะทำลายชื่อเสียงของอเล็กซ์เลียร์ หากท่านไม่เชื่อใจคนรับใช้เหล่านี้ ก็แค่ไล่ออกก็พอนี่คะ ท่านว่าคำแนะนำของฉันใช้ได้หรือไม่คะ”

โบแนร์ถามเธอด้วยใบหน้านิ่วคิ้วขมวด “เอาแบบนั้นรึ ไม่ไต่สวนต่อรึ”

“ไม่ไต่สวนแล้วค่ะ” ถังซินหัวเราะ “ฉันยังอยู่ดีมิใช่หรือคะ ต่อจากนี้ก็คงต้องระวังตัวมากขึ้น คนรับใช้ที่บริสุทธิ์คนนั้นต้องมาตายก็เพราะฉันนี่คะ”

“ได้ คนรับใช้เหล่านี้ถูกไล่ออก” เมื่อเห็นเธอไม่ถือสาหาความ โบแนร์ก็โบกมือ “ส่งเงินหนึ่งแสนปอนด์ให้กับครอบครัวของมาร์ธา และแสดงความเสียใจกับพ่อแม่ของเธอด้วย”

คนรับใช้เหล่านั้นเมื่อโดนไล่ออกก็รีบเก็บของออกไปอย่างรวดเร็ว หมอเองก็รีบจากไปเช่นกัน

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำให้โบแนร์เริ่มหนักใจ เมื่อผู้คนแยกย้ายแล้ว เขาก็ขึ้นไปชั้นสอง แต่กันกลับมาอย่างกะทันหัน และตะโกนเรียกจี้เจียจื้อ “ไซเลส์ มาที่ห้องหนังสือ ฉันจะคุยกับแก”

“ครับ พ่อ” จี้เจียจื้อตามเขาขึ้นไปยังชั้นสอง

หลินเฉิงจี๋กลัวว่าถังซินจะหิว จึงลากเธอไปทานอาหารที่ห้องครัว และเอ่ยเสียงแผ่ว “ขอโทษ ทั้งๆ ที่อันตรายกับเธอและลูกขนาดนี้ แต่ผมยังหาคนร้ายไม่เจอ”

“เป็นฝ่ายตรงข้ามที่ฉลาดเกินไป นายไม่ผิด” ถังซินส่ายหน้า บอกให้เขาอย่าได้ใส่ใจอีก

เธอไม่มีศัตรูที่นี่ ทั้งที่นี่คืออาณาเขตของอเล็กซ์เลียร์ ย่อมเป็นการลงมือของจี้เจียจื้อร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่คิดว่าเขาจะลงมือกับเธอทันทีในวันที่สองนี้ เขาเองก็คงทนรอไม่ไหวอีกแล้ว

โชคดีที่เธอรู้สึกว่าชุดตัวนั้นหนักไป เลยไม่คิดจะใส่อีก ไม่อย่างนั้น...

ถังซินมองไปยังทางบันได ก่อนจะกล่าวเสียงจริงจัง “จี้เจียจื้อเก่งจริงๆ ในจังหวะที่นายพูด ยังยกเรื่องแม่ของตัวเองมาพูดได้หน้าตาเฉย โบแนร์รู้ว่าแม่ของเขาเสียชีวิตได้อย่างไร จึงเกิดความรู้สึกผิดขึ้นในใจกับเขา เขาตรงไปยังห้องหนังสือกับโบแนร์ คงใช้โอกาสนี้เรียกทรัพยากรไม่ก็เงินเป็นแน่”

“เป็นผมที่คิดไม่รอบคอบ” หลินเฉิงจี๋เสียใจอย่างสุดซึ้ง

เขาเพียงอยากกระชากหน้ากากที่แท้จริงของจี้เจียจื้อเท่านั้น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นทีของจี้เจียจื้อไปแทน

ถังซินยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยปลอบเขา “ไม่เป็นไร พวกเรายังมีเวลาอีกนาน ไม่ต้องกลัวเขา เขารู้สึกผิดกับแม่ของจี้เจียจื้อแล้วอย่างไร เขารักนายที่สุดก็พอ”

ภาพน้ำมันที่ห้องหนังสือนั้น เป็นหลักฐานชั้นดีที่สุด

“หากพ่อนายไม่รักนาย ตอนที่นายให้คนนำเอกสารนั้นไปให้ เขาคงฉีกไปแล้ว แอบติจี้เจียจื้ออยู่ลับหลัง ทั้งตบจี้เจียจื้อต่อหน้านาย ทั้งยังยื่นโอกาสในการรับสิทธิ์สืบทอดตระกูลให้นายอีกครั้ง นี่ก็แปลได้แล้วว่าเขาอยู่ข้างนายนะ”

“เธอพูดถูก เวลาของพวกเรายังอีกนาน” สายตาของหลินเฉิงจี๋เผยแววมุ่งมั่น

เขารู้ว่าร่างกายของดีขึ้นแล้วก็จริงแต่คงได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

แต่แค่มีถังซินอยู่เคียงข้าง เขาก็พึงพอใจมากแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเต็มใจ ประธานจงรักของฉัน